ซากุระกว่าพันต้นเรียงรายที่ฮิโตะเมะเซ็นบงซากุระ (Hitomesenbon zakura)
ชมซากุระยามค่ำคืนที่สวนฮิโระซะกิ (Hirosaki Park)
ฤดูใบไม้ผลิที่ญี่ปุ่นจะเริ่มต้นตั้งแต่เดือนมีนาคม ถึง เดือนพฤษภาคม มีสัญลักษณ์คือสีชมพูอ่อนของดอกซากุระ ซึ่งจะออกดอกผลิบานไล่จากทางตอนใต้สู่ภาคเหนือของญี่ปุ่น ในแต่ละพื้นที่จะมีช่วงเวลาที่ใบไม้เริ่มผลิบานแตกต่างกันออกไป และช่วงเวลาก็อาจจะคลาดเคลื่อนแตกต่างกันไปในแต่ละปี
ช่วงเวลาที่ดอกไม้ผลิบาน ชาวญี่ปุ่นจะมีธรรมเนียมดั้งเดิมที่เรียกว่า ฮานามิ (Hanami) หรือการชมดอกไม้ มีเวลาเพลิดเพลินไปกับความงามของดอกไม้ โดยคนญี่ปุ่นจะชักชวนครอบครัว เพื่อน ๆ มาร่วมทานอาหารใต้ต้นซากุระกันอย่างสนุกสนาน ใช้เวลาร่วมกันอย่างมีความสุข ท่ามกลางบรรยากาศที่แสนสดชื่นของอีกหนึ่งฤดูกาลที่สวยงามที่สุด
ตารางแสดงข้อมูลโดยเฉลี่ยของระยะการชมซากุระ
**หมายเหตุ : การบานของดอกซากุระขึ้นอยู่กับสายพันธุ์และสภาพอากาศของแต่ละปี**
ความต่างของดอกซากุระแต่ละสายพันธุ์
โซเมอิ โยชิโนะ
(Somei Yoshino)
สายพันธุ์ที่พบเจอได้มากที่สุดในญี่ปุ่น มี 5 กลีบ สีขาวอมชมพูอ่อน
ยาเอะซากุระ
(Yaezakura)
สายพันธุ์ที่ดอกมีขนาดใหญ่กว่าซากุระทั่วไป มีกลีบดอกสีชมพูอ่อน ถึงเข้ม สลับซ้อนกันตั้งแต่ 10 ไปจนถึง 50 กลีบ
คะวะซุซากุระ
(Kawazuzakura)
สายพันธุ์ที่มีระยะเวลาในการเริ่มบานเร็วกว่าสายพันธุ์อื่น ๆ มีกลีบดอกสีชมพูเข้ม และขนาดดอกที่ใหญ่
คังฮิซากุระ
(Kanhizakura)
อีกหนึ่งสายพันธุ์ดอกซากุระที่บานเร็วที่สุดในญี่ปุ่น พบมากที่โอกินาวะ (Okinawa) เนื่องจากมีอากาศอบอุ่น มีลักษณะเป็นรูประฆัง สีชมพูเข้ม
เอโดะ ฮิกังซากุระ
(Edo Higanzakura)
สายพันธุ์ที่มีมาตั้งแต่สมัยเอโดะ ลักษณะเด่นคือโคนดอกจะพองกลม และกลีบดอกเล็ก มีสีชมพูอ่อน
โอชิมะซากุระ
(Oshimazakura)
สายพันธุ์ซากุระที่มีสีขาว และมีกลิ่นหอม มีกลีบดอก 5 กลีบ ชั้นซ้อนกันเพียงเดียว ขนาดใหญ่
ยามะซากุระ
(Yamazakura)
สายพันธุ์ซากุระพบเห็นได้ทั่วญี่ปุ่น โดยส่วนใหญ่จะอยู่ตามป่าเขา มีกลีบดอกสีขาว หรือสีชมพูอ่อน
ชิดาเระซากุระ
(Shidarezakura)
สายพันธุ์ที่มีกิ่งยาวย้อย โน้มลงดินเหมือนสายน้ำตก มีกลีบดอก 5 กลีบ ดอกสีชมพู
การเตรียมตัวไปเที่ยวญี่ปุ่นในช่วงฤดูใบผลิ
การเตรียมตัวไปเที่ยวญี่ปุ่นในช่วงฤดูใบผลิ โดยอุณหภูมิเฉลี่ยจะอยู่ที่ 10 – 14 องศาเซลเซียส และในช่วงเดือนมีนาคมก็ยังคงมีวันที่อากาศหนาวเย็นเป็นส่วนใหญ่ เมื่อย่างเข้าเดือนเมษายนเป็นต้นไปท้องฟ้าจึงจะเริ่มโปร่ง มีแดดออก และอากาศเริ่มอบอุ่นขึ้นตามลำดับ เพื่อการชมดอกไม้อย่างเพลิดเพลินและปกป้องร่างกายจากความหนาวเย็น ควรเตรียมเสื้อโค้ท หรือเสื้อแจ็คเก็ตที่มีความหนาพอสมควร รวมไปถึงเสื้อตัวนอกที่ใส่ง่าย อย่างเสื้อคาร์ดิแกนใส่กระเป๋าเดินทางไปด้วย
ฤดูใบไม้ผลิในบริเวณญี่ปุ่นฝั่งตะวันออก (Japan East Area) จะเริ่มต้นช้ากว่าบริเวณญี่ปุ่นฝั่งตะวันตก (Japan West Area) เล็กน้อย ดอกซากุระบริเวณนี้จะเริ่มบานในช่วงปลายเดือนมีนาคมจนถึงเดือนพฤษภาคมของทุกปี ไล่จากทางตอนใต้สู่ขึ้นไปทางเหนือของญี่ปุ่น ในแต่ละพื้นที่จะมีช่วงเวลาที่ดอกไม้ผลิบานแตกต่างกัน และอาจจะคลาดเคลื่อนในแต่ละปีตามสภาพภูมิอากาศ
กิจกรรมที่ไม่ควรพลาดในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ได้แก่
- สวมกิโมเดินชมซากุระและถ่ายภาพที่ระลึก
- นั่งทานอาหารและดื่มสังสรรค์กับครอบครัวหรือเพื่อนๆ ใต้ต้นซากุระ
- แช่อนเซ็นพร้อมชมซากุระที่บานสะพรั่งอย่างเป็นส่วนตัวที่โรงแรมสไตล์ญี่ปุ่น
- นั่งรถไฟท่องเที่ยวที่แล่นผ่านทุ่งดอกไม้ เพื่อชื่นชมดอกไม้อย่างใกล้ชิด
- ชมงานเทศกาลประดับไฟไลท์อัพในยามค่ำคืน และมีกิจกรรมมากมายในฤดูใบไม้ผลิ
