DAY 1 : ท่องเที่ยวในจังหวัดมิยากิ

เริ่มต้นออกเดินทางกันที่ สนามบินนานาชาติเซนได (Sendai International Airport) ที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองเซนได (Sendai) ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวและเมืองหลักที่เป็นศูนย์กลางของภูมิภาคโทโฮคุ (Tohoku) แล้วยังเปรียบเสมือนประตูสู่จังหวัดอื่นๆ ในภูมิภาคอีกด้วย ภายในสนามบินมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน อาทิ ศูนย์บริการข้อมูลนักท่องเที่ยว จุดแลก JR Pass จุดบริการ Free Wi-Fi เคาน์เตอร์แลกเปลี่ยนเงิน บริการจัดส่งกระเป๋าเดินทาง จุดบริการรับ-ฝากสัมภาระ

ภายในสนามบินมีร้านอาหารหลากหลายให้ได้ลิ้มลองเมนูเด็ดขึ้นชื่อของเมืองนี้ เมนูแนะนำที่ต้องไม่พลาด คือ “ซุนดะ เชค (Zunda Shake)” ถั่วแระญี่ปุ่นที่นำมาทำเป็นเครื่องดื่ม รสหวานละมุนตัดกับรสเค็มอย่างลงตัว หอมกลิ่นถั่วอ่อนๆ แถมยังได้เคี้ยวเพลินกับถั่วบดกรุบๆ และเมนูขึ้นชื่ออย่าง “ลูกชิ้นปลาซาซาคามาโบโกะ (Sasakamaboko)” รวมทั้ง “ลิ้นวัว (Gyutan)” ที่ย่างร้อนๆ สดใหม่ให้ได้ชิมกันด้วย

นอกจากดื่มด่ำรสชาติอาหาร ผู้มาเยือนภัตตาคารโชเคคาคุ (Shokeikaku) จะได้ดื่มด่ำบรรยากาศพิเศษอันเป็นผลจากสถานที่ที่ผ่านกาลเวลามายาวนาน สถาปัตยกรรมของภัตตาคารแห่งนี้สะท้อนช่วงเวลาที่ถือกำเนิดขึ้นในช่วงปลายยุคเมจิ โครงสร้างอาคารเป็นไม้โบราณ และใช้ภูมิปัญญาดั้งเดิมในการก่อสร้างอย่างวิธีการเชื่อมไม้โดยไร้ตะปู แรกเริ่มเดิมทีสถานที่แห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่พักอาศัยของตระกูลดาเตะ (Date) ที่เป็นเจ้าเมืองในขณะนั้น

เหตุการณ์สำคัญที่ช่วยเพิ่มคุณค่าให้พื้นที่นี้คือ คฤหาสน์หลังนี้เคยเป็นที่ประทับของจักรพรรดิฮิโรฮิโตะ (Emperor Hirohito) ในคืนแรกที่เสด็จเยือนภูมิภาคโทโฮคุ (Tohoku) สถานที่แห่งนี้จึงเป็นคล้ายมรดกทางวัฒนธรรมที่สำคัญของพื้นที่ และได้รับการบูรณะปรับปรุงในภายหลัง โดยยังคงสถาปัตยกรรมญี่ปุ่นในช่วงปลายยุคเมจิเอาไว้ให้ใกล้เคียงเค้าโครงดั้งเดิมให้มากที่สุด หากเดินสำรวจจะพบว่ามีหลายสิ่งหลายอย่างยังคงถูกเก็บไว้อย่างดี ไม่ว่าจะเป็นตราสัญลักษณ์ประจำตระกูลดาเตะ ชุดโซฟาที่จักรพรรดิฮิโรฮิโตะเคยนั่ง หรือกระจกตรงที่กั้นบริเวณตรงหน้าประตูก็เป็นกระจกสมัยโบราณอย่าง Taisho Glass ที่ทำในยุคไทโช

ส่วนเมนูที่ถือเป็นไฮไลต์ และเป็นเหตุผลที่ใครหลายคนดั้นด้นเดินทางมาภัตตาคารโชเคคาคุ คือ ‘เซนได ทันสุ เรียวริ (Sendai Tansu Ryori)’

อาหารญี่ปุ่นแบบคอร์สที่จะเสิร์ฟมาพร้อมกันในตู้ลิ้นชักซึ่งทำจากไม้ และเหล็กสุดปราณีตซึ่งเรียกว่าตู้เซนไดทันสุ (Sendai Tansu) เป็นงานฝีมือขึ้นชื่อที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นเฉพาะตัวของเมืองเซนได (Sendai) จังหวัดมิยากิ (Miyagi) โดยเมนูในลิ้นชักแต่ละอย่างในคอร์สปรุงจากวัตถุดิบตามฤดูกาล มีตั้งแต่อาหารเรียกน้ำย่อย ซาชิมิ เทมปุระ เมนูย่าง เมนูนึ่ง ผักดอง ข้าวอบ ไปจนถึงของหวาน

นอกจากความพิเศษของอาคารและอาหารแล้ว ยังมีทิวทัศน์ของสวนญี่ปุ่นอันงดงามให้ผู้มาเยือนได้เพลิดเพลินอีกด้วย

