ชื่นฉ่ำใจกับดอกไม้นานาชนิดในช่วงฤดูร้อนของญี่ปุ่น

JUN21_Flower_Head1

สวนสาธารณะชิโมดะ (Shimoda Park), ชิซุโอกะ (Shizuoka)

JUN21_Flower_Keisei2

สวนกุหลาบเคเซ (Keisei Rose Garden), ชิบะ (Chiba)
© Keisei Rose Garden

หลังจากฤดูใบไม้ผลิผ่านพ้นไป ตั้งแต่เดือนมิถุนายนถึงเดือนสิงหาคมก็จะเข้าสู่ฤดูร้อนของญี่ปุ่น นอกจากอุณหภูมิที่อบอุ่นขึ้นในช่วงนี้ก็จะมีสายฝนโปรยปรายลงมาเพิ่มความชุ่มฉ่ำ ทำให้ผู้ที่มาเยือนประเทศญี่ปุ่นสามารถเพลิดเพลินกับการชื่นชมธรรมชาติและดอกไม้นานาชนิดไม้ไม่ต่างจากฤดูกาลอื่นๆ

ดอกไม้ที่ผลิบานในช่วงนี้ ได้แก่ ไฮเดรนเยีย (Hydrengea) กุหลาบ (Rose) ไอริส (Iris) ลิลลี่ (Lily) ดาวกระจาย (Cosmos) ลาเวนเดอร์ (Lavender) เป็นต้น

ตารางการผลิบานของดอกไม้ในช่วงฤดูร้อน

ดอกไม้

ในบทความนี้ขอแนะนำดอกไม้ยอดนิยมซึ่งเป็นไฮไลท์ที่ห้ามพลาดในช่วงฤดูร้อนของญี่ปุ่น 3 ชนิด ได้แก่

1. ไฮเดรนเยีย (Hydrengea) ช่วงเวลาที่ดอกไม้บานคือช่วงกลางเดือนพฤษภาคมถึงกลางเดือนสิงหาคม

2. กุหลาบ (Rose) ช่วงเวลาที่ดอกไม้บานคือช่วงเดือนพฤษภาคมถึงตุลาคม

3. ไอริส (Iris) ช่วงเวลาที่ดอกไม้บานคือช่วงเดือนมิถุนายนถึงกลางเดือนกรกฎาคม

สภาพอากาศในช่วงฤดูร้อน

ในช่วงฤดูร้อนที่ญี่ปุ่นจะมีอุณหภูมิที่แตกต่างกันตามแต่ละภูมิภาค ภูมิภาคทางตอนเหนือของญี่ปุ่นจะมีอุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 20 องศาเซลเซียส ส่วนทางตอนใต้อุณหภูมิโดยเฉลี่ยประมาณ 29 องศาเซลเซียส นอกจากนี้ยังมีอากาศร้อนชื้น จึงควรเตรียมเสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดี สวมเสื้อคลุมแบบบาง พกหมวกและแว่นตากันแดดไปด้วย นอกจากนี้ยังควรพกร่มหรือเสื้อกันฝนไปด้วยเนื่องจากอาจมีฝนตกด้วยเช่นกัน

เทศกาลสำคัญในช่วงฤดูร้อน

งานเทศกาลสำคัญที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในช่วงฤดูร้อน ได้แก่

เทศกาลทานาบาตะ (Tanabata Festival)

ชาวญี่ปุ่นมีตำนานเล่าขานกันมาเกี่ยวกับความรักของดาวเจ้าหญิงทอผ้า (Orihimeboshi) กับ ดาวชายเลี้ยงวัว (Hikoboshi) ที่ได้รับอนุญาตให้มาเจอกันได้ในคืนวันที่ 7 กรกฎาคม เพียงปีละหนึ่งครั้ง ทำให้ในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงสิงหาคมจะมีการจัดงานเทศกาลทานาบาตะ (Tanabata Festival) ตามพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศญี่ปุ่น โดยตามท้องถนนและสถานที่ทั่วไปในเมืองจะเต็มไปด้วยเครื่องประดับตกแต่ง และมีประเพณีเขียนคำอธิษฐานลงบนแผ่นกระดาษซึ่งเรียกว่า “ทันซะคุ (Tanzaku)” แล้วนำไปแขวนห้อยไว้กับกิ่งต้นไผ่ สถานที่จัดงานที่มีชื่อเสียงคือ เทศกาลเซนไดทานาบาตะ (Sendai Tanabata Festival) จังหวัดมิยากิ (Miyagi)

เทศกาลโอบง (Obon)

เทศกาลโอบง (Obon) จัดขึ้นในช่วงกลางเดือนสิงหาคมของทุกปี ซึ่งเป็นวันหยุดยาวที่ชาวญี่ปุ่นจะเดินทางกลับบ้านเกิด เพื่อไปสักการะดวงวิญญาณบรรพบุรุษ นอกจากนี้จะมีการจัดงานวัดที่สามารถสัมผัสวัฒนธรรมดั้งเดิมของญี่ปุ่น มีร้านแผงลอย รวมถึงมีการเต้นระบำบงโอโดริ (Bon Odori) ในวันสุดท้ายของเทศกาลจะมีการจุดไฟเพื่อส่งดวงวิญญานกลับ สถานที่จัดงานที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งคือ เทศกาลเกียวโต โกซัง โอคุริบิ (Kyoto Gozan Okuribi) หรือที่ชาวญี่ปุ่นรู้จักกันในชื่อเทศกาลไดมนจิ (Daimonji) ซึ่งจัดขึ้นที่จังหวัดเกียวโต (Kyoto)

ดอกไฮเดรนเยีย (Hydrengea)

Beautiful hydrangeas in June, a Japanese tradition

ดอกไฮเดรนเยีย (Hydrengea)

Hydrangea "Annabelle". Hydrangea is a flower that symbolizes the rainy season in Japan.

