ไปชมพร้อมลุ้นการแข่งขันฟุตบอลติดขอบสนามที่ญี่ปุ่นกันเถอะ

เคยคิดอยากลองไปชมการแข่งขันฟุตบอลสดๆ ที่ญี่ปุ่นดูสักครั้งหรือไม่?

ปัจจุบันฟุตบอลเจลีกได้รับความนิยมและเป็นที่สนใจอย่างมากในหมู่แฟนบอลชาวไทย โดยในฤดูกาลที่ผ่านมาในเมืองไทยก็ได้เริ่มมีการถ่ายทอดฟุตบอล “เจลีก (J.League)” ลีกฟุตบอลอาชีพแห่งประเทศญี่ปุ่นกันแล้ว และยังมีนักเตะดาวเด่นของไทยหลายคนที่พากันไปเซ็นสัญญาค้าแข้งกับเจลีกกันอย่างต่อเนื่อง ในครั้งนี้จะขอแนะนำเรื่องการชมฟุตบอลในญี่ปุ่น และเล่าเรื่องเกี่ยวกับเจลีกแบบคร่าวๆ รวมถึงแนะนำนักเตะชาวไทยที่ไปค้าแข้งอยู่ที่ญี่ปุ่นให้ได้รู้จักกัน

soccer-in-japan-01

© Saitama Convention & Visitors Bureau / © JNTO

soccer-in-japan-02

© PhotoAC

 ความนิยมของกีฬาฟุตบอลในญี่ปุ่น

ฟุตบอลเป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในเมืองไทย ซึ่งที่ญี่ปุ่นเองก็ได้รับความนิยมอย่างสูงและมีแฟนบอลจำนวนมากเช่นกัน เป็นกีฬาซึ่งคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีในวงกว้างทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ทั้งในฐานะ “กีฬาที่ชอบเล่น” และ “กีฬาที่ชอบดู” โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีแมตช์ทัวร์นาเมนต์ฟุตบอลชิงแชมป์ญี่ปุ่นระดับมัธยมปลายและระดับมหาวิทยาลัย หรือแมตช์การแข่งขันฟุตบอลอาชีพ “เจลีก (J.League)” เมื่อไหร่ก็มักจะดึงดูดแฟนบอลให้มาร่วมลุ้นร่วมเชียร์กันที่สนามได้อย่างครึกครื้นล้นหลาม

 การร่วมเชียร์และร่วมชมการแข่งขันฟุตบอล

soccer-in-japan-03

© URAWA RED DIAMONDS OFFICIAL /©︎ flickr

“คัตสึด้งสันนอกหมู” ที่สนามกีฬาไซตะมะ (Saitama Stadium)
(คำว่า “คัตสึ”มีความหมายว่าอีกอย่างว่า “ชนะการแข่งขัน”)

soccer-in-japan-04

© URAWA RED DIAMONDS OFFICIAL / ©︎ flickr

บรรดาแฟนบอลที่มาชมการแข่งขันในสนาม จะใส่เสื้อทีมของทีมที่ตนเชียร์จนทั่วทั้งอัฒจันทร์กลายเป็นสีเดียวกัน เพื่อแสดงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับนักกีฬารวมถึงแฟนบอลคนอื่นๆ ที่เชียร์ทีมเดียวกัน สำหรับการเชียร์นั้นก็มีหลายวิธีแตกต่างกันไปในแต่ละทีม ทั้งที่ใช้โทรโข่งในการเชียร์ โบกสะบัดผ้าขนหนูสีเดียวกับสีทีม หรือที่ร้องเพลงเชียร์พร้อมกระโดดไปด้วยอย่างฮึกเหิม ซึ่งหากได้ไปร่วมชมร่วมเชียร์เป็นส่วนหนึ่งในนั้น ได้ไปโบกสะบัดธงผืนใหญ่ และได้ชูป้ายผ้าพร้อมข้อความเชียร์บอลอยู่ในสนามกีฬาจริงๆ ก็คงจะได้สัมผัสกับความรู้สึกเร่าร้อนเปี่ยมพลังของเหล่าแฟนบอลที่เชียร์กันอยู่อย่างแน่นอน

