Taste of Luxury

มาเยือนแดนปลาดิบทั้งที สิ่งที่พลาดไม่ได้คือการมองหาร้านซูชิที่ขึ้นชื่อในแต่ละท้องถิ่นเพื่อลิ้มลองรสชาติ

ร้านชิเกะซูชิ (Shige zushi) คือร้านซูชิท้องถิ่นที่เปิดมานานกว่า 40 ปี จุดเด่นที่ดึงดูดให้นักชิมต้องแวะมาเยือนคือวัตถุดิบที่สดใหม่ ที่สำคัญคือที่นี่มีเมนูสุดแสนพิเศษที่ทางร้านรังสรรค์ขึ้นมาโดยเฉพาะ ไม่สามารถหากินได้จากที่ไหน

โดยเมนูขึ้นชื่อของร้านมีทั้งหมด 4 เมนู ได้แก่ ยัตเตะมาเระด้ง (Yatte Mare Don) เป็นเมนูข้าวหน้ารวมมิตรทะเล มีทั้งกุ้งหวาน ไข่หอยเม่น ไข่ปลาอิคุระ ปลามากุโระ ปู หอยเชลล์ เป็นต้น โดยคำว่า ‘ยัตเตะมาเระ’ เป็นภาษาท้องถิ่น แปลว่า ‘สู้ๆ เขา’ มักตะโกนกันตอนที่เคลื่อนขบวนโคมไฟทะชิเนปุตะในเทศกาลฤดูร้อน

เมนูถัดมาคือ นาดาเระมากิ (Nadare Maki) เป็นการนำข้าวมาปั้นเป็นชิ้นพอดีแล้วนำมาซ้อนเป็นทรงสูง จากนั้นท็อปปิ้งด้วยไข่หอยเม่น ไข่ปลาแซลมอน เนื้อปูแกะ และโรยด้วยต้นหอม คำว่า ‘นาดาเระ’ หมายถึง การไหล ทางร้านอยากจะสื่อว่าเมนูนี้ท็อปปิ้งเยอะมากจนไหลลงมา

อีกเมนูที่อยากแนะนำคือ โมสึเคะมากิ (Motsuke Maki) ข้าวห่อสาหร่ายทรงกระบอกขนาดใหญ่ หั่นเป็นชิ้นพอดีคำ หรือ ที่เรียกกันว่าฟุโตมากิ (Futo Maki) ใส่เครื่องต่างๆ หลากสีสัน คำว่า ‘โมสึเคะ’ หมายถึง คนที่ชอบสร้างเสียงหัวเราะกับเพื่อนฝูง

เมนูสุดท้ายคือ มากุโระคะรุบิด้ง (Maguro Karubi Don) เมนูข้าวหน้าปลามากุโระลนไฟ ราดซอสสูตรเด็ด โรยหน้าด้วยต้นหอมซอย

ใครที่ชื่นชอบอาหารญี่ปุ่น นี่คืออีกร้านที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนอาโอโมริ

คนที่ชื่นชอบการเดินทางด้วยรถไฟน่าจะถูกใจรถไฟรีสอร์ตชิราคามิ (Resort Shirakami) หนึ่งในขบวนรถไฟ Joyful Train ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อมอบประสบการณ์พาผู้โดยสารเดินทางไปบนขบวนรถไฟที่เต็มไปด้วยความสนุกสนาน พร้อมๆ กับค้นพบเสน่ห์ที่ซ่อนอยู่ในพื้นที่ท้องถิ่นที่รถไฟวิ่งผ่าน

รถไฟรีสอร์ตชิราคามิ (Resort Shirakami) เป็นรถไฟสายโกะโน (Gono Line) วิ่งจากสถานี Aomori ไปยังสถานี Akita มีทั้งหมด 3 ขบวนด้วยกัน แต่ละขบวนจะมีชื่อเรียกต่างกันไป คือ อะโออิเคะ (Aoike), คุมะเกะระ (Kumagera) และบุนะ (Buna) โดยจะเปิดให้บริการทุกวัน

จุดเด่นของขบวนรถไฟขบวนนี้คือ เส้นทางที่วิ่งเลียบริมทะเลรวมทั้งเทือกเขาชิราคามิ (Shirakami Sanchi) ซึ่งเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ และได้รับการขึ้นทะเบียนจาก UNESCO สามารถชมความสวยงามของธรรมชาติผ่านหน้าต่างบานใหญ่จากในขบวน