ดอกไฮเดรนเยีย (Hydrengea)

ในช่วงกลางเดือนพฤษภาคมถึงกลางเดือนสิงหาคมเป็นช่วงที่ดอกไฮเดรนเยีย (Hydrengea) หรือในภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า あじさい “อะจิไซ (Ajisai)” บานสะพรั่งสวยสดชื่น ดอกไฮเดรนเยียเปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของสายฝนที่ชุมฉ่ำ สามารถพบเห็นได้ทั่วไปตามบ้านเรือน สวนสาธารณะ วัด หรือศาลเจ้าต่าง ๆ ดอกไฮเดรนเยียมีหลากหลายสีสันแตกต่างไปตามความเป็นกรดและด่างของดินที่ปลูก
*ช่วงเวลาในการบานของดอกไม้อาจแตกต่างไปตามภูมิภาค

สวนชิโมดะ (Shimoda Park), ชิซุโอกะ (Shizuoka)

JUN21_Flower_Shimoda1

ดอกไฮเดรนเยียละลานตากว่า 3 ล้านดอก 100 สายพันธุ์

JUN21_Flower_Shimoda2

มีทิวทัศน์ของเมืองชิโมดะและท่าเรือชิโมดะเป็นฉากหลัง

สวนสาธารณะชิโมดะ (Shimoda Park) ที่จังหวัดชิซุโอกะ (Shizuoka) ตั้งอยู่บนเนินเขาซึ่งสามารถมองเห็นวิวของตัวเมืองชิโมดะและท่าเรือชิโมดะจากมุมสูงได้อย่างชัดเจน สวนแห่งนี้มีพื้นที่กว้างขวาง อุดมสมบูรณ์ด้วยต้นไม้ดอกไม้นานาพันธุ์ โดยเฉพาะช่วงเดือนมิถุนายนของทุกปีที่สวนแห่งนี้จะมีการจัดงานเทศกาลดอกไฮเดรนเยีย สวนแห่งนี้ได้รับการยอมรับว่าเป็นสวนไฮเดรนเยียที่มีขนาดใหญ่มากที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น ผู้มาเยือนจะได้ประทับใจกับดอกไฮเดรนเยียละลานตากว่า 3 ล้านดอก 100 สายพันธุ์ที่บานสะพรั่งทั่วสวนลดหลั่นไล่ระดับไปตามเนินเขา

นอกจากนี้บริเวณด้านบนของสวนยังมีจุดชมวิวที่สามารถชมความงามของดอกไฮเดรนเยียไปพร้อมกับตื่นตาตื่นใจกับฉากหลังที่เป็นตัวเมืองชิโมดะและท่าเรือชิโมดะได้อย่างชัดเจน ในช่วงจัดงานจะมีการจัดกิจกรรมที่น่าสนใจมากมาย เช่น กิจกรรมการประกวดถ่ายภาพด้วยโดรน (ต้องจองล่วงหน้า) การแสดงร่ายรำชิโมดะเกอิชา โชว์ตีกลองชิโมดะไทโกะ กิจกรรมการชมสวนโดยมีไกด์มืออาชีพบรรยาย รวมทั้งยังมีคาเฟ่ซึ่งจำหน่ายอาหาร ซึ่งมีเมนูอาหารที่ปรุงจากวัตถุดิบท้องถิ่นที่มีชื่อเสียงอย่างปลาคิมเมะได (Kinmedai) หรือ ปลากะพงแดง และเครื่องดื่ม ขนมหวาน นอกจากนี้ยังมีร้านแผงลอยริมถนนที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์ในท้องถิ่น หรือถ้าอยากซื้อต้นไฮเดรนเยียติดไม้ติดมือกลับไปก็สามารถซื้อแบบกระถางกลับไปได้

*งานเทศกาลดอกไฮเดรนเยียของปี 2021 จัดขึ้นในช่วงวันที่ 1 – 30 มิถุนายน 2021
ในปีนี้งดการจัดการแสดงร่ายรำชิโมดะเกอิชา โชวะตีกลองชิโมดะไทโกะ และกิจกรรมการชมสวนโดยมีไกด์มืออาชีพบรรยายรับเฉพาะชาวเมืองชิซุโอกะเท่านั้น

รายละเอียดสถานที่เพิ่มเติม

ที่อยู่ Shimoda Park
3-1174 Sanchome, Shimoda, Shizuoka
แผนที่
การเดินทาง จากสถานี Tokyo โดยสารรถไฟ LTD. EXP ODORIKO ไปลงที่สถานี Izukyu Shimoda ใช้เวลา 2 ชั่วโมง 40 นาที จากนั้นเดินต่ออีกประมาณ 20 นาที หรือโดยสารแท็กซี่ประมาณ 5 นาที
เวลาทำการ 9:00 – 16:00 น.
ช่วงเวลาชมดอกไฮเดรนเยีย เดือนมิถุนายนของทุกปี
วันหยุด ไม่มี
ค่าใช้จ่าย ค่าเข้าชมฟรี
เว็บไซต์ (ภาษาญี่ปุ่น) https://www.shimoda-city.info/event/ajisai.html
https://www.city.shimoda.shizuoka.jp/category/100100midokoro/110769.html
http://www3.shimoda-city.link/pdf/ajisai.pdf
เว็บไซต์ (ภาษาอังกฤษ) http://www.shimoda-city.com/#we-page-entry?spot=122469&type=spot&cat=11056&theme=theme-9
http://shizuoka-guide.com/english//detail/page/detail/3790
https://www.japan.travel/en/spot/1274/
เว็บไซต์ (ภาษาไทย) https://www.japan.travel/th/spot/1274/