สวมกิโมเดินชมซากุระและโตเกียวสกายทรี (Tokyo Sky Tree)
ที่สวนสาธารณะสุมิดะ (Sumida Park), โตเกียว (Tokyo)
ชมซากุระไปพลางและแช่อนเซ็นไปพลาง
ที่โอกะอนเซ็น (Oga Onsen), อะคิตะ (Akita)
แนะนำสถานที่สำหรับการชมดอกไม้ พร้อมกิจกรรมที่น่าสนใจแถบฝั่งญี่ปุ่นตะวันออก
- ตื่นตาตื่นใจกับทุ่งดอกไม้และสนุกกับการแคมป์ปิ้งที่สวนดอกชิบะซากุระฮิงะชิโมะโคะโตะ (Higashimokoto Shibazakura Park), ฮอกไกโด (Hokkaido)
- เช็คอินและถ่ายภาพที่ถนนสายซากุระที่ยาวที่สุดในโลก (The World’s Longest Cherry-Lined Road) และปั่นจักรยานรอบเขาอิวะคิยามะ (Iwakiyama), อะโอโมริ (Aomori)
- ชมซากุระอย่างเป็นส่วนตัวพร้อมผ่อนคลายกับการแช่อนเซ็นที่โอกะอนเซ็น (Oga Onsen), อะคิตะ (Akita)
- เดินถ่ายรูปเล่นและนั่งรถไฟชมทุ่งดอกนะโนะฮะนะแห่งอิชิงะมิ (Ishigami Nanohana Field), ชิบะ (Chiba)
- สวมกิโมเดินชมซากุระและโตเกียวสกายทรี (Tokyo Sky Tree) จากบริเวณสวนสาธารณะซุมิดะ (Sumida Park) พร้อมล่องเรือสำราญชมวิวจากในแม่น้ำซุมิดะ (Sumida River), โตเกียว (Tokyo)
- เพลิดเพลินกับการถ่ายรูปดอกซากุระ ดอกทิวลิป ดอกนะโนะฮะนะ และภูเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะขาวโพลนที่สวนอาซาฮิฟุนะคาวะ (Asahi Funakawa Park), โทยามะ (Toyama)
สวนดอกชิบะซากุระฮิงะชิโมะโคะโตะ (Higashimokoto Shibazakura Park), ฮอกไกโด (Hokkaido)
สวนดอกไม้สุดอลังการบนเนินเขา ครอบคลุมพื้นที่กว่า 100,000 ตารางเมตร
© Higashimokoto Shibazakura Park
พื้นที่สำหรับแคมป์ปิ้งและที่พักสุดพิเศษสไตล์บังกะโล
สวนดอกชิบะซากุระฮิงะชิโมะโคะโตะ (Higashimokoto Shibazakura Park) ตั้งอยู่ที่ฮอกไกโด (Hokkaido) สวนแห่งนี้เป็นสวนดอกไม้ที่นักท่องเที่ยวนิยมมาชมความงามของดอกชิบะซากุระ (Shibazakura) หรือพิงค์มอส (Pink Moss) ละลานตาที่พร้อมใจกันบานสะพรั่งบนเนินเขาในช่วงเดือนพฤษภาคม
เมื่อดอกชิบะซากุระผลิบานเต็มที่ปกคลุมทั่วทั้งเนินเขาที่มีพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาลกว่า 100,000 ตารางเมตรก็จะกลายเป็นภาพที่งดงามดูราวกับพรมสีชมพูสดใสผืนใหญ่ที่ตัดกันกับสีฟ้าครามของท้องฟ้า บริเวณเนินดอกไม้ยังมีศาลเจ้ายะมะทสึมิ (Yamatsumi Shrine) ซึ่งมีเสาโทริอิ (Torii) สีชมพูสดใสตั้งตระหง่านเป็นจุดถ่ายภาพยอดนิยมของบรรดาคู่รักภายในสวนแห่งนี้มีกิจกรรมมากมายให้ได้เพลิดเพลิน เช่น การนั่งรถไปยังจุดชมวิวซึ่งสามารถมองเห็นวิวแบบพาโนรามา ขับรถโกคาร์ทโดยมีสนามโกคาร์ทขนาดระยะทาง 820 เมตร ซึ่งบริเวณรอบสนามรายล้อมไปด้วยดอกชิบะซากุระให้เราได้สัมผัสกับความรู้สึกสดชื่นสุดยอดเมื่อได้ขับรถแล่นไปพลางชื่นชมทัศนียภาพอันงดงามนี้ได้อย่างใกล้ชิด รถโกคาร์ทมีแบบนั่งได้ 2 คน
นอกจากนี้อีกหนึ่งกิจกรรมแนะนำที่ไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่งเมื่อมาที่นี่ก็คือการแคมป์ปิ้งบริเวณโซนที่พัก ซึ่งอยู่ติดกับสวนดอกไม้ การตั้งแคมป์มีให้เลือก 2 แบบ คือ
- ฟรีไซต์ (Free Site) คือแบบกางเต็นท์พักแรมในพื้นที่ที่กำหนด โดยจะต้องจอดรถบริเวณที่จอดรถเท่านั้น ไม่สามารถนำรถเข้ามาจอดได้ มีสิ่งอำนวยความสะดวกให้ ได้แก่ โทรศัพท์ ร้านค้า และตู้ขายของอัตโนมัติ
ค่าธรรมเนียม: ผู้ใหญ่ 300 เยน ต่อคน, เด็ก 200 เยน ต่อคน (เด็กประถม), เด็กเล็กฟรี - ออโต้ไซต์ (Auto Site) คือแบบที่สามารถขับรถบ้านแคมป์ปิ้งคาร์ (Camping Car) เข้ามาตั้งแคมป์พักแรมได้ โดยมีพื้นที่รองรับได้ 25 คัน *จำเป็นต้องจองล่วงหน้าก่อนเข้าพัก
พื้นที่สำหรับ 1 คัน: 1,500 เยน
ค่าธรรมเนียม: ผู้ใหญ่ 300 เยน ต่อคน, เด็ก 200 เยน ต่อคน (เด็กประถม), เด็กเล็กฟรี