หากวันไหนท้องฟ้าสดใส อากาศดี ผู้ร่วมขบวนจะได้พบกับภาพพระอาทิตย์ดวงกลมโตค่อยๆ ตกลงไปในท้องทะเล แสงสีทองสะท้อนน้ำทะเลชวนให้บรรยากาศดูสวยงามน่าหลงใหลกว่าทีเคย

นอกจากนั้นยังมีกิจกรรมพิเศษในขบวนอย่างการแสดงดนตรีโดยใช้เครื่องดนตรีแบบดั้งเดิมที่เรียกว่า สึกะรุซามิเซ็ง (Tsugaru Shamisen) การเล่าเรื่องตำนานท้องถิ่น และละครหุ่นเชิดแบบดั้งเดิมของผู้คนในท้องถิ่นนี้ ทั้งนี้ ตารางการแสดงต่างๆ ของแต่ละวัน หรือแต่ละขบวนจะแตกต่างกันไป

โคะกะเนะซะกิ ฟุโรฟุชิ อนเซ็น (Koganezaki Furofushi Onsen) ตั้งอยู่ที่เมืองฟุคะอุระมะจิ (Fukauramachi) เป็นโรงแรมที่โดดเด่นด้วยบ่ออนเซ็นกลางแจ้งตั้งอยู่ริมทะเลญี่ปุ่น (Sea of Japan)

ห้องพักที่นี่มีให้เลือกพักได้ตามรสนิยม และความถูกใจ ไม่ว่าจะเป็นห้องสไตล์ญี่ปุ่น ห้องสไตล์ตะวันตก รวมถึงห้องที่ผสมผสานสไตล์ญี่ปุ่นกับตะวันตกเข้าด้วยกัน ในบรรยากาศที่ผ่อนคลาย

ผู้เข้าพักสามารถนอนแช่ตัว และมองเห็นวิวทะเลสวยๆ แบบพาโนรามา พร้อมกับฟังเสียงคลื่นซัดสาดเข้าฝั่งได้อย่างใกล้ชิด ช่วงเวลาที่แนะนำเป็นพิเศษคือช่วงพระอาทิตย์ตกดิน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่แสนพิเศษเพราะหลายคนต่างลงมาแช่อนเซ็น และตั้งตารอชมแสงสีทองของดวงอาทิตย์สะท้อนน้ำทะเล

บริเวณบ่ออนเซ็นแบบกลางแจ้ง จะแยกเป็น 2 บ่อคือ บ่อรวมชายหญิง และบ่อหญิงล้วน แร่ธาตุของน้ำในอนเซ็นแห่งนี้มีแร่เหล็กปนอยู่เป็นจำนวนมาก จึงทำให้น้ำในอนเซ็นเป็นสีน้ำตาล และมีกลิ่นเหล็กโชยออกมา มีสรรพคุณในการช่วยบรรเทาอาการปวดหลังและระบบประสาทต่างๆ โรคไขข้ออักเสบและโรคผิวหนัง นอกจากนี้ยังมีอนเซ็นในร่มอีกหลากหลายบ่อที่ให้ผู้มาพักได้เพลิดเพลินและผ่อนคลายความเหนื่อยล้าได้

นอกจากอนเซ็นที่เป็นไฮไลต์ โรงแรมแห่งนี้ยังมีอาหารที่คัดสรรวัตถุดิบอย่างดีในท้องถิ่น และอาหารทะเลสด ๆ ให้บริการ วัตถุดิบที่ขึ้นชื่อคือ ฟุคะอุระ ยุกิ – นินจิน (Fukaura Yuki Ninjin) แครอทที่เจริญเติบโตใต้หิมะปกคลุม ต่างจากแครอททั่วไปตรงที่รสชาติจะหวานกว่า และกลิ่นไม่แรง เนื่องจากแครอทพันธุ์นี้ ต้องสะสมน้ำตาลให้มากกว่าน้ำ เพื่อไม่ให้เซลล์ถูกทำลายจากการแข็งตัวของน้ำ จึงทำให้แครอทเหล่านี้มีน้ำตาลมากกว่าแครอททั่วไป