วัดทันบะอะจิไซเดระ (Tanba Ajisaidera), เกียวโต (Kyoto)

JUN21_Flower_Tanba1

ไฮเดรนเยียหลากสีสันมากกว่า 10,000 ต้น ราว 100 ชนิด

JUN21_Flower_Tanba2

วัดแห่งนี้เป็นวัดศักดิ์สิทธิ์ที่ผู้คนนิยมมาขอให้หายจากอาการเจ็บป่วย

วัดทันบะอะจิไซเดระ (Tanba Ajisaidera) หรืออีกชื่อเรียกกันว่า วัดทันชูคันนงจิ (Tanshu Kannonji) เป็นวัดเก่าแก่ที่ตั้งอยู่ในจังหวัดเกียวโต (Kyoto) สันนิษฐานว่าได้รับการก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 720 เป็นหนึ่งใน 33 วัดทางภาคตะวันตกของญี่ปุ่นที่มีพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร หรือเจ้าแม่กวนอิมเป็นพระประธาน นอกจากจะเป็นวัดศักดิ์สิทธิ์ที่ผู้คนนิยมมาขอให้หายจากอาการเจ็บป่วย ยังเป็นที่รู้จักในฐานะที่เป็นสวนดอกไม้เก่าแก่ที่สุดในภูมิภาคคันไซ

ถ้าเดินชมบริเวณรอบ ๆ ก็จะพบกับพระพุทธรูปที่ดูน่ารัก (Kawaii Hotokesama Warabe Hotoke) ประดิษฐานอยู่บริเวณหน้าประตูที่จะไปชมดอกไฮเดรนเยีย หรือบริเวณใต้ร่มไม้ใกล้กับวิหารหลัก นอกจากนี้ที่วัดยังมีพระพุทธรูปเสี่ยงทาย ซึ่งเรียกว่า “นิกิริ ฮะนะบุตสึซะมะ (Nigiri Hanabutsusama)” เมื่อเปิดกล่องออกมาก็จะพบกับพระพุทธรูปประจำตัวที่จะคอยปกป้องคุ้มครองตัวคุณ ชาวญี่ปุ่นนิยมพกไว้เป็นเครื่องรางคล้ายกับโอะมะโมะริ (Omamori) รวมทั้งยังมีดารุมะมิคุจิ (Darumamikuji) ซึ่งสามารถใช้เป็นของถวายให้กับทางวัดหรือซื้อกลับบ้านได้ หากต้องการถวายก็ให้ขอพรและเขียนคำอธิษฐานลงบนตุ๊กตาดารุมะ (Daruma)

วัดแห่งนี้มีชื่อเสียงว่าเป็นจุดชมดอกไฮเดรนเยีย (Hydrengea) หรืออะจิไซ (Ajisai) ในช่วงเดือนมิถุนายนถึงกรกฎาคมของทุกปี ไฮเดรนเยียมากกว่า 10,000 ต้น ราว 100 ชนิด จะผลิดอกหลากหลายสีสัน ทั้งสีขาว สีฟ้า สีม่วง และสีชมพู อวดโฉมงดงามไปทั่วบริเวณ ทำให้วัดแห่งนี้ได้รับสมญานามว่าเป็น “วัดแห่งดอกไฮเดรนเยียหรือดอกอะจิไซ (Ajisaidera)”

โดยปกติทุกปีจะมีการจัดงานเทศกาลดอกไฮเดรนเยีย (Ajisai Matsuri) ในช่วงวันอาทิตย์สัปดาห์ที่ 4 ของเดือนมิถุนายนของทุกปี โดยจะมีการจัดกิจกรรมต่างๆ เช่น การเทศนาของเจ้าอาวาสที่จะช่วยให้รู้สึกสงบจิตใจได้ นอกจากนี้ในช่วงงานเทศกาลจะมีคาเฟ่เทระจายะ (Terachaya Café) เปิดให้บริการ นักท่องเที่ยวสามารถมาจิบชาพร้อมชมดอกไม้ไปได้พร้อม ๆ กัน จุดไฮไลท์ในการถ่ายภาพที่ไม่ควรพลาดคือ บริเวณทางเดินที่ทอดยาวทะลุผ่านซุ้มประตูเก่าแก่ซึ่งมีดอกไฮเดรนเยียขนาบทั้งสองข้างทาง

รายละเอียดสถานที่เพิ่มเติม

ที่อยู่ Tanba Ajisaidera
1067 Kannonji, Fukuchiyama, Kyoto
แผนที่
การเดินทาง จากสถานี Kyoto โดยสารรถไฟ JR Hashidate ไปลงที่สถานี Ayabe ใช้เวลา 1 ชั่วโมง 5 นาที
จากนั้นโดยสารรถไฟ JR San-in Line ไปลงที่สถานี Isa ใช้เวลา 7 นาที จากนั้นเดินต่ออีกประมาณ 15 นาที
/td>
เวลาทำการ 9:00 – 16:30 น.
ช่วงเวลาชมดอกไฮเดรนเยีย เดือนมิถุนายนถึงต้นเดือนกรกฎาคมของทุกปี
วันหยุด ไม่มี
ค่าใช้จ่าย ค่าเข้าชมดอกไม้ 400 เยน
เว็บไซต์ (ภาษาญี่ปุ่น) https://www.tanba-ajisaidera.com
https://www.kyotoside.jp/entry/20190608
http://hana25.jp/temple/14/
เว็บไซต์ (ภาษาอังกฤษ) https://www.kyototourism.org/en/sightseeing/506/
เว็บไซต์ (ภาษาไทย)