นอกจากนี้ที่นี่ยังมีที่พักสุดพิเศษสไตล์บังกะโล ซึ่งมีชื่อเรียกว่า “ดรีมเฮาส์ (Dream House)” ราคา 4,500 เยน อยู่ทั้งหมด 3 หลัง ภายในดรีมเฮาส์ (Dream House) จะมีห้องครัว และสามารถรองรับผู้เข้าพักได้ถึง 7-8 คน จึงเหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่มากันเป็นกลุ่มใหญ่ ที่พักแบบดรีมเฮาส์ (Dream House) เปิดให้บริการปลายเดือนมิถุนายนถึงสิ้นเดือนสิงหาคมของทุกปี
*จำเป็นต้องจองล่วงหน้าก่อนเข้าพัก
รายละเอียดสถานที่เพิ่มเติม
ที่อยู่ | Higashimokoto Shibazakura Park 393 Higashimokotosuehiro, Ozora, Abashiri, Hokkaido |
---|---|
แผนที่ | |
การเดินทาง | จากสถานี Sapporo โดยสารรถไฟ JR Limited Express Okhotsk ลงที่สถานี Abashiri ใช้เวลา 5 ชั่วโมง 30 นาที จากนั้นโดยสารรถ Abashiri Bus ลงที่ป้าย Higashimokoto ใช้เวลา 40 นาที จากนั้นโดยสารแท็กซี่ไปอีก 6 นาที |
เวลาทำการ | 8:00 – 17:00 น. |
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ | กลางเดือนพฤษภาคมถึงต้นเดือนมิถุนายน |
วันหยุด | ไม่มี |
ค่าใช้จ่าย |
|
เว็บไซต์ (ภาษาญี่ปุ่น) | http://www.shibazakura.net/ http://www.ooz-kankou.com/01kankou/01kankou_d.html https://www.visit-hokkaido.jp/event/detail/174 |
เว็บไซต์ (ภาษาอังกฤษ) | http://www.shibazakura.net/img/en.pdf https://www.nippon.com/en/guide-to-japan/gu900099/higashimokoto-shibazakura-park-a-flowery-oasis-in-northeastern-hokkaido.html https://www.kyuhoshi.com/higashimokoto-shibazakura-park/ |
เว็บไซต์ (ภาษาไทย) | http://www.shibazakura.net/img/thai.pdf https://www.jnto.or.th/spring2019/doto.html http://th.visit-eastern-hokkaido.jp/things_to_do/8209/ |
ถนนสายซากุระที่ยาวที่สุดในโลก (The World’s Longest Cherry-Lined Road), อะโอโมริ (Aomori)
ต้นซากุระเรียงรายซึ่งมีเขาอิวะคิยามะ (Iwakiyama) เป็นฉากหลัง
© JNTO/Iwaki Mountain Association
ต้นซากุระเรียงรายซึ่งมีเขาอิวะคิยามะ (Iwakiyama) เป็นฉากหลัง
© JNTO/Iwaki Mountain Association
ถนนสายซากุระที่ยาวที่สุดในโลก (The World’s Longest Cherry-Lined Road) ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาอิวะคิยามะ (Iwakiyama) ของจังหวัดอะโอโมริ (Aomori) สองข้างทางของถนนสายนี้เรียงรายไปด้วยต้นซากุระสายพันธุ์โอยะมะซากุระ (Oyamazakura) ประมาณ 6,500 ต้น ทอดยาวประมาณ 20 กิโลเมตร ต้นซากุระของที่นี่ปลูกขึ้นมาทุก ๆ ปี ด้วยความรักและตั้งใจของคนในท้องถิ่นที่ต้องการให้ถนนสายนี้เป็นถนนสายซากุระที่ยาวที่สุดในโลก
ในช่วงปลายเดือนเมษายนถึงกลางเดือนพฤษภาคมซากุระจะบานสะพรั่ง และมีทั้งผู้คนในท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างชาติเดินทางมาชมความงดงามกันเป็นจำนวนมาก สีชมพูอ่อนของดอกซากุระที่มีเขาอิวะคิยามะ (Iwakiyama) เป็นฉากหลังนั้นเป็นทัศนียภาพที่งดงามราวกับภาพวาด
กิจกรรมแนะนำที่ไม่ควรพลาดสำหรับผู้ที่ต้องการดื่มด่ำกับการชมซากุระอย่างเต็มที่ก็คือการปั่นจักรยานรอบ ๆ เชิงเขาอิวะคิยามะ (Iwakiyama) สำหรับผู้ที่สนใจมาปั่นจักรยานสามารถเช่าจักรยานได้ที่ โรงแรม HOTEL GRAND MER SANKAISO นอกจากนี้ที่นี่ยังมีแพ็คเกจห้องพัก อนเซ็น พร้อมจักรยานอีกด้วย บริเวณเส้นทางที่ต้องปั่นนั้นเป็นพื้นที่สูงต่ำ มีการไต่ระดับ จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ชำนาญในการปั่นจักรยานระดับหนึ่ง
ระยะทางในการปั่นจักรยานก็มีให้เลือก 3 แบบตั้งแต่ระดับง่ายไปจนถึงระดับยาก คือ