ยุเซะ อนเซ็นเป็นอีกโรงแรมที่ขึ้นชื่อเรื่องการแช่อนเซ็น โรงแรมแห่งนี้ตั้งอยู่ที่เมืองคะซุโนะ จังหวัดอาคิตะ การตกแต่งภายในโรงแรมเน้นใช้วัสดุที่ทำจากไม้เป็นหลักให้ความรู้สึกอบอุ่นใกล้ชิดธรรมชาติ

ภายในห้องพักมีอนเซ็นส่วนตัวในห้อง สะดวกสบายมาก สามารถแช่น้ำได้ทุกเวลาตามต้องการ น้ำพุร้อนของที่นี่มีความเป็นด่างสูงถึง 9.1 เชื่อกันว่าถ้ามาแช่อนเซ็น 2 - 3 ครั้ง จะทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งสดใสมีน้ำมีนวลมากยิ่งขึ้น หากได้แช่น้ำไปพร้อมชมวิวแม่น้ำและใบไม้เปลี่ยนสีจากระเบียงห้องพักจะยิ่งประทับใจกว่าเดิม

อาหารทั้งมื้อเช้าและมื้อค่ำของที่พักแห่งนี้เป็นอาหารแบบบุฟเฟ่ต์ เน้นการปรุงโดยใช้วัตถุดิบที่ผลิตในท้องถิ่นเป็นหลัก อาหารมีรสชาติเค็มนำซึ่งเป็นเอกลักษณ์การปรุงอาหารของภูมิภาคโทโฮคุ

เมนูแนะนำคือหม้อไฟคิริทัมโปะ (Kiritanpo) อาหารขึ้นชื่อของจังหวัดอาคิตะ รวมถึงฮะจิมันไตพอร์ค (Hachimantai Pork) หมูแบรนด์ท้องถิ่น สำหรับสายเนื้อต้องไม่พลาดเนื้อวากิวสันนอกวัวญี่ปุ่นพันธุ์ขนดำทั้งนุ่มและอร่อยละลายในปาก ส่วนของหวานก็ต้องลองชิมโมจิบัตเตอร์ ขนมหวานพื้นบ้านของจังหวัดอาคิตะตอนเหนือและพุดดิ้งชีสเด้งดึ๋ง

ที่พักแห่งนี้เอาใจนักเดินทางที่ชื่นชอบการอนเซ็น โดยตั้งอยู่ที่ ยามะโนะคะมิ อนเซ็น ซึ่งเป็นแหล่งอนเซ็นที่อยู่ในเมืองฮานะมาคิ (Hanamaki) จังหวัดอิวาเตะ

ยามะโนะคะมิ อนเซ็น เบชโช เซริวคัง มีห้องพักทั้งหมด 20 ห้อง โดยทุกห้องมีการผสมผสานความเป็นตะวันออกและตะวันตกเข้าด้วยกันอย่างลงตัว และทุกห้องจะมีบ่ออนเซ็นส่วนตัว ซึ่งบ่ออนเซ็นทำมาจากไม้ฮิบะ (Hiba) ที่มีกลิ่นหอม

สิ่งที่น่าประทับใจเป็นพิเศษคือภูมิทัศน์ธรรมชาติสวยงาม ซึ่งผู้เข้าพักสามารถเพลิดเพลินขณะแช่อนเซ็นไปด้วย หรือหากใครอยากเปลี่ยนบรรยากาศไปแช่อนเซ็นรวม เพื่อใช้เวลากับครอบครัวและเพื่อนๆ ขอแนะนำ ‘นาโงะมิ โนะ ยุ (Nagomi no Yu)’ ที่มีให้บริการทั้งบ่ออนเซ็นในร่ม บ่ออนเซ็นกลางแจ้ง และห้องซาวน่าด้วย โดยน้ำร้อนของที่นี่มีค่า pH เป็นด่างสูงถึง 9.3 มีความหนืดเล็กน้อยคล้ายกับน้ำตบ จึงได้รับฉายาว่า ‘บิจินโนะยุ (Bijin no Yu)’ หรือ น้ำร้อนแห่งความงาม เมื่อแช่แล้วจะทำให้ผิวชุ่มชื้น และมีสรรพคุณช่วยรักษาโรคต่างๆ เช่น โรคเหน็บชา อาการปวดกล้ามเนื้อ