ดอกกุหลาบ (Rose)

English roses garden in Sennan City, Osaka, Japan

ดอกกุหลาบ (Rose)

Fukuoka,Kyushu,Japan. - May 16th,2015 : Beautiful Full blooming light pink Eden Climbing Rose (Rosa Eden ,Pierre de Ronsard, Meiviolin) is decorated Uminonakamichi Park ,on a red brick arched windows

ดอกกุหลาบ (Rose)

ในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงตุลาคมของทุกปี สามารถพบเห็นดอกกุหลาบหรือในภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า バラ “บะระ (Bara)” หลากสีสันหลายสายพันธุ์ในประเทศญี่ปุ่น เบ่งบานทั่วไปตามบ้านเรือน สวนสาธารณะ หรือสวนกุหลาบที่ตั้งอยู่ตามภูมิภาคต่าง ๆ
*ช่วงเวลาในการบานของดอกไม้อาจแตกต่างไปตามภูมิภาค

สวนดอกไม้อิบารากิ (Ibaraki Flower Park), อิบารากิ (Ibaraki)

JUN21_Flower_Ibaraki

ภายในสวนมีกุหลาบหลากหลายกว่า 900 สายพันธุ์
© IBARAKI FLOWER PARK

JUN21_Flower_Ibaraki2

สนุกกับกิจกรรมเวิร์กชอปกว่า 100 รายการ
© IBARAKI FLOWER PARK

สวนดอกไม้อิบารากิ (Ibaraki Flower Park) ตั้งอยู่ในจังหวัดอิบารากิ (Ibaraki) ดอกกุหลาบเป็นดอกไม้ประจำจังหวัดอิบารากิและเป็นตัวแทนของสวนแห่งนี้ ภายในสวนมีกุหลาบหลากหลายกว่า 900 สายพันธุ์ ทำให้เบ่งบานในช่วงเวลาที่แตกต่างกัน จึงสามารถชมความสวยงามได้หลายฤดูกาล

สวนดอกไม้แห่งนี้เพิ่งได้รับการปรับปรุงใหม่และเปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 29 เมษายน 2021 ที่ผ่านมา ภายใต้คอนเซปต์ “สัมผัสทั้ง 5” ที่คุณจะประทับใจไม่รู้ลืม ซึ่งประกอบไปด้วย

  1. “Sight” เพลิดเพลินกับดอกกุหลาบนานาพันธุ์ ที่สร้างอารมณ์ความรู้สึกที่แตกต่างกันไป มีทั้งความน่ารัก ความหรูหรา และยังมีสีสันสดใสสวยงามแตกต่างกันไป
  2. “Smell” เดินเล่นสัมผัสกลิ่นหอมของดอกกุหลาบภายในสวนหรือภายใต้ “อุโมงค์กุหลาบ”
  3. “Hearing” เพลิดเพลินกับเสียงลม เสียงแมลง เสียงนกร้องตามธรรมชาติ ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย
  4. “Touch” สนุกกับกิจกรรมเวิร์กชอปกว่า 100 รายการที่จัดสับเปลี่ยนหมุนเวียนตลอดทั้งปี ได้แก่ การจัดช่อดอกไม้ การทำสบู่สมุนไพร การทำสเปรย์ฉีดหน้ากากอนามัย การกลั่นน้ำมันหอมระเหยตัวอย่างกิจกรรมที่น่าสนใจ
    ・เวิร์กชอปทำสเปรย์ฉีดหน้ากากอนามัย ค่าใช้จ่าย 1,500 เยน (รวมภาษี)
    ・เวิร์กชอปทำสบู่สมุนไพร ค่าใช้จ่าย 2,000 เยน (รวมภาษี)
    ・เวิร์กชอปทำช่อดอกไม้ด้วยดอกไฮเดรนเยีย ค่าใช้จ่าย 3,300 เยน (รวมภาษี)
    สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมและกำหนดการจัดงานในแต่ละเดือนได้ที่ https://www.flowerpark.or.jp/activity/ (ภาษาญี่ปุ่น)
  5. “Taste” อร่อยกับอาหารและขนมหวานหลากหลายรูปแบบซึ่งปรุงจากวัตถุดิบท้องถิ่นได้ที่ร้านอาหาร

นอกจากสวนกุหลาบแล้วถ้าอยากลองสัมผัสประสบการณ์ใกล้ชิดธรรมชาติก็สามารถสนุกกับกิจกรรมสัมผัสธรรมชาติที่ภูเขาฮะนะยะซะโตะยะมะ (Hanayasatoyama) ได้โดยมีตัวอย่างกิจกรรมที่น่าสนใจ ดังนี้

  • กิจกรรมเดินป่า ตื่นตาตื่นใจกับการชมดอกไม้ใบหญ้า พร้อมผ่อนคลายและรับพลังจากธรรมชาติ
  • สนุกกับกิจกรรมกลางแจ้งหลากหลาย เช่น การปีนต้นไม้ การสำรวจพืชพันธุ์ หรือการจับแมลง
  • ปิกนิกท่ามกลางธรรมชาติที่สวยงาม

