DAY 4 : ท่องเที่ยวในจังหวัดอิวาเตะและอาคิตะ

แม้จะมีสถานะเป็นโรงงาน แต่คงไม่เกินเลยหากจะบอกว่าสถานที่แห่งนี้คล้ายพิพิธภัณฑ์ที่มีลมหายใจ

โรงงานเครื่องเหล็กอิวาชูนัมบุ เป็นโรงงานผลิตเครื่องเหล็กนัมบุเก่าแก่ที่มีต้นกำเนิดยาวนานกว่า 400 ปี

ความพิเศษของเครื่องเหล็กนัมบุคือเป็นงานฝีมือแบบดั้งเดิมซึ่งมีถิ่นกำเนิดที่เมืองโมริโอกะ และเมืองโอชู ของจังหวัดอิวาเตะ น้ำที่ถูกนำมาต้มในกาน้ำเหล็กนี้จะให้สัมผัสที่ไหลลื่น และมีรสชาติกลมกล่อม เนื่องจากในกาต้มน้ำนั้นมีส่วนผสมของธาตุเหล็กที่สามารถสลายตัวออกมาเมื่อโดนน้ำร้อน จึงเหมาะสำหรับสตรี และท่านที่เป็นโรคโลหิตจางโดยเฉพาะ

โรงงานแห่งนี้มีการจัดแผนผังภายในโรงงานคล้ายกับการไปเที่ยวสวนสนุก โดยผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชมโรงงานสามารถเยี่ยมชมกระบวนการผลิตได้อย่างใกล้ชิดโดยไม่เสียค่าเข้าชม อีกทั้งยังมีแกลเลอรีสินค้าหลากหลายชนิดให้เลือก อาทิ กาน้ำ กระทะ หม้อสุกี้ยากี้ กระดิ่งลม ที่เขี่ยบุหรี่

แม้จะเป็นแบรนด์ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานแต่อยากให้ลืมภาพเก่าๆ อย่างกาน้ำสีดำแบบโบราณไปได้เลย เพราะที่นี่มีการพัฒนาและออกแบบสินค้าให้เข้ากับวิถีชีวิตของคนรุ่นใหม่ เช่น ปรับให้ใช้งานได้กับเตาทุกชนิด อีกทั้งยังมีการแต่งแต้มสีสันที่หลากหลาย และมีรูปแบบที่ทันสมัยมากขึ้นด้วย และคอกาแฟน่าจะถูกใจเพราะมีกาและดริปเปอร์ให้เลือกซื้อด้วย

เสน่ห์ของสวนซากปราสาทโมริโอกะนั้นสามารถดึงดูดได้ทั้งผู้ที่ชื่นชอบธรรมชาติและสนใจประวัติศาสตร์ สวนแห่งนี้สร้างเมื่อปี ค.ศ.1597 ได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งใน 100 อันดับ สวนทางประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่นอีกด้วย

สำหรับนักเดินทางที่อยากชื่นชมความงามของธรรมชาติ สวนสาธารณะแห่งนี้ก็มีความสวยงามแตกต่างกันไปตามฤดูกาล ในฤดูใบไม้ผลิก็จะมีดอกซากุระบานสะพรั่งเต็มสวน ส่วนในฤดูฝนก็จะมีดอกไฮเดรนเยียหลากสีสันให้ชม ในฤดูใบไม้ร่วงก็จะพบกับใบเมเปิ้ล และใบแปะก๊วยแต่งแต้มสีแดงเหลืองไว้อย่างสวยงาม และในฤดูหนาวที่นี่ก็ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาวโพลน ถือเป็นอีกสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองโมริโอกะที่ไม่อยากให้พลาด