เมนูอาหารของที่นี่ก็หลากหลาย จุดเด่นคือความอลังการของการตกแต่งอาหารและความใส่ใจในทุกรายละเอียด ไม่ว่าจะเป็นการเลือกใช้ทั้งวัตถุดิบชั้นดี และการจัดแต่งจานที่สวยงาม โดยมื้อค่ำเป็นอาหารคอร์สสไตล์ญี่ปุ่น ส่วนมื้อเช้ามีกับข้าวจานเล็กจานน้อยละลานตาไปหมด

เมื่อถึงเวลาเช็คเอาท์ทางโรงแรมก็มีเซอร์ไพรส์สุดพิเศษด้วยการเตรียมครัวซองต์ไว้ทานเล่นระหว่างเดินทาง โดยพนักงานแอบบอกว่าของฝากนี้จะหมุนเวียนเปลี่ยนไปตามฤดูกาล

ไม่ไกลจากสวนซากปราสาทโมริโอกะมีร้านอาหารที่ชื่อเสียงชื่อ ร้านวะกะนะ สาขาหลัก (Wakana Honten) เป็นร้านเทปปังยากิ (Teppanyaki) ที่โด่งดังเป็นอย่างมากในจังหวัดอิวาเตะ โดยร้านมีทั้งหมด 2 สาขา คือ สาขาหลักตั้งอยู่ที่เมืองโมริโอกะ (Morioka) และอีกสาขาที่เมืองคิตะคามิ (Kitakami)

คอนเซ็ปต์ของร้านคือ การคัดสรรวัตถุดิบคุณภาพดีในท้องถิ่นที่มีตามฤดูกาล นำมาปรุงอาหารเพื่อชูรสความอร่อยของวัตถุดิบนั้นให้ได้มากที่สุด และไม่ใช่เพียงรสชาติ แต่ร้านแห่งนี้ต้องการให้ลูกค้าได้รับความเพลิดเพลินจากประสาทสัมผัสทั้ง 5 รูป รส กลิ่น เสียง และสัมผัส ในขณะที่ทานอาหารไปพร้อมกันด้วย

สำหรับคอร์สแนะนำได้แก่ คอร์ส B อาหารกลางวันประจำเดือนสุดคุ้มค่าราคา 4,070 เยน โดยในคอร์สจะมีสลัดผัก ปลาแซลมอนรมควัน ซุป ผักย่าง เมนูจากปลา และสเต็กซึ่งทางร้านเสิร์ฟเนื้อวากิวพันธุ์อิวาเตะเขาสั้น (ขนาด 70 กรัม) โดยเชฟจะเป็นผู้เลือกส่วนของเนื้อให้ สเต็กเนื้อวัววากิวพันธุ์อิวาเตะเขาสั้น ค่อนข้างหาทานยากเพราะมีเพียง 1 เปอร์เซ็นต์จากวัวทั้งหมด

ไม่ต้องแปลกใจหากสั่งสเต็กมาแล้วแต่ทางร้านไม่มีมีดและส้อมมาให้ เนื่องจากที่ร้านนี้เน้นให้ใช้ตะเกียบทาน ดังนั้นเชฟจึงจะหั่นเนื้อมาให้เป็นชิ้นขนาดพอดีคำพร้อมทาน ส่วนท่านใดที่ไม่รับประทานเนื้อวัว สามารถเลือกทานเมนูอื่นๆ อย่างปลา หรืออาหารทะเลได้ หลังจากทานของคาวแล้วยังมีขนมหวานที่แตกต่างไปตามคอร์สเมนูที่เลือกด้วย

นอกจากดื่มด่ำรสชาติอาหาร ผู้มาเยือนภัตตาคารโชเคคาคุ (Shokeikaku) จะได้ดื่มด่ำบรรยากาศพิเศษอันเป็นผลจากสถานที่ที่ผ่านกาลเวลามายาวนาน สถาปัตยกรรมของภัตตาคารแห่งนี้สะท้อนช่วงเวลาที่ถือกำเนิดขึ้นในช่วงปลายยุคเมจิ โครงสร้างอาคารเป็นไม้โบราณ และใช้ภูมิปัญญาดั้งเดิมในการก่อสร้างอย่างวิธีการเชื่อมไม้โดยไร้ตะปู แรกเริ่มเดิมทีสถานที่แห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่พักอาศัยของตระกูลดาเตะ (Date) ที่เป็นเจ้าเมืองในขณะนั้น