นอกจากนี้ภายในสนามกีฬายังมีเครื่องดื่มซอฟต์ดริงค์ แอลกอฮอล์ ไอศกรีม และอาหารว่างนานาชนิดให้ได้เอร็ดอร่อยกันระหว่างชมการแข่งขันอีกด้วย โดยจะมีเจ้าหน้าที่เดินมาขายตามที่นั่งบนอัฒจันทร์ หรือจะซื้อตามร้านค้าในโซนขายอาหารและเครื่องดื่มก็ได้เช่นกัน ซึ่งสนามกีฬาบางแห่งก็มีเมนูอาหารที่มีชื่อเป็นมงคลเพื่อ “ชนะการแข่งขัน” หรือบางแห่งก็อาจจะมีเมนูพิเศษที่หาทานได้เฉพาะในท้องถิ่นเท่านั้นไว้บริการด้วยเช่นกัน

 เจลีก (J.League)

“เจลีก (J.League)” ย่อมาจาก “Japan Professional Football League” ซึ่งหมายถึงลีกฟุตบอลอาชีพแห่งประเทศญี่ปุ่น เปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกในปีค.ศ. 1993 จนปัจจุบันนี้มีประวัติศาสตร์ยาวนาน 25 ปีแล้ว แบ่งออกเป็น 3 ดิวิชันตามระดับความสามารถของทีมเป็น J1, J2 และ J3 และมีสโมสรที่เข้าร่วมรวมทั้งสิ้น 54 สโมสร (ข้อมูล ณ เดือนเมษายน 2018) ฤดูกาลแข่งขันของเจลีก จะเริ่มต้นขึ้นในช่วงต้นเดือนมีนาคมและสิ้นสุดลงในช่วงต้นเดือนธันวาคมของทุกปี โดยแมตช์การแข่งขันมักจะจัดขึ้นในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์หรือวันหยุดราชการ แต่นับตั้งแต่ฤดูกาลนี้เป็นต้นไปก็จะมีการจัดการแข่งขันในคืนวันศุกร์เพิ่มขึ้นมาด้วย

 การซื้อบัตรเข้าชมการแข่งขัน

วิธีที่ง่ายที่สุดคือการซื้อบัตรหน้างาน ในวันที่จัดการแข่งขันที่แผนกขายบัตรที่สนามกีฬาได้เลย แต่สำหรับบางแมตช์ที่ได้รับความนิยมมากบัตรก็อาจจะขายหมดอย่างรวดเร็ว การซื้อบัตรล่วงหน้าก็จะเป็นวิธีที่แน่นอนกว่า ซึ่งสามารถหาซื้อได้ทางอินเทอร์เน็ตและตามร้านสะดวกซื้อต่างๆ ทั่วประเทศญี่ปุ่น

เว็บไซต์จำหน่าย “บัตรเข้าชมการแข่งขันฟุตบอลเจลีก” (ภาษาญี่ปุ่น)
เว็บไซต์จำหน่าย “บัตรเข้าชมการแข่งขันฟุตบอลเจลีก” (ภาษาอังกฤษ) 

soccer-in-japan-05

© URAWA RED DIAMONDS OFFICIAL /©︎ flickr

 นักเตะไทยที่ไปค้าแข้งอยู่ที่ญี่ปุ่น

ในปีค.ศ. 2017 ทางเจลีก (J.League) ได้ยกเลิกข้อบังคับเกี่ยวกับนักเตะต่างชาติจาก 8 ประเทศ รวมถึงไทย เวียดนาม และพม่า ซึ่งหมายความว่านักเตะไทยจะได้มีสิทธิในการเซ็นสัญญาและลงสนามแข่งเช่นเดียวกันกับนักเตะญี่ปุ่น นับแต่นั้นมาจึงได้เริ่มมีการคว้าตัวนักเตะจากไทยกันอย่างคึกคัก

soccer-in-japan-06

(ชนาธิป สรงกระสินธ์)

soccer-in-japan-07

(สิทธิโชค ภาโส)

ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2017 สิทธิโชค ภาโส กองหน้าทีมชาติไทยรุ่นอายุไม่เกิน 19 ได้เซ็นสัญญาเข้าสังกัดสโมสร “คาโงะชิมะ ยูไนเต็ด (Kagoshima United)” ในเจลีกดิวิชัน 3 (J3) ถือกำเนิดในฐานะนักเตะเจลีกคนแรกจากประเทศไทย ต่อมาในเดือนกรกฎาคมสโมสรฟุตบอลโตเกียว (FC Tokyo) ก็ได้ทำสัญญายืมตัวจักรกฤษณ์ เวชภิรมย์ ผู้เล่นทีมชาติไทยรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี มาจากสโมสรแบงค็อก ยูไนเต็ด (Bangkok United) และในเดือนเดียวกัน ชนาธิป สรงกระสินธ์ นักฟุตบอลดาวรุ่งทีมชาติไทยก็ได้เซ็นสัญญาเข้าสังกัดสโมสร “ฮอกไกโด คอนซาโดเล ซัปโปโร (Hokkaido Consadole Sapporo)” และมีบทบาทสำคัญน่าจับตามองในฐานะนักเตะไทยคนแรกที่ได้เข้าไปค้าแข้งในเจลีก ดิวิชัน 1