ฤดูกาลที่อยากแนะนำเป็นพิเศษคือช่วงใบไม้เปลี่ยนสี บริเวณบ่อน้ำคาเมะกะอิเคะ (Kamegaike) ข้างปราสาท เป็นหนึ่งจุดไฮไลต์ที่แนะนำสำหรับการมาเยือนช่วงที่ใบไม้เปลี่ยนสี บริเวณนี้จะมีต้นแปะก๊วยที่มีใบสีเหลืองอร่ามร่วงหล่นบนพื้นราวกับพรมสีเหลือง แถมยังมีลูกแปะก๊วยที่นิยมนำมาทานกันหล่นอยู่ด้วย ถ้าเดินข้ามสะพานมาฝั่งตรงข้ามก็จะพบกับพรมสีแดงของใบเมเปิ้ล เป็นจุดที่เหมาะสำหรับการถ่ายภาพสวยๆ และเชื่อว่าใครที่มาเยือนก็น่าจะประทับใจ เพราะได้ชมความงดงามของทั้งใบเมเปิ้ลและใบแปะก๊วยพร้อมกัน

ไม่ไกลจากสวนซากปราสาทโมริโอกะมีร้านอาหารที่ชื่อเสียงชื่อ ร้านวะกะนะ สาขาหลัก (Wakana Honten) เป็นร้านเทปปังยากิ (Teppanyaki) ที่โด่งดังเป็นอย่างมากในจังหวัดอิวาเตะ โดยร้านมีทั้งหมด 2 สาขา คือ สาขาหลักตั้งอยู่ที่เมืองโมริโอกะ (Morioka) และอีกสาขาที่เมืองคิตะคามิ (Kitakami)

คอนเซ็ปต์ของร้านคือ การคัดสรรวัตถุดิบคุณภาพดีในท้องถิ่นที่มีตามฤดูกาล นำมาปรุงอาหารเพื่อชูรสความอร่อยของวัตถุดิบนั้นให้ได้มากที่สุด และไม่ใช่เพียงรสชาติ แต่ร้านแห่งนี้ต้องการให้ลูกค้าได้รับความเพลิดเพลินจากประสาทสัมผัสทั้ง 5 รูป รส กลิ่น เสียง และสัมผัส ในขณะที่ทานอาหารไปพร้อมกันด้วย

สำหรับคอร์สแนะนำได้แก่ คอร์ส B อาหารกลางวันประจำเดือนสุดคุ้มค่าราคา 4,070 เยน โดยในคอร์สจะมีสลัดผัก ปลาแซลมอนรมควัน ซุป ผักย่าง เมนูจากปลา และสเต็กซึ่งทางร้านเสิร์ฟเนื้อวากิวพันธุ์อิวาเตะเขาสั้น (ขนาด 70 กรัม) โดยเชฟจะเป็นผู้เลือกส่วนของเนื้อให้ สเต็กเนื้อวัววากิวพันธุ์อิวาเตะเขาสั้น ค่อนข้างหาทานยากเพราะมีเพียง 1 เปอร์เซ็นต์จากวัวทั้งหมด

ไม่ต้องแปลกใจหากสั่งสเต็กมาแล้วแต่ทางร้านไม่มีมีดและส้อมมาให้ เนื่องจากที่ร้านนี้เน้นให้ใช้ตะเกียบทาน ดังนั้นเชฟจึงจะหั่นเนื้อมาให้เป็นชิ้นขนาดพอดีคำพร้อมทาน ส่วนท่านใดที่ไม่รับประทานเนื้อวัว สามารถเลือกทานเมนูอื่นๆ อย่างปลา หรืออาหารทะเลได้ หลังจากทานของคาวแล้วยังมีขนมหวานที่แตกต่างไปตามคอร์สเมนูที่เลือกด้วย

ศูนย์การค้าเฟซัน (Fes"an) เป็นศูนย์การค้าที่เชื่อมต่อโดยตรงกับสถานี JR Morioka ภายในศูนย์การค้ามีร้านค้ามากมายจำหน่ายตั้งแต่เสื้อผ้า สินค้าแฟชั่น เครื่องสำอาง สินค้าในชีวิตประจำวัน รวมทั้งยังมีร้านอาหารที่คุณจะได้เพลิดเพลินกับอาหารญี่ปุ่นแสนอร่อยขึ้นชื่อของเมืองโมริโอกะ เช่น บะหมี่เย็นโมริโอกะ (Morioka Reimen) วังโคะโซบะ (Wanko Soba)