เหตุการณ์สำคัญที่ช่วยเพิ่มคุณค่าให้พื้นที่นี้คือ คฤหาสน์หลังนี้เคยเป็นที่ประทับของจักรพรรดิฮิโรฮิโตะ (Emperor Hirohito) ในคืนแรกที่เสด็จเยือนภูมิภาคโทโฮคุ (Tohoku) สถานที่แห่งนี้จึงเป็นคล้ายมรดกทางวัฒนธรรมที่สำคัญของพื้นที่ และได้รับการบูรณะปรับปรุงในภายหลัง โดยยังคงสถาปัตยกรรมญี่ปุ่นในช่วงปลายยุคเมจิเอาไว้ให้ใกล้เคียงเค้าโครงดั้งเดิมให้มากที่สุด หากเดินสำรวจจะพบว่ามีหลายสิ่งหลายอย่างยังคงถูกเก็บไว้อย่างดี ไม่ว่าจะเป็นตราสัญลักษณ์ประจำตระกูลดาเตะ ชุดโซฟาที่จักรพรรดิฮิโรฮิโตะเคยนั่ง หรือกระจกตรงที่กั้นบริเวณตรงหน้าประตูก็เป็นกระจกสมัยโบราณอย่าง Taisho Glass ที่ทำในยุคไทโช

ส่วนเมนูที่ถือเป็นไฮไลต์ และเป็นเหตุผลที่ใครหลายคนดั้นด้นเดินทางมาภัตตาคารโชเคคาคุ คือ ‘เซนได ทันสุ เรียวริ (Sendai Tansu Ryori)’

อาหารญี่ปุ่นแบบคอร์สที่จะเสิร์ฟมาพร้อมกันในตู้ลิ้นชักซึ่งทำจากไม้ และเหล็กสุดปราณีตซึ่งเรียกว่าตู้เซนไดทันสุ (Sendai Tansu) เป็นงานฝีมือขึ้นชื่อที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นเฉพาะตัวของเมืองเซนได (Sendai) จังหวัดมิยากิ (Miyagi) โดยเมนูในลิ้นชักแต่ละอย่างในคอร์สปรุงจากวัตถุดิบตามฤดูกาล มีตั้งแต่อาหารเรียกน้ำย่อย ซาชิมิ เทมปุระ เมนูย่าง เมนูนึ่ง ผักดอง ข้าวอบ ไปจนถึงของหวาน

นอกจากความพิเศษของอาคารและอาหารแล้ว ยังมีทิวทัศน์ของสวนญี่ปุ่นอันงดงามให้ผู้มาเยือนได้เพลิดเพลินอีกด้วย

อาจกล่าวได้ว่านี่คือที่พักที่สมบูรณ์แบบที่สุดแห่งหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นการบริการ สิ่งอำนวยความสะดวก และบรรยากาศสุดแสนวิเศษ เพียงก้าวเท้าเข้าไปก็คล้ายกำลังเข้าสู่อีกดินแดนอันเงียบสงบและผ่อนคลาย

ไดคงโนะฮานะ (Daikon no Hana) เป็นที่พักสไตล์ญี่ปุ่นสุดหรูซึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติกว้างใหญ่ ครอบคลุมพื้นที่ป่าอันอุดมสมบูรณ์ บริเวณจุดต้อนรับแขกมีดีไซน์ทันสมัย ผสานความหรูหรา และเรียบง่ายแบบญี่ปุ่นได้อย่างลงตัว และที่น่าประทับใจคือบริเวณทางเข้ามีเครื่องพ่นแอลกอฮอล์ ทำความสะอาดมือให้บริการโดยมีกิมมิกสุดแสนน่ารักอย่างการใช้อ่างตักน้ำแบบที่ใช้ในห้องอนเซ็นมาวาง ให้ความรู้สึกผ่อนคลายตั้งแต่ก้าวเข้าโรงแรม

ที่นี่มีห้องพักแบบวิลล่าจำนวน 18 หลัง ทุกหลังตกแต่งแตกต่างกัน แต่ละหลังสวยงามมีเอกลักษณ์ จุดเด่นอย่างหนึ่งที่ทุกคนสัมผัสได้คือโรงแรมนี้มีความเป็นส่วนตัวสูง และสิ่งที่พิเศษที่สุดคือห้องพักทุกหลังมีอนเซ็นส่วนตัว เหมาะสำหรับมาพักผ่อนกับครอบครัว หรือคนรู้ใจ

