สวนสาธารณะชิโมดะ (Shimoda Park), ชิซุโอกะ (Shizuoka)
สวนกุหลาบเคเซ (Keisei Rose Garden), ชิบะ (Chiba)
© Keisei Rose Garden
หลังจากฤดูใบไม้ผลิผ่านพ้นไป ตั้งแต่เดือนมิถุนายนถึงเดือนสิงหาคมก็จะเข้าสู่ฤดูร้อนของญี่ปุ่น นอกจากอุณหภูมิที่อบอุ่นขึ้นในช่วงนี้ก็จะมีสายฝนโปรยปรายลงมาเพิ่มความชุ่มฉ่ำ ทำให้ผู้ที่มาเยือนประเทศญี่ปุ่นสามารถเพลิดเพลินกับการชื่นชมธรรมชาติและดอกไม้นานาชนิดไม้ไม่ต่างจากฤดูกาลอื่นๆ
ดอกไม้ที่ผลิบานในช่วงนี้ ได้แก่ ไฮเดรนเยีย (Hydrengea) กุหลาบ (Rose) ไอริส (Iris) ลิลลี่ (Lily) ดาวกระจาย (Cosmos) ลาเวนเดอร์ (Lavender) เป็นต้น
ตารางการผลิบานของดอกไม้ในช่วงฤดูร้อน
ในบทความนี้ขอแนะนำดอกไม้ยอดนิยมซึ่งเป็นไฮไลท์ที่ห้ามพลาดในช่วงฤดูร้อนของญี่ปุ่น 3 ชนิด ได้แก่
1. ไฮเดรนเยีย (Hydrengea) ช่วงเวลาที่ดอกไม้บานคือช่วงกลางเดือนพฤษภาคมถึงกลางเดือนสิงหาคม
2. กุหลาบ (Rose) ช่วงเวลาที่ดอกไม้บานคือช่วงเดือนพฤษภาคมถึงตุลาคม
3. ไอริส (Iris) ช่วงเวลาที่ดอกไม้บานคือช่วงเดือนมิถุนายนถึงกลางเดือนกรกฎาคม
สภาพอากาศในช่วงฤดูร้อน
ในช่วงฤดูร้อนที่ญี่ปุ่นจะมีอุณหภูมิที่แตกต่างกันตามแต่ละภูมิภาค ภูมิภาคทางตอนเหนือของญี่ปุ่นจะมีอุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 20 องศาเซลเซียส ส่วนทางตอนใต้อุณหภูมิโดยเฉลี่ยประมาณ 29 องศาเซลเซียส นอกจากนี้ยังมีอากาศร้อนชื้น จึงควรเตรียมเสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดี สวมเสื้อคลุมแบบบาง พกหมวกและแว่นตากันแดดไปด้วย นอกจากนี้ยังควรพกร่มหรือเสื้อกันฝนไปด้วยเนื่องจากอาจมีฝนตกด้วยเช่นกัน
เทศกาลสำคัญในช่วงฤดูร้อน
งานเทศกาลสำคัญที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในช่วงฤดูร้อน ได้แก่
เทศกาลทานาบาตะ (Tanabata Festival)
ชาวญี่ปุ่นมีตำนานเล่าขานกันมาเกี่ยวกับความรักของดาวเจ้าหญิงทอผ้า (Orihimeboshi) กับ ดาวชายเลี้ยงวัว (Hikoboshi) ที่ได้รับอนุญาตให้มาเจอกันได้ในคืนวันที่ 7 กรกฎาคม เพียงปีละหนึ่งครั้ง ทำให้ในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงสิงหาคมจะมีการจัดงานเทศกาลทานาบาตะ (Tanabata Festival) ตามพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศญี่ปุ่น โดยตามท้องถนนและสถานที่ทั่วไปในเมืองจะเต็มไปด้วยเครื่องประดับตกแต่ง และมีประเพณีเขียนคำอธิษฐานลงบนแผ่นกระดาษซึ่งเรียกว่า “ทันซะคุ (Tanzaku)” แล้วนำไปแขวนห้อยไว้กับกิ่งต้นไผ่ สถานที่จัดงานที่มีชื่อเสียงคือ เทศกาลเซนไดทานาบาตะ (Sendai Tanabata Festival) จังหวัดมิยากิ (Miyagi)