หนึ่งในสิ่งที่เป็นเสน่ห์ของญี่ปุ่นคือภูมิปัญญาด้านศิลปหัตถกรรมที่ถูกส่งต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น แต่ละพื้นที่ก็มีเอกลักษณ์โดดเด่นแตกต่างกันไปตามแต่ภูมิภาค

สำหรับใครที่หลงใหลงานคราฟต์น่าจะหลงรักหมู่บ้านศิลปหัตถกรรมอะคิอุ (Akiu Traditional Crafts Village) เพราะหมู่บ้านแห่งนี้เปิดโอกาสให้ผู้มาเยือนได้เลือกเข้าออกบ้านแต่ละหลังที่เป็นทั้งที่อยู่อาศัยและสตูดิโอสร้างงานของเหล่าช่างฝีมือท้องถิ่นหลากแขนง ซึ่งศิลปะบางแขนงหาดูหรือเรียนรู้วิธีการทำได้ยากในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการทำตุ๊กตาโคเคชิ (Kokeshi) การย้อมสีครามแบบญี่ปุ่นแท้ๆ หรือการทำตู้เซนไดทันสุ (Sendai Tansu)

ช่างฝีมือในบ้านทั้ง 9 หลัง นอกจากเปิดโอกาสให้เข้าไปดูแล้วยังเปิดโอกาสให้ผู้มาเยือนได้เข้าร่วมเวิร์กช้อปเพื่อสัมผัสประสบการณ์การทำงานฝีมือต่างๆ ด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการลงมือทำ และเพนต์สีตุ๊กตาโคเคชิ การเพนต์สีลูกข่างไม้แบบญี่ปุ่น การย้อมสีครามผ้าเช็ดหน้า ฯลฯ

กิจกรรมยอดนิยมคือการเพนต์สีตุ๊กตาโคเคชิที่เราสามารถวาดแต่งแต้มใบหน้า และลงสีลงบนตัวของตุ๊กตาได้ตามแต่จินตนาการของแต่ละคนโดยมีช่างฝีมือคอยแนะนำทีละขั้นตอนจนเสร็จออกมาสวยงาม หลังจากตุ๊กตาถูกนำไปเคลือบเงาเราก็จะได้ของที่ระลึกที่มีเพียงชิ้นเดียวในโลกกลับไป เป็นกิจกรรมที่ทั้งสนุก ได้เรียนรู้วัฒนธรรมญี่ปุ่น และได้สัมผัสถึงหัวใจของงานคราฟต์แบบญี่ปุ่นแท้ๆ ไปพร้อมกัน

*หากต้องการทำกิจกรรมงานฝีมือจำเป็นต้องจองก่อนล่วงหน้า

หากจะมีสถานที่ที่ทำให้ผู้มาเยือนสัมผัสได้ถึงความงดงาม และพลังของธรรมชาติ น้ำตกอะคิอุ (Akiu Otaki Falls) ซึ่งตั้งอยู่ที่หมู่บ้านอะคิอุ (Akiu) เมืองเซนได (Sendai) ในจังหวัดมิยากิ (Miyagi) ย่อมเป็นหนึ่งในนั้น

น้ำตกที่มีความกว้าง 6 เมตร และความสูงกว่า 55 เมตร แห่งนี้ได้รับการยกย่องเรื่องความยิ่งใหญ่และงดงามจนได้รับเลือกให้เป็น 1 ใน 100 สุดยอดน้ำตกที่เป็นจุดชมวิวชื่อดังของญี่ปุ่น และเป็น 1 ใน 3 น้ำตกอันทรงพลังของญี่ปุ่นอีกด้วย

ภาพน้ำไหลลงจากที่สูงตามแรงโน้มถ่วงของโลก ทำให้เกิดภาพอันงดงามราวภาพวาดจากฝีมือศิลปินชั้นเลิศ บวกกับทัศนียภาพโดยรอบที่โอบล้อมด้วยธรรมชาติยิ่งทำให้สถานที่แห่งนี้สามารถสะกดผู้มาเยือนให้คล้ายตกอยู่ในภวังค์ โดยเฉพาะช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีที่ทิวทัศน์โดยรอบจะถูกย้อมสีกลายเป็นสีส้มปนเหลืองสลับแดงดูสดใสมีชีวิตชีวา โดยที่แห่งนี้นับเป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสียอดนิยมอีกแห่งหนึ่งของเมืองเซนได

ไฮไลต์ที่สำคัญอีกช่วงคือในฤดูหนาวที่อากาศหนาวเย็นมากที่สุดช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ น้ำตกจะแข็งตัวกลายเป็นเสาน้ำแข็งที่ย้อยลงมาจากหินผา ซึ่งเป็นความงดงามอันแปลกตาที่เกิดจากธรรมชาติรังสรรค์ ส่วนช่วงต้นฤดูร้อนก็มีความงามอีกแบบ ต้นไม้ใบหญ้าจะเขียวชอุ่มเป็นพิเศษ