- Short Course เส้นทางปั่นจักรยานระยะทาง 15.9 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมง
- Middle Course เส้นทางปั่นจักรยานระยะทาง 40.4 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 3-4 ชั่วโมง
- Long Course เส้นทางปั่นจักรยานระยะทาง 72.6 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 5-7 ชั่วโมง
ซึ่งเส้นทางที่จะผ่านถนนสายซากุระที่ยาวที่สุดในโลก (The World’s Longest Cherry-Lined Road) นั้นจะเป็นเส้นทางแบบ Long Course จึงเหมาะกับผู้ที่มีความชำนาญในการปั่นจักรยาน
นอกจากนี้ในช่วงเดือนสิงหาคมของทุกปีก็จะมีการจัดงานปั่นจักรยาน “Around Iwakiyama Fun Ride” ซึ่งจะผ่านบริเวณรอบ ๆ เชิงเขาอิวะคิยามะ (Iwakiyama) โดยมีจุดเริ่มต้นและสิ้นสุดที่ศาลเจ้าอิวะคิยามะ (Iwakiyama Shrine) โดยปั่นตามเข็มนาฬิการอบภูเขา เป็นระยะทาง 47.4 กิโลเมตร
นอกจากนี้ยังมีสึงะรุ อิวะคิ สกายไลน์ (Tsugaru Iwaki Skyline) เส้นทางขับรถไปยังเขาอิวะคิยามะ (Iwakiyama) ชั้นที่ 8 ซึ่งประกอบด้วยโค้ง ทั้งหมด 69 โค้ง ปกติไม่อนุญาตให้จักรยานเข้า แต่สำหรับนักปั่นสามารถมาปั่นจักรยานบนถนนสายนี้ได้ในวันที่จัดงาน “Challenge Hill Climb Iwakiyama” ซึ่งจะจัดขึ้นในวันอาทิตย์สุดท้ายของเดือนมิถุนายนของทุกปี
ข้อควรระวังในการปั่นจักรยาน
- ขับขี่จักรยานชิดทางด้านซ้าย
- เคารพกฎจราจร
- ห้ามซ้อนท้ายจักรยาน
- กรณีขับขี่บนทางเท้า ควรให้ผู้ที่เดินอยู่บนทางเท้าใช้ทางก่อน
- ห้ามขี่จักรยานคู่ขนานไปพร้อมกัน 2 คัน
- ห้ามฟังเพลงหรือคุยโทรศัพท์ขณะขี่จักรยาน
- ควรเปิดไฟหากขี่จักรยานตอนกลางคืน
- ห้ามจอดจักรยานกีดขวางทางจราจร
- ควรสื่อสารด้วยสัญญาณมือหรือการสบตาเพื่อบ่งบอกความตั้งใจของคุณกับผู้ขับขี่คนอื่นๆ บนท้องถนน
- ควรสวมหมวกกันน็อคและระมัดระวังในการขับขี่เพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุ
รายละเอียดสถานที่เพิ่มเติม
ที่อยู่ | The World’s Longest Cherry-Lined Road Hirosaki, Aomori |
---|---|
แผนที่ | |
การเดินทาง | จากสถานี Aomori โดยสารรถไฟ JR Ou Line Limited Express ลงที่สถานี JR Hirosaki ใช้เวลา 34 นาที จากสถานี JR Hirosaki โดยสารรถบัส Konan ลงที่ป้าย Komoriyamairiguchi ใช้เวลา 40 นาที |
เวลาทำการ | 24 ชั่วโมง |
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ | ปลายเดือนเมษายนถึงกลางเดือนพฤษภาคม |
วันหยุด | ไม่มี |
ค่าใช้จ่าย | ไม่มี |
เว็บไซต์ (ภาษาญี่ปุ่น) | http://www.iwakisan.com/touristinfo/2017/07/27/sekai1sakura/ https://www.tohokukanko.jp/sozaishu/detail_1007895.html https://www.nihon-kankou.or.jp/sakura/detail/?ken__=aomori&shi__=02202&id__=S0209 |
เว็บไซต์ (ภาษาอังกฤษ) | https://www.en-aomori.com/scenery-023.html https://cyclistwelcome.jp/en/2240 https://www.japancherryblossom.com/aomori-prefecture/the-world-s-longest-sakura-road-at-the-southern-foot-of-mt-iwaki |
เว็บไซต์ (ภาษาไทย) | – |
หมู่บ้านโอกะอนเซ็น (Oga Onsen), อะคิตะ (Akita)
แช่อนเซ็นพร้อมชมซากุระที่บานสะพรั่งอย่างเป็นส่วนตัว
© JNTO
อนเซ็นของที่นี่มีมีปริมาณโซเดียมคลอไรด์ สูงมีคุณประโยชน์ต่อผิวพรรณ
© JNTO
หมู่บ้านโอกะอนเซ็น (Oga Onsen) ตั้งอยู่บนคาบสมุทรโอกะ (Oga Peninsula) เมืองโอกะ (Oga) ของจังหวัดอะคิตะ (Akita) พร้อมทั้งสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย เช่น แหลมนิวโด (Cape Nyudozaki) จุดชมวิวทะเลที่สวยที่สุดของเมืองและยังได้รับการกล่าวขานว่าเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกดินที่ดีที่สุด 1 ใน 100 แห่งของญี่ปุ่น