เครื่องเล่นที่ห้ามพลาด ได้แก่

  • สไลเดอร์สปอร์ตสไลด์ (Sport Slide) ตื่นเต้นไปกับการลื่นไหลลงมาตามเส้นทางดอกไม้ยาว 800 เมตร ซึ่งยาวเป็นอันดับสองในญี่ปุ่น
    ค่าใช้จ่าย: ผู้ใหญ่ 500 เยน เด็ก 300 เยน
    *เด็กอายุต่ำกว่า 3 ปี ไม่สามารถเล่นได้ เด็กอายุ 4-7 ปี ต้องมาพร้อมกับผู้ใหญ่เท่านั้น
  • จักรยานสกายไซเคิล (Sky Cycle) สนุกกับการปั่นจักรยานสองที่นั่งบนรางที่มีความยาวรวม 190 เมตร และสูง 5 ถึง 8 เมตร
    ค่าใช้จ่าย: 1 คัน สำหรับ 2 คน 400 เยน
    *เด็กอายุต่ำกว่า 3 ปี ไม่สามารถเล่นได้ เด็กอายุ 4-7 ปี ต้องมาพร้อมกับผู้ใหญ่เท่านั้น
  • หอคอยทนบิ (Tonbi Tower) จากยอดหอคอยสังเกตการณ์ที่สูง 20 เมตรบนเนินเขา สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของภูเขาสึคุบะ (Mount Tsukuba) และภูเขาซาโตยามะ (Satoyama) หรือถ้าอยากมองเห็นทิวทัศน์ให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้นก็สามารถใช้กล้องโทรทรรศน์ชมได้อีกด้วย

สำหรับใครที่อยากมาพักค้างคืนที่นี่ก็สามารถเข้าพักได้ที่เซอร์เคิล ลอดจ์ (Circle Lodge) ซึ่งเป็นที่พักที่มีดีไซน์เป็นรูปวงกลม ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันทั้งร้านค้าขายอาหาร เครื่องดื่ม และสินค้าเอาท์ดอร์ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับที่พักได้ที่ https://hanayasatoyama.com/ (ภาษาญี่ปุ่น)

รายละเอียดสถานที่เพิ่มเติม

ที่อยู่ Ibaraki Flower Park
200 Shimoaoyagi, Ishioka, Ibaraki
แผนที่
การเดินทาง จากสถานี Tokyo โดยสารรถไฟ Limited Express JR Hitachi and Tokiwa ไปลงที่สถานี Ishioka ใช้เวลา 1 ชั่วโมง
จากนั้นโดยสารรถบัส Kantetsu ไปลงที่ป้าย Flower Park Mae ใช้เวลา 27 นาที จากนั้นเดินต่ออีกประมาณ 2 นาที
เวลาทำการ 9:00 -17:00 น. (ธันวาคม – กุมภาพันธ์ เปิดถึง 16:00 น.)
ช่วงเวลาชมดอกกุหลาบ กลางเดือนพฤษภาคมถึงมิถุนายน และตุลาคมถึงพฤศจิกายนของทุกปี
วันหยุด วันอังคาร (หากวันอังคารเป็นวันหยุดราชการจะเลื่อนไปหยุดวันถัดไปแทน)
วันหยุดสิ้นปีและปีใหม่ 28 ธันวาคม – 2 มกราคม
ค่าใช้จ่าย
ค่าเข้าชมช่วงปกติ
ผู้ใหญ่ 900 เยน
เด็กประถม 300 เยน
เด็กก่อนวัยเรียน ฟรี

ค่าเข้าสวนช่วงฤดูกาลดอกกุหลาบ
ผู้ใหญ่ 1,200 เยน
เด็กประถม 400 เยน
เด็กก่อนวัยเรียน ฟรี

เว็บไซต์ (ภาษาญี่ปุ่น) https://www.flowerpark.or.jp/
https://www.ibarakiguide.jp/db-kanko/flowerpark.html
https://www.ishioka-kankou.com/page/page000596.html
เว็บไซต์ (ภาษาอังกฤษ) https://english.ibarakiguide.org/kanko-spot/flower-park
เว็บไซต์ (ภาษาไทย) https://thai.ibarakiguide.org/2021/05/25/flower_park

สวนกุหลาบเคเซ (Keisei Rose Garden), ชิบะ (Chiba)

JUN21_Flower_Keisei1

สวนกุหลาบจัดแต่งอย่างพิถีพิถันในสไตล์คลาสสิก
© Keisei Rose Garden

JUN21_Flower_Keisei2

ชื่นชมกุหลาบกว่า 10,000 ต้น ราว 1,600 สายพันธุ์
© Keisei Rose Garden

สวนกุหลาบเคเซ (Keisei Rose Garden) ตั้งอยู่ในจังหวัดชิบะ (Chiba) มีพื้นที่กว้างใหญ่ครอบคลุมถึงประมาณ 30,000 ตารางเมตร สวนแห่งนี้มีชื่อเสียงในฐานะที่เป็น “สวนกุหลาบที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น” นักท่องเที่ยวผู้มาเยือนจะได้ชื่นชมความงดงามของกุหลาบมากกว่า 10,000 ต้น ราว 1,600 สายพันธุ์ รวมถึงพันธุ์หายาก นอกจากนี้ยังเคยได้รับรางวัลสวนกุหลาบยอดเยี่ยมจากงานประชุมกุหลาบโลกมาแล้ว