ระหว่างทางเดินเข้าไปชมน้ำตกจะมีวัดอะคิอุ โอทะกิ ฟุโดซน (Akiu Otaki Fudoson) ตั้งอยู่ ด้านในมีต้นแปะก๊วยขนาดใหญ่ยักษ์ซึ่งเป็นต้นไม้อนุรักษ์ของเมือง ในช่วงใบไม้เปลี่ยนสีนี้ใบแปะก๊วยจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองทอง เป็นอีกภาพธรรมชาติอันงดงามที่ต้องเดินทางมาเห็นด้วยสายตาตัวเอง

นอกจากนี้บริเวณใกล้กับลานจอดรถจะมีร้านค้าเรียงรายหลายร้าน มีทั้งขนม เครื่องดื่ม และของฝากพื้นเมืองให้เราได้แวะจับจ่าย เมนูดังโงะย่าง (Dango) ก็อร่อยจนอยากให้ลองชิม

อาจกล่าวได้ว่านี่คือที่พักที่สมบูรณ์แบบที่สุดแห่งหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นการบริการ สิ่งอำนวยความสะดวก และบรรยากาศสุดแสนวิเศษ เพียงก้าวเท้าเข้าไปก็คล้ายกำลังเข้าสู่อีกดินแดนอันเงียบสงบและผ่อนคลาย

ไดคงโนะฮานะ (Daikon no Hana) เป็นที่พักสไตล์ญี่ปุ่นสุดหรูซึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติกว้างใหญ่ ครอบคลุมพื้นที่ป่าอันอุดมสมบูรณ์ บริเวณจุดต้อนรับแขกมีดีไซน์ทันสมัย ผสานความหรูหรา และเรียบง่ายแบบญี่ปุ่นได้อย่างลงตัว และที่น่าประทับใจคือบริเวณทางเข้ามีเครื่องพ่นแอลกอฮอล์ ทำความสะอาดมือให้บริการโดยมีกิมมิกสุดแสนน่ารักอย่างการใช้อ่างตักน้ำแบบที่ใช้ในห้องอนเซ็นมาวาง ให้ความรู้สึกผ่อนคลายตั้งแต่ก้าวเข้าโรงแรม

ที่นี่มีห้องพักแบบวิลล่าจำนวน 18 หลัง ทุกหลังตกแต่งแตกต่างกัน แต่ละหลังสวยงามมีเอกลักษณ์ จุดเด่นอย่างหนึ่งที่ทุกคนสัมผัสได้คือโรงแรมนี้มีความเป็นส่วนตัวสูง และสิ่งที่พิเศษที่สุดคือห้องพักทุกหลังมีอนเซ็นส่วนตัว เหมาะสำหรับมาพักผ่อนกับครอบครัว หรือคนรู้ใจ

ห้องพักหนึ่งที่โดดเด่ดคือห้องพักที่ชื่อ ‘ซุงิ (Sugi)’ ห้องนอนกว้างให้ความรู้สึกโล่งโปร่งสบาย เตียงใหญ่ เฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้นแต่มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่จำเป็นครบครัน และมีบ่ออนเซ็นส่วนตัวขนาดใหญ่แสนเอ็กซ์คลูซีฟด้านนอกให้นอนแช่ดูดาวยามค่ำคืน

นอกจากอนเซ็นส่วนตัวภายในห้องพักแล้วยังมีอนเซ็นกลางแจ้งของโรงแรมที่เป็นน้ำพุร้อนจากธรรมชาติทั้งหมด 4 บ่อ และบ่อรวมใหญ่ (แยกชาย-หญิง) อีก 1 บ่อ ห้องอนเซ็นนี้เป็นแบบไพรเวทแต่ไม่จำเป็นต้องจองล่วงหน้า เพียงแค่ใช้วิธีสังเกตก่อนเข้าใช้บริการว่าตรงทางเข้าว่ามีไม้ไผ่มากันราวไว้หรือไม่ ถ้าไม่มีก็สามารถเข้าไปแช่ได้เลย แขกที่เข้าพักสามารถเพลิดเพลินกับการแช่น้ำร้อนได้อย่างเต็มที่จนถึงเวลาเช็คเอาท์ น้ำร้อนของอนเซ็นแห่งนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นน้ำร้อนเพื่อผิวสวย อ่อนโยนต่อผิวพรรณ ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น ทั้งยังช่วยทำความสะอาดได้อย่างหมดจดพร้อมคงความสมดุลของผิวไว้

นอกจากนี้ สำหรับสายกิน ภายในโรงแรมมีห้องอาหารที่เสิร์ฟเมนูมื้อค่ำอาหารญี่ปุ่นแบบคอร์สหรูหรา และอร่อยจนลืมไม่ลง ส่วนสายกิจกรรมทางโรงแรมยังมีจักรยานให้ปั่นออกกำลังกายได้ด้วย

สำหรับที่พักสุดพิเศษเช่นนี้ อยากแนะนำให้เผื่อเวลาเข้ามาเช็คอินเร็ว ๆ หรือไม่ก็ควรเข้าพักอย่างน้อย 2 คืน เพื่อใช้เวลาดื่มด่ำบรรยากาศให้เต็มอิ่ม