นอกจากนี้คาบสมุทรโอกะ (Oga Peninsula) ยังเป็นบ้านเกิดของปีศาจนะมะฮะเกะ (Namahage) จึงไม่ควรพลาดการไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์นะมะฮะเกะ (Namahage Museum) เรียนรู้ประวัติและตำนานทั้งหมดเกี่ยวกับปีศาลนะมะฮะเกะ พร้อมทั้งลองสวมชุดนะมะฮะเกะ และสามารถจองตารางเวลาไปชมโชว์ปีศาลนะมะฮะเกะตีกลองไทโกะ ที่โอกะอนเซ็นโกะฟุอีเวนท์ฮอล์ (Oga Onsen Gofu event hall) ได้อีกด้วย
การมาพักผ่อนที่หมู่บ้านโอกะอนเซ็น (Oga Onsen) สามารถดื่มด่ำกับวิถีชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ได้ที่หมู่บ้านนี้ ที่นี่เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยบ่ออนเซ็น ซึ่งมีน้ำร้อนที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น มีปริมาณโซเดียมคลอไรด์สูง ซึ่งช่วยรักษาความร้อนของน้ำ และยังเชื่อกันว่าน้ำนี้มีคุณประโยชน์ต่อผิวพรรณ ช่วยรักษาโรคผิวหนัง และช่วยผ่อนคลายความเหนื่อยล้าของกล้ามเนื้อได้
อาหารขึ้นชื่อที่คุณควรทานเมื่อมาเยือนโอกะอนเซ็น (Oga Onsen) คือ “อิชิยากิ (Ishiyaki)” ซึ่งเป็นอาหารท้องถิ่นที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนาน เชื่อกันว่าคิดค้นโดยชาวประมง จุดเด่นอยู่ที่การนำอาหารทะเล และวัตถุดิบสดใหม่ในท้องถิ่นนำไปใส่ในถังไม้แล้วปรุงอาหารให้สุกด้วยการใส่หินร้อน ๆ เข้าไป ที่น่าตื่นเต้นซึ่งเกี่ยวข้องกับการใส่อาหารทะเลสดและส่วนผสมอื่น ๆ ลงในถังโยนหินสีแดงสดที่ร้อนระอุและเดือดปุด ๆ ทันที มีบ่อน้ำพุร้อนมากมายที่ให้บริการอาหารจานนี้
นอกจากนี้ บริเวณโอกะอนเซ็น (Oga Onsen) มีที่พักพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน และมีบ่ออนเซ็นให้แช่ผ่อนคลายได้หลายแห่ง บ่ออนเซ็นที่น่าไปแช่ในบริเวณนี้ได้แก่
Oga Hotel
น้ำร้อนในบ่ออนเซ็นของที่นี่มีส่วนผสมของโซเดียมคลอไรด์ เชื่อกันว่าช่วยในการบรรเทารักษาบาดแผล แผลไฟไหม้ หรือโรคผิวหนังเรื้อรังได้ มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของอนเซ็นบ่อหินกลางแจ้ง “อิชิยามะโนะยุ (Ishiyama no Yu)” ซึ่งหันหน้าออกไปทางลานกว้างที่แวดล้อมด้วยธรรมชาติที่สวยงามแตกต่างไปตามฤดูกาล โดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้ผลินั้นก็สามารถแช่น้ำไปพร้อม ๆ กับเพลิดเพลินกับการชมซากุระที่บานสะพรั่งในช่วงปลายเดือนเมษายนถึงต้นเดือนพฤษภาคมได้อย่างเป็นส่วนตัวและผ่อนคลายอย่างที่สุด
Oga Kanko Hotel
น้ำร้อนในบ่ออนเซ็นแห่งใหม่ที่ไหลตรงจากต้นน้ำอิชิยามะโนะยุ (Ishiyama no Yu) ของโรงแรมในเครือเดียวกันอย่าง Oga Hotel ที่ตั้งอยู่ติดกัน น้ำร้อนของโรงแรมแห่งนี้มีโซเดียมคลอไรด์ คล้ายกับส่วนประกอบของน้ำทะเลและเกลือที่เกาะตามผิวหนัง หลังแช่น้ำจะป้องกันการระเหยของเหงื่อ จึงมีผลช่วยให้ผิวมีความชุ่มชื้นสูง และผิวสวย จึงเป็นอนเซ็นที่ได้รับความนิยมเช่นกัน ที่นี่มีอนเซ็นทั้งแบบในร่มและกลางแจ้ง
Seiko Grand Hotel
ที่นี่มีทั้งอนเซ็นกลางแจ้งที่คุณสามารถเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ของแต่ละฤดูกาล และอนเซ็นในร่มที่คุณสามารถผ่อนคลายได้ น้ำร้อนของที่นี่มีส่วนผสมของโซเดียมคลอไรด์ จึงช่วยให้ผิวพรรณสวยและมีความชุ่มชื้นเช่นเดียวกัน
SKO Group Yumeguri (ใช้ได้กลางเดือนเมษายนถึงกลางเดือนพฤศจิกายน)
สำหรับผู้เข้าพักที่โรงแรมในเครือ SKO ทั้ง 3 แห่ง Oga Hotel, Oga Kanko Hotel และ Seiko Grand Hotel สามารถแช่อนเซ็นที่โรงแรมในเครืออีกสองแห่งได้ในราคา 300 เยน จากราคา 700 เยน (ต่อโรงแรม) โดยสามารถติดต่อซื้อตั๋วนี้ได้ที่แผนกต้อนรับของโรงแรมที่คุณเข้าพัก
เวลาทำการ: 15:00-21:00 น. และเช้าวันถัดไป 6:30-8:30น.