สำหรับใครที่มองหาของฝากติดไม้ติดมือกลับบ้าน ที่นี่มีร้านขายของฝากที่จำหน่ายสินค้าขึ้นชื่อของแต่ละจังหวัดในภูมิภาคโทโฮคุ เช่น ขนมไข่นกนางนวล (Kamome no Tamago) ซึ่งเป็นขนมขึ้นชื่อของจังหวัดอิวาเตะ ขนมนัมบุเซมเบ (Nambusembei) เป็นขนมกรอบพื้นเมืองที่ทำจากแป้งสาลี น้ำ และเกลือ สูตรดั้งเดิมจะมี 2 ชนิด คือโรยหน้าด้วยงาดำ หรือ ถั่วลิสง นอกจากนี้ยังมีร้านค้าปลอดภาษีให้นักท่องเที่ยวต่างชาติช้อปปิ้งได้อย่างเต็มที่อีกด้วย

สำหรับใครที่อยากสัมผัสเสน่ห์ของท้องถิ่นแท้ๆ การเลือกที่พักในรูปแบบฟาร์มสเตย์เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจและน่าจะตอบโจทย์ความต้องการ

ฟาร์มอินน์ มิโดริโนะคะเซะ เป็นฟาร์มสเตย์ตั้งอยู่ที่เมืองเซ็มโบะคุ (Semboku) จังหวัดอาคิตะ บ้านหลังนี้มีเจ้าของเป็นคุณลุงคุณป้าที่รอให้การต้อนรับที่แสนอบอุ่นและเป็นกันเอง

บ้านหลังนี้สร้างมาราวๆ 20 ปีแล้ว เป็นบ้านสไตล์คอทเทจ 2 ชั้น ชั้นล่างมีห้องครัว ห้องโถงซึ่งเป็นที่รับประทานอาหาร ห้องอาบน้ำ และ ห้องที่ปูด้วยเสื่อทาทามิ สามารถปูฟูกฟุตงนอนได้ ส่วนชั้นบนมีห้องนอนอีก 2 ห้อง โดยมีเตียงนอนทั้งหมด 7 เตียง ในส่วนของห้องน้ำมีทั้งชั้นล่างและชั้นบน

สำหรับเมนูอาหารอาหารที่เสิร์ฟจะเป็นเมนูอาหารท้องถิ่นโดยในทุกวัน เจ้าของบ้านจะปรุงด้วยผักและวัตถุดิบตามฤดูกาลจากในท้องถิ่น และผักที่ปลูกเองในสวน เช่น หม้อไฟคิริทัมโปะ (Kiritanpo) ใส่ไก่บ้านฮิไน (Hinai Chicken) เมนูขึ้นชื่อในจังหวัดอาคิตะ

นอกจากนั้นที่นี่ยังมีกิจกรรมเวิร์กช็อปหลากหลายให้เลือกแตกต่างกันไปตามฤดูกาล เช่น กิจกรรมเวิร์กช็อปทำลูกพลับตากแห้งในช่วงใบไม้เปลี่ยนสี กิจกรรมยอดนิยมอีกอย่างคือ การทำเมนูคิริทัมโปะย่าง ซึ่งสามารถมาทำได้ตลอดทั้งปี และเนื่องจากคุณลุงเจ้าของบ้านเป็นช่างไม้คาบะไซคุ (Kaba Zaiku) คุณลุงจึงมักนำไม้มาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่ใช้ในชีวิตประจำวันเอง เช่น กระปุกใส่ใบชา กระปุกใส่เมล็ดกาแฟ หรือที่รองแก้ว โดยหากใครสนใจสามารถเรียนทำที่รองแก้วรูปสุนัขพันธุ์อาคิตะและแมวสามสีกับลุงได้