แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติของชูโงะคุ (Chugoku)

ทะเลเซโตะ (Seto Inland Sea) หรือเซโตะไนไค (Seto Naikai) เป็นทะเลที่อยู่ในวงล้อมของภูมิภาคฮอนชู (Honshu) ภูมิภาคชิโกะคุ (Shikoku) จนถึงภูมิภาคคิวชู (Kyushu) ระยะทางประมาณ 450 กิโลเมตร มีจำนวนเกาะน้อยใหญ่ราว 3,000 เกาะ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในฐานะอุทยานแห่งชาติทางทะเลซึ่งมีความเงียบสงบงดงาม มีอากาศสบายๆ ตลอดปี และอุดมสมบูรณ์ด้วยอาหารทะเลรวมถึงผลิตภัณฑ์ขึ้นชื่ออย่างผลไม้มากมายครบครัน อีกทั้งในปัจจุบันยังมีการจัดงานเทศกาลศิลปะระดับโลกเป็นประจำอีกด้วย

ภูเขาไดเซ็น (Mt. Daizen) เป็นภูเขาที่สูงที่สุดในภูมิภาคชูโงะคุ (Chugoku) และเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัดทตโตริ (Tottori) ในอดีตเคยได้รับการขนานนามว่าเป็น “ภูเขาแห่งพระเจ้า” และเป็นที่ปฏิบัติธรรมของเหล่านักบวช โดยภูเขาอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลถึง 1,729 เมตร ครอบคลุมพื้นที่ทางทิศตะวันตกของจังหวัดทตโตริ ส่วนหนึ่งของภูเขาไดเซ็นเป็นอุทยานแห่งชาติไดเซ็น-โอกิ (Daisen-Oki National Park) ด้วยความอุดมสมบูรณ์จึงถูกยกให้เป็น 1 ใน 100 ภูเขาที่มีชื่อเสียงที่สุดในญี่ปุ่น

นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมสนุกๆ ในช่วงหน้าร้อนอย่างการขี่ม้า ปั่นจักรยาน ตั้งแคมป์ ปีนเขา เดินป่า รวมทั้งการเดินชมธรรมชาติไปตามเส้นทางต่างๆ หรือปีนภูเขาไดเซ็นไปสู่ยอดสูงสุดก็ได้ บริเวณใกล้ ๆ ยอดเขามีพรรณไม้เขตอัลไพน์แปลกๆ หาดูยาก บริเวณกลางเขามีนกป่าหลากชนิด และลงมาบริเวณเชิงเขาก็จะมีสุนัขจิ้งจอกและทานุกิโผล่มาให้เห็นบ้าง จากจุดชมวิวคะงิคะเคะโทเงะ (Kagikake-toge Observatory) สามารถเพลิดเพลินกับทัศนียภาพอันงดงาม และได้เดินป่าเพื่อดื่มด่ำกับธรรมชาติอันยิ่งใหญ่

เนินทรายทตโตริ (Tottori Sand Dunes) หรือที่ชาวญี่ปุ่นรู้จักกันในชื่อ ทตโตริซะคิว (Tottori Sakyu) เป็นที่รู้จักกันในฐานะเนินทรายที่มีความสูงต่ำเป็นชั้นขนาดใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น อยู่ในเมืองฟุคุเบะ (Fukube) จังหวัดทตโตริ(Tottori) มีพื้นที่จากตะวันออกไปตะวันตกรวม 16 กิโลเมตร จากเหนือไปใต้ 2 กิโลเมตร และมีพื้นที่สูงต่ำต่างกันกว่า 47 เมตร ทำให้สามารถได้ชื่นชมความงามที่เปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลาของ “รอยริ้วคลื่น” และ “รอยริ้วคล้ายน้ำไหล” ที่เกิดจากสายลมปะทะกับผืนทราย สร้างความประทับใจให้กับผู้พบเห็น นอกจากนี้ผู้มาเยือนยังสามารถร่วมกิจกรรมสนุกสนานเพลิดเพลินไม่ว่าจะเป็นการขี่อูฐชมเนินทราย พาราไกลด์ดิ้ง (Paragliding) หรือร่มร่อน และกระดานทราย (Sandboard) เป็นต้น

หมู่เกาะโอกิ (Oki Islands) ประกอบด้วยเกาะน้อยใหญ่กว่า 180 เกาะ รวมตัวกันอยู่ในอ่าวห่างจากฝั่งเมืองมัตสึเอะ (Matsue) จังหวัดชิมะเนะ (Shimane) ไปราว 40 กิโลเมตร โดดเด่นด้วยธรรมชาติอันบริสุทธิ์ซึ่งห่างไกลจากผู้คน ถือเป็นเกาะที่มีความสมบูรณ์ของธรรมชาติ  และเป็นอุทยานที่ถูกเลือกให้เป็นหนึ่งในอุทยานธรณีของโลก และที่หมู่เกาะโอกิ (Oki Islands) สามารถมาสัมผัสธรรมชาติได้หลากหลาย เช่น ชมการทำปศุสัตว์เลี้ยงม้าและวัวแบบเปิดบนที่ราบของเกาะ ล่องเรือชมเกาะแก่งและถ้ำที่เกิดจากการกัดเซาะตามธรรมชาติ หรือดำน้ำดูความงามใต้ทะเล

ที่ราบสูงอะคิโยะชิได (Akiyoshidai Plateau)  ตั้งอยู่ในจังหวัดยะมะงุชิ (Yamaguchi) เป็นลานกว้างที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นด้วยภูมิประเทศแบบคาร์สท์ (Karst) คือเป็นหินปูนสูงต่ำ หน้าผาสูงชัน ตะปุ่มตะป่ำ ทัศนียภาพแปลกตาด้วยโขดหินปูนสีขาวเกิดจากการกัดกร่อนของลมและน้ำตามธรรมชาติที่โผล่กระจัดกระจายอยู่ตามจุดต่าง ๆ บนทุ่งหญ้าสีเขียวขจีและเมื่อถึงฤดูใบไม้ผลิจะมีดอกไม้จำนวนมากผลิบานอวดสีสันสวยงาม เช่น ดอกคอสมอส เป็นต้น ส่วนฤดูใบไม้ร่วงนักท่องเที่ยวจะได้เห็นทุ่งหญ้าสีน้ำตาลพลิ้วไสว และในฤดูร้อนก็จะได้ตื่นตาตื่นใจกับเทศกาลดอกไม้ไฟ

ภายใน Akiyoshidai Plateau Quasi-National Park พื้นที่กึ่งอุทยานแห่งชาติ มีถ้ำอะคิโยะชิโด (Akiyoshido Cave) ซึ่งเป็นถ้ำหินปูนเก่าแก่ที่มีความเป็นมายาวนานกว่า 300 ล้านปี มีความยาวประมาณ 10 กิโลเมตร แต่เปิดให้เดินชมเป็นระยะทาง 1 กิโลเมตร บริเวณรอบๆ ถ้ำร่มรื่นด้วยระบบนิเวศน์ที่ยังสมบูรณ์ เต็มไปด้วยต้นไม้ ลำธาร น้ำตก และหินงอกหินย้อยมากมาย ภายในถ้ำติดไฟตลอดทางเดิน จึงปลอดภัยและมองเห็นง่าย จุดสำคัญต่างๆ ภายในถ้ำจะมีป้ายติดไว้เพื่อบอกเล่าข้อมูล เราจะได้เห็นหินงอกหินย้อยลักษณะแปลกตามากมายได้ โดยด้านในมีอุณหภูมิ 17 องศา ทำให้เย็นสบายตลอดทั้งปี