*อาจมีบางกรณีที่ไม่สามารถใช้ได้ เช่น กรณีมีการปิดเหมาอนเซ็นทั้งหมด หรือมีการปิดซ่อมแซม
รายละเอียดสถานที่เพิ่มเติม
ที่อยู่ | Oga Onsen 13-1, Kusaki-hara, Kitaura-yumoto, Oga, Akita |
---|---|
แผนที่ | |
การเดินทาง | จากสถานี Aomori โดยสารรถไฟ JR Ou Line ลงที่สถานี JR Oga ใช้เวลา 1 ชั่วโมง จากสถานี JR Oga โดยสารรถชัทเทิลบัสของโรงแรม ใช้เวลา 30 นาที |
เวลาทำการ | เช็คอิน 15:00 น. เช็คเอาท์ 10:00 น. |
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ | ปลายเดือนเมษายนถึงต้นเดือนพฤษภาคม |
วันหยุด | ไม่มี |
ค่าใช้จ่าย | แตกต่างตามประเภทของห้องพัก |
เว็บไซต์ (ภาษาญี่ปุ่น) | https://e-ogaonsen.com/ |
เว็บไซต์ (ภาษาอังกฤษ) | https://www.tohokukanko.jp/en/attractions/detail_1557.html https://www.japan.travel/diving/en/travel/onsen/oga-onsen-akita/ https://e-ogaonsen.com/taiko/en/ https://oga-hotel.com/spa/ https://oga-kanko.com/en/spa/ https://oga-seiko.com/en/spa/ |
เว็บไซต์ (ภาษาไทย) | – |
ทุ่งดอกนะโนะฮะนะแห่งอิชิงะมิ (Ishigami Nanohana Field), ชิบะ (Chiba)
ทุ่งดอกนะโนะฮะนะสีเหลืองอร่ามบานสะพรั่ง
ช่วงกลางเดือนมีนาคมถึงต้นเดือนเมษายนของทุกปี
รถไฟซะโตะยะมะโทะรกโกะ (Satoyama Torocco Train)
ทุ่งดอกนะโนะฮะนะแห่งอิชิงะมิ (Ishigami Nanohana Field) ตั้งอยู่ในจังหวัดชิบะ (Chiba) บริเวณระหว่างสถานีโยโรเคโคะคุ (Yoro-Keikoku Station) และสถานีคะซุสะโอคุโบะ (Kazusa Okuba Station) ของรถไฟโคะมินะโตะ (Kominato Railway) ทุ่งดอกนะโนะฮะนะกว้างใหญ่แห่งนี้ถือกำเนิดขึ้นมาจากความตั้งใจของคนในท้องถิ่นที่มาช่วยกันหว่านเมล็ดพันธุ์ปลูกเอาไว้
ในช่วงกลางเดือนมีนาคมถึงต้นเดือนเมษายนดอกนะโนะฮะนะจะบานสะพรั่งเต็มทั่วท้องทุ่ง มีกิจกรรมแนะนำที่ไม่ควรพลาด คือ การชมดอกไม้ท่ามกลางทุ่งดอกนะโนะฮะนะแสนสวยที่ดูคล้ายกับพรมสีเหลืองผืนใหญ่โดยมีภาพท้องฟ้าสีฟ้าสดใสเป็นแบ็คกราวด์ พร้อมกับนั่งรถไฟขบวนแสนพิเศษ ด้วยการโดยสารรถไฟ 2 ขบวน ได้แก่
1.รถไฟซะโตะยะมะโทะรกโกะ (Satoyama Torocco Train)
รถไฟชมวิวแบบไร้หน้าต่างที่แล่นไปกลางทุ่งดอกนะโนะฮะนะ เพื่อสัมผัสกับสายลมและธรรมชาติอย่างใกล้ชิด รถไฟซึ่งดูมีเอกลักษณ์แปลกตานี้จะจอดให้ขึ้นลงได้เพียง 4 สถานี เท่านั้น คือ สถานีคะซุสะอุชิคุ (Kazusa Ushiku Station) สถานีซะโตะมิ (Satomi Station) สถานีทสึกิซะกิ (Tsukizaki Station) และสถานีโยโรเคโคะคุ (Yoro-Keikoku Station) ไม่สามารถขึ้นหรือลงที่สถานีอื่นได้ ราคาค่าใช้จ่ายแล้วแต่การขึ้นลงสถานี แต่หากใช้แบบเหมาก็สามารถซื้อตั๋วได้เพียงคนละ 600 เยน รถไฟขบวนนี้มีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 4 ตู้ รถไฟตู้ที่ 1 และตู้4 จะเป็นรถไฟที่นั่งธรรมดา ส่วนตู้ที่ 2 และ 3 จะเป็นตู้สำหรับชมวิวสองข้างทาง รถไฟขบวนนี้วิ่งให้บริการเฉพาะวันที่กำหนดเท่านั้น จึงควรจองล่วงหน้าทางโทรศัพท์ แล้วมาชำระค่าโดยสารในวันเดินทางจริงที่สถานีรถไฟที่ใช้บริการ
2.รถไฟท่องเที่ยวมูมินอิซุมิ (MOOMIN Isumi Railway)
ซึ่งเป็นเส้นทางรถไฟเก่าที่ถูกปรับปรุงขึ้นเพื่อเป็นขบวนรถไฟท่องเที่ยว ซึ่งตกแต่งในธีมตามคาแรกเตอร์มูมิน(Moomin) ระยะทางทั้งหมด 26 กิโลเมตร รถไฟจะจอดให้ขึ้นและลง ได้เพียง 4 สถานี จุดเริ่มต้นของการเดินทางอยู่ที่สถานีโอฮะระ (Ohara Station) สถานีคุนิโยะชิ (Kuniyoshi Station) สถานีโอทะคิ (Otaki Station) ไปสิ้นสุดยังสถานีคะซุสะนะคะโนะ (Kazusa-Nakano Station) สถานีปลายทางของรถไฟอิซุมิ (Isumi Railway)
นอกจากดีไซน์ภายนอกรถไฟแล้วที่หน้าต่างกับประตูด้านในก็ยังมีเหล่ามูมินมาห้อมล้อมไปตลอดการเดินทาง ระหว่างทางไฮไลท์เด็ดอยู่ที่การแวะลงที่สถานีคุนิโยะชิ (Kuniyoshi Station) เพื่อพบกับ “VALLEY WINDS” ร้านขายของมูมินในสถานี ที่นี่มีสินค้าลิขสิทธิ์ของมูมินอยู่มากมาย รับรองว่าถูกใจสาวกมูมินและคนที่อยากซื้อของฝากอย่างแน่นอน