สวนกุหลาบแห่งนี้ได้รับการจัดแต่งในสไตล์คลาสสิก มีทั้งซุ้มดอกกุหลาบ ซุ้มไม้เลื้อย และลำธารเล็กๆ ช่วงเดือนพฤษภาคมถึงมิถุนายน และตุลาคมถึงพฤศจิกายนของทุกปีดอกกุหลาบจะผลิบานสวยงามไปทั่วสร้างบรรยากาศราวกับกำลังอยู่ในภาพยนตร์ นอกจากนี้ภายในสวนยังมีต้นไม้และดอกไม้อื่น ๆ อีก 200 ชนิด กว่า 16,000 ต้น ให้ชมได้ตลอดทั้งปี

ไฮไลท์ต่าง ๆ ภายในสวน

  • มินิการ์เด้นทั้งหมด 7 โซนที่ทางสวนจัดเตรียมไว้ ได้แก่
    1. จุดถ่ายภาพอิฐแดง จุดถ่ายภาพดอกกุหลาบและดอกไม้ที่จะบานเร็วกว่าดอกกุหลาบทั่วไป
    2. สวนลาเวนเดอร์และสมุนไพร สวนชวนฝันที่ให้ความรู้สึกราวกับอยู่ในโลกของเทพนิยาย
    3. สวนอาร์เทมิส สวนดอกไม้สีอ่อนละมุนให้ความรู้สึกผ่อนคลาย
    4. สวนอพอลโล สวนที่ผสมผสานความสวยงามของดอกกุหลาบและดอกไม้สีสดใสที่ตัดกัน
    5. กรีนแมริเอจการ์เด้น สวนสีเขียวผสมผสานระหว่างสีเขียวสดและดอกไม้
    6. แฟนซีการ์เด้น สวนดอกเซิร์ฟฟิเนีย (Surfinia)
    7. จูบิลีการ์เด้น สวนดอกเซิร์ฟฟิเนีย (Surfinia)
  • การจัดแสดงแสงและกุหลาบขนาดใหญ่ยักษ์ งานศิลปะชิ้นใหม่ที่มีขนาดใหญ่ยักษ์ ซึ่งเกิดจากการร่วมมือของความร่วมมือระหว่าง “Nippon Akari Haku” ซึ่งเป็นผู้จัดนิทรรศการศิลปะ Akari ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น และกลุ่มศิลปะ “MIRRORBOWLER” งานศิลปะชิ้นนี้มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 6 เมตร จัดแสดงในเรือนกระจกขนาดใหญ่ ซึ่งมีลวดลายของดอกกุหลาบอยู่ตรงกลาง

ตัวอย่างกิจกรรมที่น่าสนใจ

  • การเดินชมสวนตามเส้นทางแนะนำ โดยสามารถเลือกเส้นทางที่ต้องการได้จาก 4 เส้นทางแนะนำ ใช้เวลาประมาณ 30-40 นาที
  • ดื่มด่ำช่วงเวลาสุดพิเศษของคู่รักที่โซน Lover’s Sanctuary ไม่ควรพลาดการมาชมความงดงามและถ่ายภาพตามจุดที่จัดเตรียมไว้สำหรับคู่รัก เช่น ศาลาแห่งความรัก ซุ้มดอกกุหลาบ ซึ่งเหมาะสำหรับการมาใช้ช่วงเวลาสุดโรแมนติก หรือถ่ายภาพสำหรับประดับในงานแต่งงานเป็นอย่างมาก

หลังจากชมสีสันสดใสของกุหลาบนานาชนิดแล้ว ขอแนะนำให้แวะไปที่ Café Patio เพื่อลิ้มลองไอศกรีมกุหลาบซึ่งเป็นเมนูขึ้นชื่อของที่นี่ และปิดท้ายด้วยการแวะเลือกซื้อชากุหลาบหลากชนิด ขนม น้ำหอม และสินค้าอื่น ๆ อีกมากมายติดไม้ติดมือกลับไปเป็นของฝากด้วย

รายละเอียดสถานที่เพิ่มเติม

ที่อยู่ Keisei Rose Garden
755 Owadashinden, Yachiyo, Chiba
แผนที่
การเดินทาง จากสถานี Tokyo เดินประมาณ 2 นาที ไปที่สถานี Otemachi จากนั้นโดยสารรถไฟ Tozai Line ที่ไปยัง Toyo-Katsutadai ไปลงที่สถานี Yachiyo-Mmidorigaoka ใช้เวลา 430 นาที จากนั้นเดินต่ออีกประมาณ 15 นาที
เวลาทำการ 2 มกราคม – 12 มีนาคม 10:00 – 16:00 น.
13 มีนาคม – 30 เมษายน 10:00 – 17:00 น.
พฤษภาคม – มิถุนายน 9:00 – 17:00 น.
กรกฎาคม – กันยายน 10:00 – 17:00 น.
ตุลาคม – พฤศจิกายน 9:00 – 17:00 น.
ธันวาคม 10:00 – 16:00 น.
*อาจเปลี่ยนแปลงตามสภาพอากาศหรือปัจจัยอื่น ๆ
ช่วงเวลาชมดอกกุหลาบ พฤษภาคมถึงมิถุนายน และตุลาคมถึงพฤศจิกายนของทุกปี
วันหยุด เปลี่ยนแปลงตามฤดูกาลและสภาพอากาศ
กรุณาตรวจสอบจากเว็บไซต์
https://www.keiseirose.co.jp/garden/businessguide/
ค่าใช้จ่าย ค่าเข้าชม
ผู้ใหญ่ ผู้สูงอายุ (65 ปี ขึ้นไป) 800 เยน
เด็กต่ำกว่ามัธยมต้น ฟรี
*ราคาอาจเปลี่ยนแปลงตามช่วงเวลา
เว็บไซต์ (ภาษาญี่ปุ่น) https://www.keiseirose.co.jp/garden/
https://maruchiba.jp/sys/data/index/page/id/6551
เว็บไซต์ (ภาษาอังกฤษ) https://www.keiseirose.co.jp/garden/guidemap/english2019.pdf
http://japan-chiba-guide.com/sys/data/index/page/id/15085/
เว็บไซต์ (ภาษาไทย) https://www.keisei.co.jp/keisei/short_trip/th/area/kenhokusei.php

