DAY 1 : ท่องเที่ยวในจังหวัดอาโอโมริ

สนามบินอาโอโมริ (Aomori Airport) เป็นประตูสู่ภูมิภาคโทโฮคุตอนเหนือ ตั้งอยู่ระหว่างเมืองอาโอโมริ (Aomori) และเมืองฮิโระซะกิ (Hirosaki) ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของจังหวัด สนามบินแห่งนี้มีเส้นทางการบินภายในประเทศไปยังเมืองใหญ่ เช่น ซัปโปโร (Sapporo) โตเกียว (Tokyo) นาโกย่า (Nagoya) และโอซาก้า (Osaka)

ภายในสนามบินมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน อาทิ ศูนย์บริการข้อมูลนักท่องเที่ยว ร้านค้าปลอดภาษี ร้านขายของฝาก คาเฟ่ ร้านสะดวกซื้อ รวมถึงร้านอาหาร ซึ่งครบครันด้วยเมนูอาหารท้องถิ่นขึ้นชื่อของจังหวัดอาโอโมริ เมนูที่ไม่ควรพลาดคือ ราเม็งมิโซะแกงกะหรี่นม (Miso Curry Milk Ramen) เป็นเมนูเด็ดที่ผสมผสานรสชาติความเข้มข้นของมิโซะ ความเผ็ดร้อนของแกงกะหรี่ ความละมุนของนม รสความหอมอร่อยของเนย เข้าด้วยกันจนกลมกล่อมลงตัวในแบบที่ไม่เหมือนใคร

ญี่ปุ่นเป็นดินแดนที่วัฒนธรรมยังคงเชื่อมโยงกับชีวิตประจำวันของผู้คน หลายๆ เทศกาลในแต่ละภูมิภาคสะท้อนความศรัทธาของผู้คนที่ยังคงอยู่ ไม่ได้เลือนหายไปตามกาลเวลา และเทศกาลเนบุตะ (Aomori Nebuta Festival) คือ 1 ใน 3 เทศกาลสุดยิ่งใหญ่ประจำฤดูร้อนในแถบภูมิภาคโทโฮคุ

เทศกาลนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 4 และ 7 สิงหาคมของทุกปี ภายในงานมีการแห่ขบวนหุ่นโคมไฟขนาดมหึมาที่เรียกว่า ‘เนบุตะ (Nebuta)’ ทำจากกระดาษสาคุณภาพดี นำมาเพนต์เป็นรูปต่างๆ เช่น ซามูไร ยักษ์ ปีศาจ ปลาทอง และอื่นๆ โดยชาวเมืองจะใช้เวลาเตรียมงานก่อนถึงวันเทศกาลราวๆ 1 ปี ถือเป็นเทศกาลที่รวมใจและความศรัทธาของชาวเมือง

สำหรับใครที่เดินทางมาโทโฮคุในช่วงเวลาที่ไม่ตรงกับช่วงเทศกาลเนบุตะก็ยังสามารถสัมผัสพลัง และความงดงามรวมถึงซึมซับเรื่องราวของเทศกาลนี้ได้ที่พิพิธภัณฑ์โคมไฟทะชิเนปุตะ (Tachineputa Museum)

พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ตั้งอยู่ที่เมืองโกะโชะงะวะระ (Goshogawara) ในจังหวัดอาโอโมริ (Aomori) ภายในจัดแสดงโคมไฟที่มีความสูงถึง 23 เมตร เทียบได้กับตึก 7 ชั้น และหนักกว่า 19 ตัน ถือเป็นต้นแบบของเนบุตะทั้งหมด และเรียกว่า ‘เนปุตะ (Neputa)’ ซึ่งแตกต่างจากที่อื่น