รายละเอียดสถานที่เพิ่มเติม
ที่อยู่ | Ishigami Nanohana Field 225 Ishigami, Ichihara, Chiba |
---|---|
แผนที่ | |
การเดินทาง | จากสถานี Tokyo โดยสารรถไฟ JR Sobu Line ลงที่สถานี Goi ใช้เวลา 1 ชั่วโมง จากนั้นโดยสารรถไฟ Kominato Railway ลงที่สถานี Yoro-Keikoku ใช้เวลา 1 ชั่วโมง จากนั้นเดินไปอีกประมาณ 10 นาที |
เวลาทำการ | 9:00 – 17:00 น. |
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ | กลางเดือนมีนาคมถึงต้นเดือนเมษายน |
วันหยุด | ไม่มี |
ค่าใช้จ่าย |
ค่าตั๋วรถไฟ 1 Day Pass ของ Kominato Railway
ผู้ใหญ่ 1,840 เยน เด็ก 920 เยน ค่าตั๋วรถไฟ 1 Day Pass ของ Isumi Railway |
เว็บไซต์ (ภาษาญี่ปุ่น) | https://www.kominato.co.jp/tourism/yorokeikoku/ishigami/index.html https://www.kominato.co.jp/satoyamatorocco/index.html https://www.kominato.co.jp/train/guide/deal/index.html https://www.isumirail.co.jp/ticket |
เว็บไซต์ (ภาษาอังกฤษ) | https://digjapan.travel/en/featured/id=10377 https://zekkeijapan.com/article/index/871/ |
เว็บไซต์ (ภาษาไทย) | https://www.jnto.or.th/spring2019/chiba.html |
สวนสาธารณะสุมิดะ (Sumida Park), โตเกียว (Tokyo)
ดื่มด่ำฤดูใบไม้ผลิอย่างเต็มที่ด้วยการสวมกิโมเดินชมซากุระ
สัมผัสความงามในอีกรูปแบบด้วยการนั่งเรือสำราญ
ชมซากุระจากแม่น้ำสุมิดะ (Sumida River)
สวนสาธารณะสุมิดะ (Sumida Park) เป็นสวนสาธารณะริมแม่น้ำที่ตั้งอยู่ในย่านอาซากุสะ (Asakusa) ของโตเกียว (Tokyo) สวนสาธารณะแห่งนี้มีผู้คนแวะเวียนมาอยู่เป็นประจำ ฤดูใบไม้ผลิซึ่งจะมีการจัดงานเทศกาลชมดอกซากุระ ซึ่งจะมีร้านค้าแผงลอยขายอาหารมาขายอาหารหรือขนม ชาวญี่ปุ่นก็มักนิยมซื้ออาหารแล้วไปปูเสื่อปิกนิกใต้ต้นซากุระ นอกจากนี้มีตลาดนัด Flea Market รวมถึงมีโชว์เต้นหรือโชว์กลองญี่ปุ่นให้ชมอีกด้วย
ในช่วงปลายเดือนมีนาคมถึงต้นเดือนเมษายนต้นซากุระมากกว่า 600 ต้น จะเบ่งบานอย่างเต็มที่ โดยมีแม่น้ำสุมิดะ (Sumida River) และโตเกียวสกายทรี (Tokyo Sky Tree) เป็นฉากหลังหากต้องการดื่มด่ำฤดูใบไม้ผลิอย่างเต็มที่เหมือนกับคนญี่ปุ่นขอแนะนำให้สวมชุดกิโมโนแล้วซึมซับกับบรรยากาศของซากุระสีชมพูสดใสและทิวทัศน์รอบตัวอย่างไม่ต้องเร่งรีบเดินเล่นริมฝั่งแม่น้ำสุมิดะ (Sumida River) สำหรับคนที่อยากเช่าชุดกิโมโนสามารถไปเช่าได้ที่ร้านเช่ากิโมโนที่มีมากกว่า 10 ร้าน ซึ่งตั้งอยู่บริเวณรอบๆ สถานีอาซากุสะ (Asakusa Station) และวัดเซนโซจิ (Sensoji) โดยราคาค่าเช่าโดยทั่วไปจะเริ่มต้นตั้งแต่ประมาณ 3,000 เยนต่อคน ในตอนกลางคืนจะมีการประดับไฟไลท์อัพที่ต้นซากุระ ในช่วงนี้โตเกียวสกายทรี (Tokyo Sky Tree) และสะพานก็จะมีการประดับไฟด้วยเช่นกัน
กิจกรรมแนะนำที่ไม่ควรพลาดลองนั่งเรือชมทัศนียภาพด้วยเรือสำราญยะกะตะบุเนะ (Yakatabune) โดยปกติการล่องเรือจะใช้เวลารอบละประมาณ 2-3 ชั่วโมง ซึ่งรวมการทานอาหารญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมบนเรือ นอกจากนี้ในช่วงฤดูใบไม้ผลิจะมีบริการล่องเรือชมซากุระโดยเฉพาะ เพื่อเปิดประสบการณ์การชมดอกไม้ในอีกมุมมองจากแม่น้ำสุมิดะ (Sumida River) เรียกว่าเรือโอฮานามิยะกะตะบุเนะ (Ohanami Yakatabune) ซึ่งจะเปิดให้บริการในช่วงปลายเดือนมีนาคมถึงต้นเดือนเมษายนเท่านั้น
ผู้โดยสารสามารถชมซากุระพร้อมกับทานอาหารบนเรือ ยิ่งในช่วงกลางคืนนั้นก็จะได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศสุดโรแมนติกและทิวทัศน์ที่งดงามไปอีกรูปแบบ
ค่าบริการสำหรับผู้ใหญ่ 11,000 เยน (รวมภาษี) ต่อคน เด็กประถมหรือต่ำกว่า 5,500 เยน (รวมภาษี) เด็กอายุต่ำกว่า 3 ปีไม่เสียค่าใช้จ่าย (ไม่มีอาหารและที่นั่งให้)
**สำหรับคนที่สนใจล่องเรือจำเป็นต้องจองก่อนล่วงหน้า และมีหลายบริษัทให้บริการ**
https://www.yakatabune-kumiai.jp/en/index.php
https://www.gotokyo.org/en/destinations/waterfront/yakatabune-boat-cruises.html
รายละเอียดสถานที่เพิ่มเติม