ในปีค.ศ. 2018 นี้ นักเตะจากไทยก็ยังคงเดินหน้าเข้าค้าแข้งในเจลีกกันอย่างต่อเนื่อง เริ่มด้วยสโมสร “ซานเฟรซเซ ฮิโรชิมะ (Sanfrecce Hiroshima)” ที่คว้าตัวธีรศิลป์ แดงดา ดาวซัลโวประจำทีมชาติไทยมาได้ ด้วยประสบการณ์ที่เคยเล่นให้กับสโมสรแมนเชสเตอร์ ซิตี้ (Manchester City) ของอังกฤษ สโมสรกราสฮอปเปอร์ (Grasshopper) ของสวิตเซอร์แลนด์ และสโมสรอูเด อัลเมรีอา (UD Almeria) ของเสปน ทำให้ธีรศิลป์เป็นที่จับตามองและคาดหวังเป็นอย่างมากถึงผลงานหลังจากนี้ สำหรับสโมสร “เซเรโซ โอซาก้า (Cerezo Osaka)” ก็ได้ตัว เชาว์วัฒน์ วีระชาติ นักเตะทีมชาติไทยรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปีมาจากสโมสรบางกอกกลาส (Bangkok Glass) และตามมาด้วยการเข้าร่วมทีมสโมสร “วิสเซล โกเบ(Vissel Kobe)” ของธีราทร บุญมาทัน กองหลังฝั่งซ้ายทีมชาติไทย เรียกว่านักเตะไทยที่ไปค้าแข้งในวงการฟุตบอลอาชีพที่ญี่ปุ่นมีจำนวนมากยิ่งกว่าฤดูกาลที่แล้วขึ้นไปอีก

 ร่วมชมแมตช์การแข่งขันของสโมสรที่มีนักเตะไทยในสังกัด

นับเป็นเรื่องที่น่าสนใจมากทีเดียวหากได้มีโอกาสไปชมแมตช์การแข่งขันฟุตบอลของนักเตะไทยในประเทศญี่ปุ่น เนื่องจากนักฟุตบอลไทยส่วนใหญ่จะเซ็นสัญญาแบบชั่วคราวซึ่งกำหนดระยะเวลาเพียง 1-2 ปี โอกาสที่จะได้ไปชมและเชียร์นักเตะเหล่านี้ในญี่ปุ่นจึงไม่ได้ยาวนานนัก สำหรับจดหมายข่าวฉบับนี้จะขอแนะนำให้รู้จักกับสโมสร “ฮอกไกโด คอนซาโดเล ซัปโปโร (Hokkaido Consadole Sapporo)” ซึ่งมีชนาธิปในสังกัด และสโมสร “ซานเฟรซเซ ฮิโรชิมะ (Sanfrecce Hiroshima)” ที่มีธีราทรในสังกัด

ฮอกไกโด คอนซาโดเล ซัปโปโร (Hokkaido Consadole Sapporo), ฮอกไกโด (Hokkaido)

soccer-in-japan-08

©︎ daitasaru / ©︎ flickr

soccer-in-japan-09

©︎ PhotoAC

สโมสรระดับเจลีกเพียงแห่งเดียวในฮอกไกโด (Hokkaido) ได้ต้อนรับนักเตะชื่อดังชนาธิป สรงกระสินธ์ ผู้มีฉายาว่า “เมสซี่เจ” มาเป็นสมาชิกใหม่ตั้งแต่หน้าร้อนปีที่ผ่านมา มีสนามเหย้าชื่อซัปโปโรโดม (Sapporo Dome) อยู่ในเมืองซัปโปโร (Sapporo City)

ซัปโปโรโดม (Sapporo  Dome) เป็นหนึ่งในสนามกีฬาไม่กี่แห่งในโลกที่เป็นทรงโดมซึ่งสามารถทำการแข่งขันฟุตบอลในร่มได้ ภาพโดมสะท้อนประกายเงาวับสีเงินทำให้แลดูคล้ายกับยานอวกาศ หลังจากที่ชนาธิปได้เข้ามาร่วมทีมสโมสรแห่งนี้ ก็ได้เริ่มมีการถ่ายทอดการแข่งขันฟุตบอลเจลีกในประเทศไทยกันอย่างจริงจังมากขึ้น มีสื่อไทยประจำอยู่ที่เมืองซัปโปโร (Sapporo) เพื่อคอยเสนอข่าวความเคลื่อนไหวรายวันของนักเตะหนุ่ม ทำให้คนไทยได้รู้จักและสัมผัสกับฟุตบอลเจลีกรวมถึงสโมสร “ฮอกไกโด คอนซาโดเล ซัปโปโร (Hokkaido Consadole Sapporo)” แห่งนี้มากขึ้น

