อาหารท้องถิ่นของชูโงะคุ (Chugoku)

มะมะคะริซูชิ (Mamakari Sushi), โอคะยะมะ (Okayama)

มะมะคะริ (Mamakari) คือชื่อของปลาชนิดหนึ่ง มีขนาดเล็ก นิยมทานกันในจังหวัดโอคะยะมะ (Okayama) ชื่อเรียกจริงๆ ของปลาชนิดนี้ก็คือ ซัปปะ (Sappa) โดยเค้าเล่ากันมาว่า… มะมะคะริ (Mamakari) นั้นก็คืออาหารที่ปรุงจากปลาซัปปะอย่างอร่อยเป็นที่สุด จนคนที่ได้ทานเข้าไปแล้วเติมข้าวสวยหลายๆรอบ ทานจนข้าวที่หุงไว้หมดหม้อ จนถึงกับต้องไปขอข้าวสวยมาจากบ้านข้างๆ นั่นแล เมนูยอดนิยมจากปลาชนิดนี้ก็คือ “มะมะคะริซูชิ (Mamakari Sushi)” ทำโดยนำปลามาแล่ออกเป็น 2 ชิ้น ทาเกลือและดองในน้ำส้มสายชู จากนั้นจึงนำมาปั้นเป็นซูชิ ปลามะมะคะริจะอร่อยเป็นพิเศษในฤดูใบไม้ร่วงเนื่องจากมีไขมันสะสมอยู่มาก

โอโคโนมิยากิ (Okonomiyaki), ฮิโรชิมะ (Hiroshima)

โอโคโนมิยากิ (Okonomiyaki)เป็นอาหารญี่ปุ่นชนิดหนึ่งที่นำแป้งสาลีละลายน้ำมาทอดบนแผ่นกระทะเหล็กพร้อมด้วยเครื่องต่างๆ เช่นเนื้อสัตว์ ผัก หรืออาหารทะเลนานาชนิด แล้วทานคู่กับซอสหรือมายองเนส โอโคโนมิยากิของทางแถบคันไซ (Kansai) นิยมนำเครื่องต่างๆ ลงไปผสมกับแป้งละลายน้ำก่อนจึงนำไปทอด แต่ของที่ฮิโรชิมะ (Hiroshima) จะเทแป้งลงบนกระทะเหล็กก่อน จากนั้นใส่กะหล่ำปลี ถั่วงอก เนื้อหมู ยากิโซบะ และไข่ลงไปด้านบนตามลำดับ แล้วจึงทอดโดยกดลงไปให้แนบกับกระทะเหล็ก จึงให้สัมผัสที่กรุบกรอบเป็นเอกลักษณ์ นอกจากนี้โอโคโนมิยากิหน้าหอยนางรมฮิโรชิมะก็เป็นอีกหนึ่งเมนูยอดนิยมเช่นกัน อยากให้ไปลิ้มลองโอโคโนมิยากิจานอร่อยในช่วงฤดูอากาศหนาวเย็นที่กำลังจะมาถึงนี้กัน

ปูมัตสึบะ (Matsuba Crab), ทตโตริ (Tottori)

ปูมัตสึบะ (Matsuba Crab) คือชื่อเรียกของปูซุไว (Suwai Crab / Snow Crab) ที่จับได้ในแถบซันโย (Sanyo) และเป็นผลิตภัณฑ์อาหารทะเลหลักในฤดูหนาวของจังหวัดทตโตริ (Tottori)  ฤดูจับปูมัตสึบะ(Matsuba Crab) จะเริ่มขึ้นในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนของทุกปีไปจนถึงเดือนมีนาคมปีถัดไป ในฤดูหนาวของทะเลญี่ปุ่น (Japan Sea) คลื่นลมจะแรง เนื้อปูที่อัดแน่นอยู่ภายใต้กระดองขนาดใหญ่นั้นจะให้สัมผัสนุ่มแน่นสู้ฟัน ไม่ว่าจะทานดิบๆ ต้ม หรือย่างก็เอร็ดอร่อยไปเสียหมด นอกจากนี้มันปูในฝากระดองก็เหมาะสำหรับจะรับประทานกับข้าวสวยหรือทานกับเหล้าเป็นกับแกล้มเป็นที่สุด

อิซุโมะโซบะ (Izumo Soba), ชิมะเนะ (Shimane)

