DAY 4 : ท่องเที่ยวในจังหวัดฟุกุชิมะและยามากาตะ

ภูเขาอาดาตาระ (Mount Adatara) ตั้งอยู่ตอนกลางของจังหวัดฟุกุชิมะ (Fukushima) มีความสูงเหนือระดับน้ำทะเล 1,700 เมตร เป็นหนึ่งใน 100 ภูเขาที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ่น และยังได้รับเลือกให้เป็น หนึ่งในภูเขาที่มีดอกไม้สวยงาม

ช่วงปลายเดือนกันยายนถึงตุลาคมซึ่งเป็นช่วงใบไม้เปลี่ยนสี ที่นี่ก็เป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่มีชื่อเสียง จากด้านล่างสามารถโดยสารกระเช้าขึ้นสู่ยอดเขา เพื่อเพลิดเพลิดกับทัศนียภาพอันงดงามในมุมมองพาโนรามา 360 องศา

ภูเขาแห่งนี้ถือเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมอีกแห่งหนึ่งสำหรับนักปีนเขา นอกจากการปีนเขาแล้วอีกกิจกรรมที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากคือการปั่นจักรยานล้อโต (Fat Bike) ชมธรรมชาติ นักท่องเที่ยวสายแอดเวนเจอร์ต้องไม่พลาดการผจญภัยด้วยการปั่นจักรยานล้อโตไปตามเส้นทางบนที่ราบสูงซึ่งแวดล้อมด้วยธรรมชาติอันกว้างใหญ่ สำหรับมือใหม่ที่ไม่เคยปั่นจักรยานล้อโต หรือแม้กระทั่งเด็กๆ ก็ไม่ต้องกังวล เพราะที่นี่มีการสอนวิธีขี่ให้ก่อน พร้อมทั้งมีไกด์คอยดูแลอย่างใกล้ชิด

ระหว่างทางไกด์จะอธิบายเกี่ยวกับภูมิทัศน์ต่างๆ ของภูเขา และบอกจุดถ่ายรูปสวยๆ ไปพร้อมๆ กับให้คุณได้เพลิดเพลินไปกับต้นไม้ และดอกไม้นานาพันธุ์ที่สลับกันมาอวดโฉมให้ได้ชมในแต่ละฤดูกาล สามารถแวะถ่ายรูปกลับไปเป็นที่ระลึกได้ ถ้าโชคดีอาจจะมีโอกาสได้พบกับกระรอกหรือสัตว์ป่าอื่นๆ ที่อาศัยอยู่ตามธรรมชาติได้ด้วย หรือหากต้องการแวะพัก ไกด์ก็จะจอดรถเป็นระยะ พร้อมกับนำเมล็ดกาแฟออกมาดริปกันต่อหน้า นับว่าเป็นการดื่มด่ำรสชาติกาแฟแท้ๆ ท่ามกลางธรรมชาติรายล้อม

รถไฟสายเจอาร์ ทะดะมิ (JR Tadami Line) เป็นรถไฟท้องถิ่นที่อยู่ภายใต้การดูแลของ East Japan Railway หรือ JR EAST

รถไฟสายนี้วิ่งเชื่อมระหว่างเมืองไอซุวะกะมัทสึ (Aizuwakamatsu) จังหวัดฟุกุชิมะ (Fukushima) และเมืองอุโอะนุมะ (Uonuma) จังหวัดนีงาตะ (Niigata) เส้นทางสายนี้เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1942 โดยผ่านทั้งหมด 36 สถานี รวมระยะทางทั้งสิ้น 135.2 กิโลเมตร นอกจากนี้รถไฟสายเจอาร์ ทะดะมิ (JR Tadami Line) ยังได้รับเสียงโหวตให้เป็นเป็นอันดับ 1 ในการจัดอันดับสายรถไฟท้องถิ่นญี่ปุ่นตะวันออกที่คนชื่นชอบมากที่สุด

ระหว่างที่โดยสารรถไฟเจอาร์ทะดะมิ จะได้เพลิดเพลินไปกับวิวทิวทัศน์สองข้างทางที่แตกต่างกันไปตามแต่ละฤดูกาล ประมาณช่วงปลายเดือนตุลาคมต้นไม้บนภูเขาในเขตโอคุ-ไอซุ (Oku-Aizu) จะเริ่มเปลี่ยนเป็นสีกลายเป็นสีส้มหรือแดงสลับกันไป

จุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่มีชื่อเสียงคือบริเวณวัดเอ็นโซจิ (Enzoji Temple) เมืองยะไนซุ (Yanaizu) จังหวัดฟุกุชิมะ (Fukushima) ซึ่งอยู่ระหว่างทางที่เดินทางมาจากสถานี Aizu-Takada ไปยังสถานี Aizu-Miyashita และไฮไลต์สำคัญบนเส้นทางรถไฟสายนี้อยู่ที่จุดชมวิวและจุดถ่ายภาพยอดนิยมบริเวณสะพานข้ามแม่น้ำทะดะมิ หมายเลข 1 (Tadami River First Bridge) ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากสถานี Aizu-Miyashita ในจังหวะที่รถไฟกำลังวิ่งข้ามสะพานนั้นถือเป็นจุดถ่ายภาพยอดนิยมที่นักถ่ายภาพไม่ควรพลาด

การซื้อตั๋วโดยสาร

สามารถซื้อได้ตั๋วโดยสารได้จากสถานีต้นทางเหมือนเวลาขึ้นรถไฟปกติ และสามารถใช้ Japan Rail Pass และ JR East Pass (Tohoku Area) ได้

อาวะมันจู (Awa Manju) คือขนมหวานขึ้นชื่อของเมืองยานาอิสุ (Yanaizu) จังหวัดฟุกุชิมะ (Fukushima) ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 170 ปี ขนมอาวะมันจูเป็นขนมที่ทำมาจากข้าวฟ่างและข้าวเหนียวแล้วสอดไส้ด้วยถั่วแดงกวน

และเมื่อนึกถึง อาวะมันจู ต้องนึกถึง ร้านขนมโคอิเคะ (Koike Confectionary Shop) ร้านขนมชื่อดังที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักไปทั่วประเทศญี่ปุ่น ความพิเศษอยู่ที่วัตถุดิบ ทางร้านใช้ข้าวฟ่างและข้าวเหนียวจากเกษตรกรในท้องถิ่น 100 เปอร์เซ็นต์ ส่วนไส้ของขนมก็เป็นถั่วแดงกวนโฮมเมดที่ผลิตมาจากถั่วแดงที่ปลูกในประเทศญี่ปุ่น

นอกจากอาวะมันจูแบบปกติแล้ว ทางร้านยังมีขนมพิเศษตามฤดูกาล เช่น อาวะมันจูซากุระที่จำหน่ายในช่วงฤดูใบไม้ผลิ หรืออาวะมันจูเกาลัดที่สามารถทานได้เฉพาะช่วงฤดูใบไม้ร่วง นอกจากนี้ทางร้านยังมีกิจกรรมให้ลองทำขนมอาวะมันจูด้วยตัวเองได้อีกด้วย

ใครที่ชื่นชอบอาหารหรือขนมท้องถิ่น ร้านขนมโคอิเคะเป็นอีกร้านที่ไม่ควรพลาด

‘ซะชิโกะ’ (Sashiko) คืองานฝีมือดั้งเดิมของญี่ปุ่นที่จะนำเส้นด้ายไปเย็บปักลงบนเนื้อผ้า เพื่อให้เกิดลวดลายต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นลวดลายรูปทรงเรขาคณิต ในปัจจุบันเราจะเห็นคนรุ่นใหม่จำนวนมากนำภูมิปัญญาดั้งเดิมนี้มาต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์มากมาย

ย้อนกลับไปยังจุดเริ่มต้น ในอดีตเครื่องนุ่งห่มส่วนใหญ่ทำมาจากผ้าลินินหรือผ้าฝ้าย ซึ่งเนื้อผ้าไม่ได้มีความคงทนเหมือนผ้าในปัจจุบัน คนญี่ปุ่นในสมัยก่อนจึงเย็บปักด้ายลงไปบนผืนผ้าอีกหนึ่งชั้น เพื่อทำให้เนื้อผ้ามีความทนทาน และช่วยให้ร่างกายอบอุ่นมากยิ่งขึ้น

ส่วนการปักผ้าซะชิโกะ (Sashiko) ของชาวเมืองโยะเนะซะวะ (Yonezawa) จังหวัดยามากาตะ (Yamagata) นั้นมีชื่อเรียกว่า ‘ฮาราคาตะ ซะชิโกะ’ (Harakata Sashiko) ในอดีตช่วงหลังสิ้นสุดศึกสงคราม เหล่าภรรยาของคนในตระกูลอุเอะซึกิ (Uesugi) จึงเริ่มต้นปักผ้าซะชิโกะ (Sashiko) มีการนำผ้าชี้ริ้วมาปัก ฮานะโซคิง (Hanazoukin) หรือผ้าขี้ริ้วลายดอกไม้ โดยลวดลายที่ปักจะเป็นลายรังผึ้ง (กระดองเต่า) นอกจากสวยงามแล้วยังช่วยยืดอายุการใช้งานของผ้าให้นานยิ่งขึ้นอีกด้วย