สวนอาซาฮิฟุนะคาวะ (Asahi Funakawa Park), โทยามะ (Toyama)
สถานที่เดียวที่สามารถชมได้ครบทั้งดอกซากุระ
ดอกทิวลิป ดอกนะโนะฮะนะ และภูเขาอาซาฮี
© Asahi Town Tourism Association
ซากุระพันธุ์โซเมอิ โยชิโนะ (Somei Yoshino)
เรียงรายเป็นระยะทางกว่า 1.2 กิโลเมตร
© Asahi Town Tourism Association
สวนอาซาฮิฟุนะคาวะ (Asahi Funakawa Park) ตั้งอยู่ในเมืองอาซาฮี (Asahi) จังหวัดโทยามะ (Toyama) เป็นจุดถ่ายภาพและจุดชมซากุระที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งในช่วงฤดูใบไม้ผลิของจังหวัดโทยามะ (Toyama) นอกจากจะได้ดื่มด่ำกับภาพความงดงามของซากุระพันธุ์โซเมอิ โยชิโนะ (Somei Yoshino) ที่เบ่งบานเรียงรายริมแม่น้ำฟุนะคาวะ (Funakawa River)แล้ว ในบริเวณนี้ยังมีสวนดอกทิวลิปแล้วก็ยังมีดอกนะโนะฮะนะ (Nanohana) สีเหลืองที่บานสะพรั่งไม่ยอมน้อยหน้า พร้อมทั้งยังมีฉากหลังที่เป็นภูเขาโซกะดะเคะ (Mt. Sogadake) ซึ่งปกคลุมด้วยหิมะสีขาว ช่วยทำให้เหล่าหมู่มวลดอกไม้นานาชนิดดูโดดเด่นยิ่งขึ้นไปอีก
สำหรับคนที่ชื่นชอบการถ่ายภาพนั้นจะต้องไม่พลาดจุดไฮไลท์ที่มีอยู่ทั้งหมด 4 จุด ได้แก่
-
- อุโมงค์ซากุระ ดื่มด่ำกับภาพความงดงามของซากุระพันธุ์โซเมอิ โยชิโนะ (Somei Yoshino) ราว 280 ต้น ที่เบ่งบานเรียงรายริมแม่น้ำฟุนะคาวะ (Funakawa River) เป็นระยะทางกว่า 1.2 กิโลเมตรแล้ว
- สวนดอกนะโนะฮะนะ (Nanohana) สีเหลืองอร่าม ตั้งอยู่ถัดจากอุโมงค์ดอกซากุระ
- สวนดอกทิวลิป ที่มีหลากสีสันสดใส ตั้งอยู่ถัดไปทางทิศเหนือของสวนดอกนะโนะฮะนะ (Nanohana) ในอดีตบริเวณนี้เคยมีสวนของเกษตรกรที่ปลูกทิวลิปเป็นจำนวนมากถึง 30 แห่ง แต่ปัจจุบันหลงเหลืออยู่เพียงแห่งเดียวเท่านั้น
- ภูเขาโซกะดะเคะ (Mt. Sogadake) ที่ปกคลุมด้วยหิมะตั้งตระหง่านอยู่ด้านหลังสุดของดอกทิวลิป สวนดอกนะโนะฮะนะ และอุโมงค์ซากุระ
ต้นเดือนถึงกลางเดือนเมษายนของทุกปีดอกไม้จะพร้อมกันบานสะพรั่ง เรียกได้ว่าถ้ามาเยือนที่นี่ที่เดียวก็สามารถเพลิดเพลินได้ทั้ง 4 สีสันสวยงาม จากดอกซากุระ ดอกทิวลิป ดอกนะโนะฮะนะ และภูเขาอาซาฮี พร้อมกันในหนึ่งฤดูกาล ในช่วงกลางคืนจะมีการเปิดไฟไลท์อัพบริเวณต้นซากุระกลายเป็นภาพบรรยากาศอันน่าประทับใจ
รายละเอียดสถานที่เพิ่มเติม
ที่อยู่ | Asahi Funakawa Park Funagawashin, Asahi, Shimoniikawa, Toyama |
---|---|
แผนที่ | |
การเดินทาง | จากสถานี Tokyo โดยสารรถไฟ Hokuriku Shinkansen ลงที่สถานี Itoigawa ใช้เวลา 2 ชั่วโมง 5 นาที จากนั้นโดยสารรถไฟ Nihonkai-Hisui Line ใช้เวลา 27 นาที ลงที่สถานี Tomari จากนั้นโดยสารรถแท็กซี่หรือรถชัทเทิลบัสรับส่ง (ให้บริการในวันเสาร์และอาทิตย์) ไปอีก 10 นาที |
เวลาทำการ | 24 ชั่วโมง การเปิดไฟไลท์อัพ 19:00 – 21:00 น. |
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ | ต้นเดือนถึงกลางเดือนเมษายน |
วันหยุด | ไม่มี |
ค่าใช้จ่าย | ไม่มี |
เว็บไซต์ (ภาษาญี่ปุ่น) | https://www.asahi-tabi.com/sijuusou/ https://www.asahi-tabi.com/pdf/2020shijyuso.pdf https://www.town.asahi.toyama.jp/soshiki/shokokanko/1449207735697.html https://www.info-toyama.com/event/80459/ |
เว็บไซต์ (ภาษาอังกฤษ) | https://foreign.info-toyama.com/en/spot/?spot_id=114&ret_list_p=10 |
เว็บไซต์ (ภาษาไทย) | https://www.jnto.or.th/spring2018/detail/riverside_of_funakawa |
[ เพจที่เกี่ยวข้อง ]
- จุดชมซากุระที่อยากแนะนำ บริเวณญี่ปุ่นฝั่งตะวันตก
- ชมซากุระ
- แนะนำ 5 สถานที่ชมฮายาซากิซากุระ (Hayazaki Sakura)
- ชมซากุระทั่วญี่ปุ่น
- ชมซากุระบานสะพรั่งทั่วญี่ปุ่น
- สถานที่เที่ยวชมดอกบ๊วย
- แนะนำจุดชมซากุระบานช่วงเดือนมกราคม – มีนาคม
- แหล่งชมซากุระบานในเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์
- แนะนำจุดชมซากุระยอดนิยม 10 แห่งทั่วญี่ปุ่น
- สงกรานต์ปีนี้ไปชมซากุระที่โทโฮคุกันเถอะ
- ชมซากุระพร้อมภูเขาไฟฟูจิ
ข้อมูล ณ เดือนมีนาคม 2021