อิซุโมะโซบะ (Izumo Soba) คือเส้นโซบะของดังของดีในท้องถิ่นอิซุโมะ (Izumo) จังหวัดชิมะเนะ (Shimane) เอกลักษณ์ที่โดดเด่นที่สุดของเส้นโซบะชนิดนี้ก็คือสีที่ออกเข้มกว่าเมื่อเทียบกับเส้นโซบะจากท้องถิ่นอื่นๆ และเนื่องจากแป้งโซบะที่ใช้นั้นได้มาจากการนำเมล็ดโซบะมาบดเป็นแป้งทั้งเปลือก จึงทำให้แป้งที่ได้มีสีดำคล้ำแต่มีกลิ่นหอมและมีรสชาติอร่อยไม่เหมือนใคร

ในฤดูใบไม้ร่วงซึ่งเป็นช่วงเสร็จสิ้นฤดูเก็บเกี่ยวโซบะนี้ ขอแนะนำให้ลองลิ้มรสและกลิ่นอันหอมหวลของ “อิซุโมะโซบะ (Izumo Soba)” ดูกันสักครั้ง

การรับประทานอิซุโมะโซบะ (Izumo Soba) มีอยู่ 2 วิธี

1. วะริโกะโซบะ (Warigo Soba) คือการนำเส้นโซบะไปใส่ในภาชนะทรงกลมซ้อนเป็นชั้นๆ พร้อมด้วยเครื่องต่างๆ เพื่อปรุงรส จากนั้นจึงราดน้ำซอสหรือทสึยุ (tsuyu) ลงไปบนเส้นโซบะแล้วรับประทานโดยเริ่มจากชั้นบนสุดลงไปตามลำดับ

2. คะมะอะเงะโซบะ (Kamaage Soba) คือการนำเอาเส้นโซบะที่เพิ่งลวกจากหม้อมาใส่ในภาชนะ พร้อมเครื่องปรุงแยกมาต่างหาก โดยเริ่มแรกให้ราดน้ำลวกโซบะข้นๆ ลงไป ตามด้วยเทน้ำซอสหรือทสึยุ (tsuyu) แล้วโรยเครื่องต่างๆ เพื่อปรุงรสด้านบน

หม้อไฟส้มซุโอ โอชิมะ (Suo-Oshima Tangerine Hot Pot), ยะมะงุชิ (Yamaguchi)

หม้อไฟส้ม คืออาหารประเภทหม้อไฟ (hot pot) ที่นำผลส้มซึ่งเก็บเกี่ยวได้ที่เกาะซุโอโอชิมะ (Suo Oshima Island) จังหวัดยะมะงุชิ (Yamaguchi) มาย่างทั้งเปลือกแล้วใส่ลงในหม้อไฟ เป็นเมนูที่หาทานได้เฉพาะที่เกาะแห่งนี้เท่านั้น

1. ใส่ผลส้มย่างทั้งเปลือก
2. ใส่ทสึมิเระ (Tsumire)หรือปลาในท้องถิ่นที่จับได้จากทะเลในเซโตะ (Seto Inland Sea) นำมาขูดเนื้อคลุกเคล้ากับผิวส้ม
3. โรยพริกไทยส้มซึ่งทำจากพริกเขียวและผิวส้ม
4. ขั้นตอนสุดท้ายในการรับประทาน จะต้องเทไข่ขาวที่ตีจนขึ้นฟูลงไปในหม้อที่ใส่ข้าวสวยเตรียมไว้ จากนั้นจึงราดไข่แดงลงไปให้ทั่ว แล้วโรยต้นหอมหรือผักมิซุนะ (Mizuna) ลงไปตรงกลางแล้วทานเป็น ข้าวต้มส้ม หากไม่ได้ทานด้วยองค์ประกอบครบทั้ง 4 อย่างนี้ ก็จะเรียกว่าเป็นหม้อไฟส้มไม่ได้

ในส่วนของรสชาตินั้นต้องนับว่าสุดยอด ด้วยกลิ่นหอมสดชื่นอันเป็นเอกลักษณ์ของผลไม้ตระกูลซิตรัส (Citrus) ที่ช่วยกระตุ้นให้เจริญอาหาร และเข้ากันได้ดีกับน้ำซุปหวานกลมกล่อมจากอาหารทะเลหลากชนิด เป็นอาหารที่จะหาทานได้เฉพาะช่วงตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนจนถึงมีนาคม ซึ่งเป็นฤดูอร่อยของส้มนั่นเอง