ภายในพิพิธภัณฑ์ยังมีการจัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับศิลปวัฒนธรรมของอาโอโมริ และสตูดิโอเปิดที่สามารถชมการทำโคมไฟได้อย่างใกล้ชิด มีห้องทำเวิร์กช็อป คาเฟ่ รวมไปถึงร้านขายของฝาก นักท่องเที่ยวสามารถเข้าร่วมเวิร์กช็อปทำ ‘คิงเกียวเนปุตะ (Kingyo Neputa)’ หรือเนปุตะปลาทอง โดยมีคุณครูคอยให้คำแนะนำ และดูแลตั้งแต่เริ่มต้นจนจบชิ้นงานอย่างใกล้ชิด สามารถเลือกเพนต์สีสันได้ตามใจชอบ แต่ถ้าเป็นสีมงคลสำหรับคนญี่ปุ่น ก็ต้องเลือกเพนต์สีแดง-ขาว

เพราะฉะนั้นไม่ว่าผู้มาเยือนจะมาตรงกับช่วงเวลาของเทศกาลเนบุตะหรือไม่ก็ยังสัมผัสความพิเศษของเทศกาลได้ที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้

มาเยือนแดนปลาดิบทั้งที สิ่งที่พลาดไม่ได้คือการมองหาร้านซูชิที่ขึ้นชื่อในแต่ละท้องถิ่นเพื่อลิ้มลองรสชาติ

ร้านชิเกะซูชิ (Shige zushi) คือร้านซูชิท้องถิ่นที่เปิดมานานกว่า 40 ปี จุดเด่นที่ดึงดูดให้นักชิมต้องแวะมาเยือนคือวัตถุดิบที่สดใหม่ ที่สำคัญคือที่นี่มีเมนูสุดแสนพิเศษที่ทางร้านรังสรรค์ขึ้นมาโดยเฉพาะ ไม่สามารถหากินได้จากที่ไหน

โดยเมนูขึ้นชื่อของร้านมีทั้งหมด 4 เมนู ได้แก่ ยัตเตะมาเระด้ง (Yatte Mare Don) เป็นเมนูข้าวหน้ารวมมิตรทะเล มีทั้งกุ้งหวาน ไข่หอยเม่น ไข่ปลาอิคุระ ปลามากุโระ ปู หอยเชลล์ เป็นต้น โดยคำว่า ‘ยัตเตะมาเระ’ เป็นภาษาท้องถิ่น แปลว่า ‘สู้ๆ เขา’ มักตะโกนกันตอนที่เคลื่อนขบวนโคมไฟทะชิเนปุตะในเทศกาลฤดูร้อน

เมนูถัดมาคือ นาดาเระมากิ (Nadare Maki) เป็นการนำข้าวมาปั้นเป็นชิ้นพอดีแล้วนำมาซ้อนเป็นทรงสูง จากนั้นท็อปปิ้งด้วยไข่หอยเม่น ไข่ปลาแซลมอน เนื้อปูแกะ และโรยด้วยต้นหอม คำว่า ‘นาดาเระ’ หมายถึง การไหล ทางร้านอยากจะสื่อว่าเมนูนี้ท็อปปิ้งเยอะมากจนไหลลงมา

อีกเมนูที่อยากแนะนำคือ โมสึเคะมากิ (Motsuke Maki) ข้าวห่อสาหร่ายทรงกระบอกขนาดใหญ่ หั่นเป็นชิ้นพอดีคำ หรือ ที่เรียกกันว่าฟุโตมากิ (Futo Maki) ใส่เครื่องต่างๆ หลากสีสัน คำว่า ‘โมสึเคะ’ หมายถึง คนที่ชอบสร้างเสียงหัวเราะกับเพื่อนฝูง

เมนูสุดท้ายคือ มากุโระคะรุบิด้ง (Maguro Karubi Don) เมนูข้าวหน้าปลามากุโระลนไฟ ราดซอสสูตรเด็ด โรยหน้าด้วยต้นหอมซอย

ใครที่ชื่นชอบอาหารญี่ปุ่น นี่คืออีกร้านที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนอาโอโมริ

ความครีเอทีฟเป็นอีกสิ่งที่สังเกตเห็นได้ทั่วไปในประเทศญี่ปุ่น หลายครั้งเห็นแล้วต้องโค้งคารวะในไอเดีย บริการพายแอปเปิ้ลแท็กซี่ (Apple Pie Taxi) ก็เป็นหนึ่งในนั้น