ห้องพักหนึ่งที่โดดเด่ดคือห้องพักที่ชื่อ ‘ซุงิ (Sugi)’ ห้องนอนกว้างให้ความรู้สึกโล่งโปร่งสบาย เตียงใหญ่ เฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้นแต่มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่จำเป็นครบครัน และมีบ่ออนเซ็นส่วนตัวขนาดใหญ่แสนเอ็กซ์คลูซีฟด้านนอกให้นอนแช่ดูดาวยามค่ำคืน

นอกจากอนเซ็นส่วนตัวภายในห้องพักแล้วยังมีอนเซ็นกลางแจ้งของโรงแรมที่เป็นน้ำพุร้อนจากธรรมชาติทั้งหมด 4 บ่อ และบ่อรวมใหญ่ (แยกชาย-หญิง) อีก 1 บ่อ ห้องอนเซ็นนี้เป็นแบบไพรเวทแต่ไม่จำเป็นต้องจองล่วงหน้า เพียงแค่ใช้วิธีสังเกตก่อนเข้าใช้บริการว่าตรงทางเข้าว่ามีไม้ไผ่มากันราวไว้หรือไม่ ถ้าไม่มีก็สามารถเข้าไปแช่ได้เลย แขกที่เข้าพักสามารถเพลิดเพลินกับการแช่น้ำร้อนได้อย่างเต็มที่จนถึงเวลาเช็คเอาท์ น้ำร้อนของอนเซ็นแห่งนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นน้ำร้อนเพื่อผิวสวย อ่อนโยนต่อผิวพรรณ ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น ทั้งยังช่วยทำความสะอาดได้อย่างหมดจดพร้อมคงความสมดุลของผิวไว้

นอกจากนี้ สำหรับสายกิน ภายในโรงแรมมีห้องอาหารที่เสิร์ฟเมนูมื้อค่ำอาหารญี่ปุ่นแบบคอร์สหรูหรา และอร่อยจนลืมไม่ลง ส่วนสายกิจกรรมทางโรงแรมยังมีจักรยานให้ปั่นออกกำลังกายได้ด้วย

สำหรับที่พักสุดพิเศษเช่นนี้ อยากแนะนำให้เผื่อเวลาเข้ามาเช็คอินเร็ว ๆ หรือไม่ก็ควรเข้าพักอย่างน้อย 2 คืน เพื่อใช้เวลาดื่มด่ำบรรยากาศให้เต็มอิ่ม

สำหรับใครที่ชื่นชอบอาหารทะเลสดใหม่ภัตตาคารทะริทสึอัน (Taritsuan) คือหนึ่งในร้านอาหารที่ไม่ควรพลาด

ภัตตาคารทะริทสึอัน (Taritsuan) เป็นภัตตาคารเก่าแก่ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานมาตั้งแต่ช่วงราวๆ ปีโชวะที่ 30-39 (ค.ศ. 1955-1964)

จุดเด่นของทางร้านคือการเสิร์ฟอาหารที่ปรุงจากวัตถุดิบสดใหม่คุณภาพดีจากในท้องถิ่นเป็นหลัก เมนูอาหารขึ้นชื่อของทางร้าน ได้แก่ ‘อะนาโงะ ฮิทสึมะบุชิ (Anago Hitsumabushi)’ หรือข้าวหน้าปลาไหลทะเลย่าง ที่ทางร้านคัดเฉพาะอะนาโงะ (Anago) หรือปลาไหลทะเลที่มีเนื้อหนา นำไปใส่สาเกเล็กน้อยก่อนนำไปนึ่ง หลังจากนั้นจึงนำไปย่างจนหอมกรุ่น ราดด้วยซอสหวานรสชาติเข้มข้นสูตรพิเศษของเชฟซึ่งปรุงมาจากโชยุที่ผลิตจากถั่วเหลืองที่ปลูกในจังหวัดมิยากิ (Miyagi)