ดอกไอริส (Iris)

The Japanese iris which was made a kind in the about 16th century called Hanashobu

ดอกไอริส (Iris)

The Japanese iris which was made a kind in the about 16th century called Hanashobu

ดอกไอริส (Iris)

ดอกไอริสหรือชื่อภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า アヤメ “อายาเมะ (Ayame)” ชื่อในภาษาญี่ปุ่นมีความหมายว่า “เรื่องดี ๆ กำลังจะมา” จึงทำให้ดอกอายาเมะมักจะถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ในการสื่อถึงความหวัง ความกล้า และการให้กำลังใจสำหรับชาวญี่ปุ่น เมื่อฤดูฝนมาเยือนในช่วงเดือนมิถุนายนมักจะเห็นดอกไอริสหรืออะยะเมะ ขึ้นอยู่ตามแอ่งน้ำในสวน หรือตามบ้านเรือนทั่วไป

สวนดอกไอริสฮักโคะกักคุเอ็น (Hakko Gakuen Iris Garden), ฮอกไกโด (Hokkaido)

JUN21_Flower_Hakko1

ดอกไอริสกว่า 70,000 ดอก ราว 450 ชนิด

JUN21_Flower_Hakko2

สามารถชมดอกลาเวนเดอร์ได้พร้อมกัน

สวนดอกไอริสฮักโคะกักคุเอ็น (Hakko Gakuen Iris Garden) ตั้งอยู่ภายในวิทยาลัยเกษตรกรรมฮักโคะกักคุเอ็น (Hakko Gakuen) จังหวัดฮอกไกโด (Hakkaido) สวนดอกไอริสแห่งนี้ได้รับการดูแลโดยนักเรียนของวิทยาลัยเกษตรกรรมฮอกไกโด ดอกไอริสจะเริ่มผลิบานตั้งแต่ปลายเดือนมิถุนายนและบานเต็มที่ช่วงกลางเดือนกรกฎาคม

ในช่วงเดือนกรกฏาคมของทุกปีสวนแห่งนี้จะเปิดให้เข้าชมแปลงดอกไอริสสีสันสวยงามสีม่วงสลับขาว และชมพูเป็นระยะเวลาประมาณสองสัปดาห์ สวนแห่งนี้ละลานตาไปด้วยดอกไอริสกว่า 70,000 ดอก ราว 450 ชนิด นอกจากดอกไอริสแล้วยังมีแปลงดอกลาเวนเดอร์ซึ่งอยู่ด้านข้างให้ได้ชื่นชมความสวยงามได้อีกด้วย

ภายในวิทยาลัยเกษตรมีโซนต่าง ๆ ดังนี้

  • อาคารจำหน่ายผลิตทางการเกษตรโดยตรง ที่ มีการจำหน่ายนมวัวโฮมเมด “Tsukisap Milk” ที่พนักงานและนักเรียนเลี้ยงดูด้วยความรัก อาหารหลักของโคนมที่นี่คือทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์และข้าวโพด ที่ปลูกในสภาพอากาศหนาวเย็น และเนื่องจากนมวัวโฮมเมดนี้มีการผ่านการฆ่าเชื้อที่อุณหภูมิต่ำ (65 องศา) เพื่อไม่ให้เสียรสชาติของน้ำนมดิบ ทำให้ขึ้นชื่อในเรื่องรสชาติของนมแบบคั้นสดและอร่อย ทั้งนี้ยังสามารถเพลิดเพลินกับ “Tsukisap Soft Cream” ได้อีกด้วย นอกจากผลิตภัณฑ์จำพวกนมแล้ว ที่นี่ยังจำหน่ายผักและผลิตภัณฑ์ปศุสัตว์จากที่ราบอิชิคาริ (Ishikari) รวมถึงเมืองซัปโปโร (Sapporo) จากสหกรณ์การเกษตรในท้องถิ่น
  • อาคารจำหน่ายผัก จำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่ผลิตโดยนักเรียนซึ่งฝึกภาคปฏิบัติที่แผนกผักของโรงเรียน โดยปกติจะจำหน่าย 3 ครั้งต่อสัปดาห์ ทุกวันจันทร์ วันพุธ และวันศุกร์ เวลา 10:00 – 16:00 น. ตั้งแต่กลางเดือนพฤษภาคมถึงปลายเดือนตุลาคม จะมีผักให้เลือกประมาณ 30 ชนิด และผักที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากก็คือมะเขือเทศ
  • โซนจำหน่ายดอกไม้ สามารถเลือกซื้อดอกไอริส และดอกไม้ชนิดอื่น ๆ ได้
  • ลิ้มลองเมนูขึ้นชื่อของฮอกไกโดอย่างเนื้อแกะย่างเจงกิสข่านได้ที่ร้าน Tsukisappu Genghis Khan Club