ที่อยู่
Sapporo Dome

1 Hitsujigaoka, Toyohira-ku, Sapporo-shi, Hokkaido

แผนที่
การเดินทาง จากสถานีรถไฟใต้ดิน Sapporo โดยสารรถไฟ Sapporo City Subway Toho Line ไปลงที่สถานี Fukuzumi ใช้เวลา 15 นาที จากนั้นเดินอีก 10 นาที
เว็บไซต์ (ภาษาญี่ปุ่น) Hokkaido Consadole Sapporo
http://www.consadole-sapporo.jp/
เว็บไซต์ (ภาษาอังกฤษ) http://international.consadole-sapporo.jp/
เว็บไซต์ (ภาษาไทย)

ซานเฟรซเซ ฮิโรชิมะ (Sanfrecce Hiroshima), ฮิโรชิมะ (Hiroshima)

soccer-in-japan-10

©︎ [email protected] / ©︎ flickr

soccer-in-japan-11

(ธีรศิลป์ แดงดา)

ภาพขณะสังกัดอยู่ทีมไทย

ซานเฟรซเซ ฮิโรชิมะ (Sanfrecce Hiroshima) คือสโมสรฟุตบอลระดับเจลีกดิวิชัน 1 (J1) แห่งเมืองฮิโรชิมะในจังหวัดฮิโรชิมะ (Hiroshima City, Hiroshima) มีสถิติชนะเลิศการแข่งขันในลีกอยู่หลายฤดูกาล แม้ในปีค.ศ. 2016-2017 ผลงานจะไม่ค่อยน่าประทับใจนัก แต่สำหรับฤดูกาลนี้ถือว่าฟอร์มดีทีเดียวทำให้แฟนๆ ส่งแรงเชียร์กันอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง ภายในสนามเหย้าเอดิออนสเตเดียมฮิโรชิมะ (Edion Stadium Hiroshima) ของสโมสรแห่งนี้ มีเมนูเด็ดประจำฮิโรชิมะ อย่างโอโคโนมิยากิ (Okonomiyaki) และหอยนางรมให้ได้ลิ้มรสกันด้วย ซึ่งนักเตะที่เพิ่งเข้ามาร่วมทีมสโมสรซานเฟรซเซ ฮิโรชิมะ (Sanfrecce Hiroshima) ในฤดูกาลนี้ก็คือธีรศิลป์ แดงดา “วีรบุรุษจากไทย” นั่นเอง และเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาก็ได้ลงสนามนัดเปิดฤดูกาลโดยลงฟาดแข้งกับทีมสโมสร ฮอกไกโด คอนซาโดเล ซัปโปโร (Hokkaido Consadole Sapporo) และทำประตูจนได้รับชัยชนะอย่างงดงาม สร้างประวัติศาสตร์เป็นนักเตะไทยคนแรกที่ทำประตูได้ในเจลีก และกลายเป็นความหวังของมิตรรักแฟนบอลทุกคน

ที่อยู่
Edion Stadium Hiroshima

5-1-1 Otsuka-nishi, Asaminami-ku, Hiroshima-shi, Hiroshima

แผนที่
การเดินทาง จากสถานีรถไฟ Shin-Osaka โดยสารรถไฟ JR Sanyo Shinkansen ไปลงที่สถานี Hiroshima ใช้เวลา 1 ชั่วโมง 30 นาที จากนั้นต่อรถไฟสาย JR Sanyo Main Line ไปลงที่สถานี Shinhakushima ใช้เวลา 2 นาที แล้วโดยสารรถราง Astramline ไปลงที่สถานี Koiki Koen-mae ใช้เวลา 32 นาที จากนั้นเดินอีก 10 นาที
เว็บไซต์ (ภาษาญี่ปุ่น) Sanfrecce Hiroshima
http://www.sanfrecce.co.jp/
เว็บไซต์ (ภาษาอังกฤษ) http://www.sanfrecce.co.jp/en/
เว็บไซต์ (ภาษาไทย)
จดหมายข่าวอื่นๆ