อีกเมนูขึ้นชื่อคือ ‘หอยนางรมชุบเกล็ดขนมปังทอด’ ซึ่งจะมีเฉพาะในช่วงฤดูหนาวเท่านั้น ทางร้านใช้หอยนางรมขนาดใหญ่จากในท้องถิ่น นำไปชุบเกล็ดขนมปังที่ทางร้านนำมาผสมรวมกันถึง 4 ชนิด แล้วนำไปทอดในน้ำมันถึง 2 รอบ ด้วยอุณหูมิที่ต่างกัน ทำให้รสสัมผัสภายนอกนั้นกรอบแต่ยังชุ่มฉ่ำอยู่ภายใน ทานคู่กับซอสทาร์ทาร์โฮมเมดสูตรเด็ดยิ่งเพิ่มความอร่อยมากขึ้นไปอีก

นอกจากอาหารแล้วการดื่มด่ำกับทัศนียภาพของอ่าวมัตสึชิมะนั้นก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรพลาด บริเวณไม่ไกลจากร้านมีอีกหนึ่งจุดชมวิวที่สวยงาม ‘อุมะโนะเสะ (Umanose)’ เป็นพื้นที่ที่ทอดยาวไปในทะเล คุณสามารถสั่งเบนโตจากที่นี่ไปนั่งทานอย่างผ่อนคลายได้ที่จุดชมวิวนี้

*กรุณาจองล่วงหน้าอย่างน้อย 1 วัน

นี่คือร้านอาหารที่ ‘ปู’ คือพระเอก ซีฟู้ด เรสเทอรองท์ เม็กซิโก (Seafoods Restaurant MEXICO) เป็นร้านอาหารที่เน้นเมนูจากปูเป็นหลัก ภายใต้แนวคิด ‘ใส่ใจเรื่องสุขภาพผ่านอาหารการกิน’

ความพิเศษของ ซีฟู้ด เรสเทอรองท์ เม็กซิโก สาขาโคริยามะ (Koriyama) คือการตกแต่งให้บรรยากาศดูร่มรื่น เหมือนกับยกสวนป่ามาไว้ในร้านอาหาร มีอาคารฟลามิงโกที่มีนกฟลามิงโกตัวจริงให้ดูอย่างใกล้ชิด เป็นบรรยากาศการทานอาหารที่เหมือนพาเราหลุดไปยังอีกโลกหนึ่ง

เมนูอาหารของร้านนี้มีหลากลาย ไม่ว่าจะเป็นอาหารทานเล่น สเต็ก พาสต้า กราแตง สลัด ซุป อาหารญี่ปุ่น และอาหารเม็กซิกัน สำหรับเมนูเด็ดขึ้นชื่อและแนะนำให้ได้ลิ้มลองคือ ‘คานิ พิราฟุ (Kani Pirafu)’ ซึ่งเป็นเมนูข้าวผัดดั้งเดิมของชาวเม็กซิกัน โดยจะใส่ปูซุไว (Suwai Crab) ชิ้นโตลงไปผัดกับข้าว ดึงเอากลิ่นและรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ออกมาได้อย่างชัดเจน ด้วยปริมาณปูที่ล้นหลามและราคาที่สมเหตุสมผล เมนูนี้จึงกลายเป็นที่ชื่นชอบของลูกค้า และขายดีมาอย่างช้านาน

นอกจากปูแล้ว ยังมีข้าวผัดหอยนางรมพิราฟุ (Oyster Pirafu) ข้าวผัดเนื้อพิราฟุ (Beef Pirafu) และข้าวผัดไข่หอยเม่นพิราฟุ (Uni Pirafu) ให้เลือกทานกันหลากหลายรสชาติ

รีสอร์ทแห่งนี้ตั้งอยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติ รายล้อมด้วยทะเลสาบฮิบะระ (Lake Hibara) และภูเขาบันได (Mt. Bandai) ซึ่งเป็นหนึ่งใน 100 ภูเขาที่มีชื่อเสียงที่สุดในญี่ปุ่น

ผู้เข้าพัก อุระบันได เลค รีสอร์ท (Urabandai Lake Resort) สามารถเพลิดเพลินกับความงามของธรรมชาติทั้งสี่ฤดูกาลได้ตลอดทั้งปี รอบบริเวณรีสอร์ทมีกิจกรรมมากมายที่ออกแบบมาเพื่อให้ผู้เข้าพักได้เข้าถึงธรรมชาติ สามารถสนุกได้ทั้งครอบครัว เช่น การเล่นสกี ทัวร์เดินป่าด้วยสโนว์ชูส์ (Snow Shoes) ชมผืมน้ำสีมรกตของทะเลสาบโกะชิคินุมะ (Goshikinuma Ponds) ได้อย่างใกล้ชิด