รายละเอียดสถานที่เพิ่มเติม

ที่อยู่ Hakko Gakuen Iris Garden
Tsukisamu Higashi 3- 11, Toyohira, Sapporo,Hokkaido
แผนที่
การเดินทาง จากสถานี Sapporo โดยสารรถไฟ Subway Toho Line ไปลงที่สถานี Fukuzumi ใช้เวลา 19 นาที จากนั้นเดินต่ออีกประมาณ 15 นาที
เวลาทำการ 8:30 – 17:30 น.
ช่วงเวลาชมดอกไอริส กลางเดือนถึงปลายเดือนกรกฎาคมของทุกปี
วันหยุด ไม่มี
ค่าใช้จ่าย ไม่มี
เว็บไซต์ (ภาษาญี่ปุ่น) https://hakkougakuen.ac.jp/%E8%8A%B1%E8%8F%96%E8%92%B2%E5%9C%92/
http://map.uu-hokkaido.jp/j/hakko-gakuen/
เว็บไซต์ (ภาษาอังกฤษ) https://www.sapporo.travel/en/spot/facility/hakko_gakuen_iris_garden/
https://good-hokkaido.info/en/hakko-gakuen-japanese-iris-garden/
http://map.uu-hokkaido.jp/e/hakko-gakuen/
เว็บไซต์ (ภาษาไทย)

สวนดอกไอริสโยโกสุกะ (Yokosuka Iris Garden), คานากาว่า (Kanagawa)

YOKOSUKA, KANAGAWA PREFECTURE / JAPAN - JUNE 2nd, 2018: Two Women in Traditional Japanese Wattle Hats and Working Kimonos Removing Dead Flowers in Yokosuka Iris Garden

สวนดอกไม้ยอดนิยมของคานากาว่า (Kanagawa)

Colorful Iris Flowers Blooming in Yokosuka Iris Garden

ตื่นตาตื่นใจกับกับดอกไอริส 140,000 ดอก 412 สายพันธุ์

สวนดอกไอริสโยโกสุกะ (Yokosuka Iris Garden) ซึ่งตั้งอยู่ในจังหวัดคานากาว่า (Kanagawa) เป็นสวนที่มีพื้นที่กว้างใหญ่ ประมาณ 37,000 ตารางเมตร ตั้งแต่ปลายเดือนพฤษภาคมถึงต้นเดือนกรกฎาคมนักท่องเที่ยวสามารถเพลิดเพลินกับดอกไอริส 140,000 ดอก ประมาณ 412 สายพันธุ์ที่แข่งกันผลิบานไปทั่วทั้งบริเวณ
นอกจากนี้ตั้งแต่ปลายเดือนเมษายนถึงต้นเดือนพฤษภาคม ผู้ที่มาเยือนนั้นสามารถเพลิดเพลินกับดอกวิสทีเรียราว 250 ดอก ประมาณ 11 สายพันธุ์ ได้อีกด้วย

ในช่วงเดือนมิถุนายนของทุกปีจะมีการจัดงานชมดอกไอริส “เทศกาลคินุกะสะโชบุ (Kinugasa Shobu Festival)” นอกจากดอกไอริสแสนสวยแล้วยังมีโชว์การแสดงร่ายรำไปรอบๆ ทางเดินที่ตัดผ่านทุ่งดอกไม้ โชว์ตีกลองไทโกะ (Taiko) และมีโชว์การแสดงโคโต (Koto) ซึ่งเป็นเครื่องดนตรีแบบเครื่องสายดั้งเดิมของญี่ปุ่นในทุกวันอาทิตย์

*ปี 2021 ยกเลิกการจัดงานเทศกาลชมดอกไอริส เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของ COVID-19 แต่สามารถเข้ามาชมดอกไม้ภายในสวนได้

รายละเอียดสถานที่เพิ่มเติม

ที่อยู่ Yokosuka Iris Garden
18-1 Abekura, Yokosuka, Kanagawa
แผนที่
การเดินทาง จากสถานี Tokyo โดยสารรถไฟ JR Yokosuka Line ไปลงที่สถานี Kinugasaใช้เวลา 1 ชั่วโมง 20 นาที
จากนั้นโดยสารรถบัส Keikyu สาย Shoubuengesha ไปลงป้าย Shobuen ใช้เวลา 10 นาที จากนั้นเดินต่ออีกประมาณ 2 นาที
เวลาทำการ พฤษภาคม – สิงหาคม 9:00 – 19:00 น.
กันยายน – เมษายน 9:00 – 17:00 น.
ช่วงเวลาชมดอกไอริส เดือนมิถุนายน
วันหยุด เมษายน – มิถุนายน: ไม่มีวันหยุด
กรกฎาคม – มีนาคม: ทุกวันจันทร์ (หากตรงกับวันหยุดราชการจะหยุดในวันถัดไปแทน)
วันหยุดสิ้นปีและปีใหม่ (29 ธ.ค. – 3 ม.ค.)
ค่าใช้จ่าย เมษายน-มิถุนายน: ผู้ใหญ่ 320 เยน นักเรียนประถมและมัธยมต้น 100 เยน
กรกฎาคม – มีนาคม: ฟรี
เว็บไซต์ (ภาษาญี่ปุ่น) https://www.ryokukazouen.jp/iris/
https://www.city.yokosuka.kanagawa.jp/4130/sisetu/fc00000438.html
https://www.cocoyoko.net/spot/iris-park.html
เว็บไซต์ (ภาษาอังกฤษ) https://www.feelshonan.jp/en/sightseeing/2908
https://yokosuka.kokosil.net/en/place/00001c000000000000010000002300b9
เว็บไซต์ (ภาษาไทย)
จดหมายข่าวอื่นๆ