เมืองฮิโระซะกิ (Hirosaki) เป็นเมืองที่ได้รับฉายาว่าเป็น ‘เมืองแห่งแอปเปิ้ล’ เนื่องจากเป็นแหล่งผลิตแอปเปิ้ลที่มีปริมาณมากที่สุดในประเทศญี่ปุ่น โดยมีสัดส่วน 20 เปอร์เซ็นต์ของผลผลิตทั้งประเทศ เมื่อเดินไปตามท้องถนนภายในเมืองเราสามารถพบเห็นสิ่งที่มีสัญลักษณ์เป็นรูปแอปเปิ้ลมากมาย โดยเฉพาะร้านพายแอปเปิ้ลที่มีจำนวนมากถึง 50 ร้าน

ด้วยความที่เป็นคล้ายเมืองหลวงของพายแอปเปิ้ล คำถามที่นักท่องเที่ยวทุกคนมีร่วมกันคือ แล้วจะเลือกร้านไหนดี ในเมื่อทุกร้านล้วนมีเอกลักษณ์ที่น่าสนใจ

นั่นเป็นที่มาของบริการสำหรับผู้มาเยือนที่ไม่รู้ว่าจะเลือกร้านไหน สามารถใช้บริการแท็กซี่ท้องถิ่นที่ชื่อ ‘Apple Pie Concierge' ที่จะพาไปสรรหาแอปเปิ้ลแสนอร่อย เพียงแค่บอกความต้องการว่าชอบรับประทานพายแอปเปิ้ลแบบไหน รสชาติอย่างไร คนขับแท็กซี่ก็จะพาไปถึงหน้าร้านโดยทันที ซึ่งคนขับเหล่านี้จะเป็นผู้ที่ผ่านการสอบคัดเลือกเป็นผู้ที่มีความรู้ด้านพายแอปเปิ้ลโดยเฉพาะ และจะใช้ชื่อเรียกแทนตัวเองว่า ‘ซากุระโคะมะจิ (Sakura Komachi)’

ระหว่างทางจะมีการเล่าถึงรายละเอียดของร้านพายแอปเปิ้ลแต่ละร้านแล้ว ยังสามารถให้คำแนะนำเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวภายในเมืองฮิโระซะกิ (Hirosaki) ได้ด้วย

ผู้สนใจใช้บริหารสามารถเลือกขึ้นหรือลงรถแท็กซี่ที่จุดใดก็ได้ภายในเมืองฮิโระซะกิ (Hirosaki) ซึ่งจุดสังเกตก็คือบนหลังคารถแท็กซี่จะมีสัญลักษณ์เป็นผลแอปเปิ้ลรัดด้วยแป้งพาย

คนที่ชื่นชอบการเดินทางด้วยรถไฟน่าจะถูกใจรถไฟรีสอร์ตชิราคามิ (Resort Shirakami) หนึ่งในขบวนรถไฟ Joyful Train ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อมอบประสบการณ์พาผู้โดยสารเดินทางไปบนขบวนรถไฟที่เต็มไปด้วยความสนุกสนาน พร้อมๆ กับค้นพบเสน่ห์ที่ซ่อนอยู่ในพื้นที่ท้องถิ่นที่รถไฟวิ่งผ่าน

รถไฟรีสอร์ตชิราคามิ (Resort Shirakami) เป็นรถไฟสายโกะโน (Gono Line) วิ่งจากสถานี Aomori ไปยังสถานี Akita มีทั้งหมด 3 ขบวนด้วยกัน แต่ละขบวนจะมีชื่อเรียกต่างกันไป คือ อะโออิเคะ (Aoike), คุมะเกะระ (Kumagera) และบุนะ (Buna) โดยจะเปิดให้บริการทุกวัน

จุดเด่นของขบวนรถไฟขบวนนี้คือ เส้นทางที่วิ่งเลียบริมทะเลรวมทั้งเทือกเขาชิราคามิ (Shirakami Sanchi) ซึ่งเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ และได้รับการขึ้นทะเบียนจาก UNESCO สามารถชมความสวยงามของธรรมชาติผ่านหน้าต่างบานใหญ่จากในขบวน