บรรยากาศภายในรีสอร์ทตกแต่งอย่างหรูหรา รายล้อมด้วยชิ้นงานศิลปะ สอดคล้องกับความงดงามของธรรมชาติ ให้ผู้เข้าพักได้ผ่อนคลาย และมีความสุขไปกับคนรู้ใจ และครอบครัวในช่วงเวลาอันแสนพิเศษ ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสะดวกสบาย พร้อมการบริการที่เอาใจใส่แบบโอโมเตะนาชิ (Omotenashi) ซึ่งเป็นหัวใจการให้บริการของชาวญี่ปุ่น

ภายในโรงแรมมีห้องอาหารฝรั่งเศส ‘Maple’ ที่สามารถชมวิวของทะเลสาบฮิบะระได้อย่างชัดเจน แนะนำให้รีบมาตั้งแต่ช่วงเย็นก่อนที่ท้องฟ้าจะมืดเพื่อจะได้ชมทัศนียภาพระหว่างทานอาหารไปด้วยได้ เมนูแนะนำคือ ‘ฟัวกราส์ย่าง (Sauteed Foie Gras)’ รสชาตินุ่มมัน มีระดับ และเมนู ‘กุ้งราดซอส (Shrimp Nage)’ ที่เป็นกุ้งล็อบสเตอร์ราดซอสอเมริเคนรสชาติเข้มข้นและกลมกล่อมจากกุ้ง ผัก และเครื่องเทศ

สำหรับคนที่ชื่นชอบธรรมชาติ และอนเซ็น ซากิยะ ซันโซราอิ (Sagiya Sansorai) น่าจะเป็นที่พักที่ตอบโจทย์ในใจ

ซากิยะ ซันโซราอิ เป็นโรงแรมสไตล์ญี่ปุ่น ซึ่งตั้งอยู่ในจังหวัดยามากาตะ (Yamagata) ที่ผู้มาเยือนสามารถมาใช้เวลาสัมผัสกับธรรมชาติได้อย่างใกล้ชิด ให้ความรู้สึกยามเข้าพักเสมือนเป็นบ้านอีกหลังหนึ่ง

ที่พักแห่งนี้ถูกโอบล้อมด้วยความอบอุ่นของบรรยากาศแบบชนบทและความยิ่งใหญ่ของภูเขาซะโอ (Zao Mountain) รวมทั้งมีอนเซ็นที่ไหลมาจากแหล่งต้นกำเนิดน้ำพุร้อนให้แช่อย่างผ่อนคลาย โรงแรมแห่งนี้เป็นอาคารชั้นเดียวที่ถูกแบ่งเป็น 2 โซน คือ คิจิเนะ (Kijine) และคิโยเสะ (Kiyose) จากห้องพักทุกห้องของทั้งสองโซนสามารถมองเห็นสวนสไตล์ญี่ปุ่นที่สวยงามแตกต่างกันไปทั้ง 4 ฤดูกาลได้

ห้องพักในสไตล์ญี่ปุ่นดั้งเดิมนี้มีหลายรูปแบบให้เลือก เช่น ห้องพักที่มีอ่างอาบน้ำในห้อง หรือห้องพักที่มีอ่างอาบน้ำกลางแจ้งแบบส่วนตัวสำหรับเพลิดเพลินกับการแช่น้ำพุร้อนจากคามิโนะยามะอนเซ็น (Kaminoyama Onsen)

นอกจากความสะดวกสบายของห้องพักและบรรยากาศแสนผ่อนคลายแล้วคุณยังจะได้เต็มอิ่มกับอาหารแสนอร่อยที่ปรุงมาจากผักสดและข้าวที่เก็บเกี่ยวมาจากในบริเวณโรงแรม พร้อมทั้งยังมี ‘เนื้อยามากาตะ (Yamagata Beef)’ หนึ่งในเนื้อคุโรเกะวากิว (Kuroge Wagyu) หรือวัวขนดำที่ดีที่สุดในญี่ปุ่น

ภายในโรงแรมมีกิจกรรมมากมายให้ทำ เช่น การเก็บผักจากในแปลงผักของโรงแรม การเดินเล่นผ่อนคลายริมทุ่งนาฟังเสียงนกร้อง หรือการเล่นโยคะท่ามกลางธรรมชาติก็น่าสนใจไม่แพ้กัน