และที่ซะชิโกะ โคโบ โซโชอัน (Sashiko Kobou Soushoan) มีการเปิดสอนกิจกรรมการปักผ้าสำหรับคนที่ชอบงานฝีมือ หรือมือใหม่ก็สามารถเข้าร่วมได้ และบนชั้นสองของอาคาร ยังเป็นแกลเลอรี่จัดแสดงโชว์ผลงานที่ได้ไปโชว์มาแล้วหลากหลายประเทศของคุณครูเอ็นโด คิโยโกะ (Endo Kiyoko) ผู้เป็นเจ้าของโรงเรียนแห่งนี้ (ไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพ)

สำหรับกิจกรรมปักผ้าซะชิโกะ (Sashiko) คุณครูเอ็นโดจะสอนตั้งแต่เริ่มชิ้นงานจนเสร็จสิ้นอย่างใจเย็น ผู้เข้าร่วมจะได้ผ้าผืนเล็กๆ ที่มีลวดลายสวยงามสไตล์ดั้งเดิมกลับไปเป็นของฝาก

นอกจากจะได้ความเพลิดเพลินแล้ว การปักผ้าซะชิโกะ (Sashiko) ต้องใช้ความละเอียดและปราณีต จึงเป็นกิจกรรมที่ฝึกสมาธิให้กับตัวเองได้ดีแบบหนึ่ง เรียกได้ว่าเป็นงานฝีมือที่แสดงถึงภูมิปัญญา และเต็มเปี่ยมไปด้วยความรักที่มีต่อผู้ได้รับ

สำหรับคนที่ชื่นชอบธรรมชาติ และอนเซ็น ซากิยะ ซันโซราอิ (Sagiya Sansorai) น่าจะเป็นที่พักที่ตอบโจทย์ในใจ

ซากิยะ ซันโซราอิ เป็นโรงแรมสไตล์ญี่ปุ่น ซึ่งตั้งอยู่ในจังหวัดยามากาตะ (Yamagata) ที่ผู้มาเยือนสามารถมาใช้เวลาสัมผัสกับธรรมชาติได้อย่างใกล้ชิด ให้ความรู้สึกยามเข้าพักเสมือนเป็นบ้านอีกหลังหนึ่ง

ที่พักแห่งนี้ถูกโอบล้อมด้วยความอบอุ่นของบรรยากาศแบบชนบทและความยิ่งใหญ่ของภูเขาซะโอ (Zao Mountain) รวมทั้งมีอนเซ็นที่ไหลมาจากแหล่งต้นกำเนิดน้ำพุร้อนให้แช่อย่างผ่อนคลาย โรงแรมแห่งนี้เป็นอาคารชั้นเดียวที่ถูกแบ่งเป็น 2 โซน คือ คิจิเนะ (Kijine) และคิโยเสะ (Kiyose) จากห้องพักทุกห้องของทั้งสองโซนสามารถมองเห็นสวนสไตล์ญี่ปุ่นที่สวยงามแตกต่างกันไปทั้ง 4 ฤดูกาลได้

ห้องพักในสไตล์ญี่ปุ่นดั้งเดิมนี้มีหลายรูปแบบให้เลือก เช่น ห้องพักที่มีอ่างอาบน้ำในห้อง หรือห้องพักที่มีอ่างอาบน้ำกลางแจ้งแบบส่วนตัวสำหรับเพลิดเพลินกับการแช่น้ำพุร้อนจากคามิโนะยามะอนเซ็น (Kaminoyama Onsen)

นอกจากความสะดวกสบายของห้องพักและบรรยากาศแสนผ่อนคลายแล้วคุณยังจะได้เต็มอิ่มกับอาหารแสนอร่อยที่ปรุงมาจากผักสดและข้าวที่เก็บเกี่ยวมาจากในบริเวณโรงแรม พร้อมทั้งยังมี ‘เนื้อยามากาตะ (Yamagata Beef)’ หนึ่งในเนื้อคุโรเกะวากิว (Kuroge Wagyu) หรือวัวขนดำที่ดีที่สุดในญี่ปุ่น

ภายในโรงแรมมีกิจกรรมมากมายให้ทำ เช่น การเก็บผักจากในแปลงผักของโรงแรม การเดินเล่นผ่อนคลายริมทุ่งนาฟังเสียงนกร้อง หรือการเล่นโยคะท่ามกลางธรรมชาติก็น่าสนใจไม่แพ้กัน