หากวันไหนท้องฟ้าสดใส อากาศดี ผู้ร่วมขบวนจะได้พบกับภาพพระอาทิตย์ดวงกลมโตค่อยๆ ตกลงไปในท้องทะเล แสงสีทองสะท้อนน้ำทะเลชวนให้บรรยากาศดูสวยงามน่าหลงใหลกว่าทีเคย

นอกจากนั้นยังมีกิจกรรมพิเศษในขบวนอย่างการแสดงดนตรีโดยใช้เครื่องดนตรีแบบดั้งเดิมที่เรียกว่า สึกะรุซามิเซ็ง (Tsugaru Shamisen) การเล่าเรื่องตำนานท้องถิ่น และละครหุ่นเชิดแบบดั้งเดิมของผู้คนในท้องถิ่นนี้ ทั้งนี้ ตารางการแสดงต่างๆ ของแต่ละวัน หรือแต่ละขบวนจะแตกต่างกันไป

โคะกะเนะซะกิ ฟุโรฟุชิ อนเซ็น (Koganezaki Furofushi Onsen) ตั้งอยู่ที่เมืองฟุคะอุระมะจิ (Fukauramachi) เป็นโรงแรมที่โดดเด่นด้วยบ่ออนเซ็นกลางแจ้งตั้งอยู่ริมทะเลญี่ปุ่น (Sea of Japan)

ห้องพักที่นี่มีให้เลือกพักได้ตามรสนิยม และความถูกใจ ไม่ว่าจะเป็นห้องสไตล์ญี่ปุ่น ห้องสไตล์ตะวันตก รวมถึงห้องที่ผสมผสานสไตล์ญี่ปุ่นกับตะวันตกเข้าด้วยกัน ในบรรยากาศที่ผ่อนคลาย

ผู้เข้าพักสามารถนอนแช่ตัว และมองเห็นวิวทะเลสวยๆ แบบพาโนรามา พร้อมกับฟังเสียงคลื่นซัดสาดเข้าฝั่งได้อย่างใกล้ชิด ช่วงเวลาที่แนะนำเป็นพิเศษคือช่วงพระอาทิตย์ตกดิน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่แสนพิเศษเพราะหลายคนต่างลงมาแช่อนเซ็น และตั้งตารอชมแสงสีทองของดวงอาทิตย์สะท้อนน้ำทะเล

บริเวณบ่ออนเซ็นแบบกลางแจ้ง จะแยกเป็น 2 บ่อคือ บ่อรวมชายหญิง และบ่อหญิงล้วน แร่ธาตุของน้ำในอนเซ็นแห่งนี้มีแร่เหล็กปนอยู่เป็นจำนวนมาก จึงทำให้น้ำในอนเซ็นเป็นสีน้ำตาล และมีกลิ่นเหล็กโชยออกมา มีสรรพคุณในการช่วยบรรเทาอาการปวดหลังและระบบประสาทต่างๆ โรคไขข้ออักเสบและโรคผิวหนัง นอกจากนี้ยังมีอนเซ็นในร่มอีกหลากหลายบ่อที่ให้ผู้มาพักได้เพลิดเพลินและผ่อนคลายความเหนื่อยล้าได้

นอกจากอนเซ็นที่เป็นไฮไลต์ โรงแรมแห่งนี้ยังมีอาหารที่คัดสรรวัตถุดิบอย่างดีในท้องถิ่น และอาหารทะเลสด ๆ ให้บริการ วัตถุดิบที่ขึ้นชื่อคือ ฟุคะอุระ ยุกิ – นินจิน (Fukaura Yuki Ninjin) แครอทที่เจริญเติบโตใต้หิมะปกคลุม ต่างจากแครอททั่วไปตรงที่รสชาติจะหวานกว่า และกลิ่นไม่แรง เนื่องจากแครอทพันธุ์นี้ ต้องสะสมน้ำตาลให้มากกว่าน้ำ เพื่อไม่ให้เซลล์ถูกทำลายจากการแข็งตัวของน้ำ จึงทำให้แครอทเหล่านี้มีน้ำตาลมากกว่าแครอททั่วไป