เทศกาลโอบง (Obon)
เทศกาลโอบง (Obon) จัดขึ้นในช่วงกลางเดือนสิงหาคมของทุกปี ซึ่งเป็นวันหยุดยาวที่ชาวญี่ปุ่นจะเดินทางกลับบ้านเกิด เพื่อไปสักการะดวงวิญญาณบรรพบุรุษ นอกจากนี้จะมีการจัดงานวัดที่สามารถสัมผัสวัฒนธรรมดั้งเดิมของญี่ปุ่น มีร้านแผงลอย รวมถึงมีการเต้นระบำบงโอโดริ (Bon Odori) ในวันสุดท้ายของเทศกาลจะมีการจุดไฟเพื่อส่งดวงวิญญานกลับ สถานที่จัดงานที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งคือ เทศกาลเกียวโต โกซัง โอคุริบิ (Kyoto Gozan Okuribi) หรือที่ชาวญี่ปุ่นรู้จักกันในชื่อเทศกาลไดมนจิ (Daimonji) ซึ่งจัดขึ้นที่จังหวัดเกียวโต (Kyoto)
ดอกไฮเดรนเยีย (Hydrengea)
ดอกไฮเดรนเยีย (Hydrengea)
ดอกไฮเดรนเยีย (Hydrengea)
ในช่วงกลางเดือนพฤษภาคมถึงกลางเดือนสิงหาคมเป็นช่วงที่ดอกไฮเดรนเยีย (Hydrengea) หรือในภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า あじさい “อะจิไซ (Ajisai)” บานสะพรั่งสวยสดชื่น ดอกไฮเดรนเยียเปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของสายฝนที่ชุมฉ่ำ สามารถพบเห็นได้ทั่วไปตามบ้านเรือน สวนสาธารณะ วัด หรือศาลเจ้าต่าง ๆ ดอกไฮเดรนเยียมีหลากหลายสีสันแตกต่างไปตามความเป็นกรดและด่างของดินที่ปลูก
*ช่วงเวลาในการบานของดอกไม้อาจแตกต่างไปตามภูมิภาค
สวนชิโมดะ (Shimoda Park), ชิซุโอกะ (Shizuoka)
ดอกไฮเดรนเยียละลานตากว่า 3 ล้านดอก 100 สายพันธุ์
มีทิวทัศน์ของเมืองชิโมดะและท่าเรือชิโมดะเป็นฉากหลัง
สวนสาธารณะชิโมดะ (Shimoda Park) ที่จังหวัดชิซุโอกะ (Shizuoka) ตั้งอยู่บนเนินเขาซึ่งสามารถมองเห็นวิวของตัวเมืองชิโมดะและท่าเรือชิโมดะจากมุมสูงได้อย่างชัดเจน สวนแห่งนี้มีพื้นที่กว้างขวาง อุดมสมบูรณ์ด้วยต้นไม้ดอกไม้นานาพันธุ์ โดยเฉพาะช่วงเดือนมิถุนายนของทุกปีที่สวนแห่งนี้จะมีการจัดงานเทศกาลดอกไฮเดรนเยีย สวนแห่งนี้ได้รับการยอมรับว่าเป็นสวนไฮเดรนเยียที่มีขนาดใหญ่มากที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น ผู้มาเยือนจะได้ประทับใจกับดอกไฮเดรนเยียละลานตากว่า 3 ล้านดอก 100 สายพันธุ์ที่บานสะพรั่งทั่วสวนลดหลั่นไล่ระดับไปตามเนินเขา
นอกจากนี้บริเวณด้านบนของสวนยังมีจุดชมวิวที่สามารถชมความงามของดอกไฮเดรนเยียไปพร้อมกับตื่นตาตื่นใจกับฉากหลังที่เป็นตัวเมืองชิโมดะและท่าเรือชิโมดะได้อย่างชัดเจน ในช่วงจัดงานจะมีการจัดกิจกรรมที่น่าสนใจมากมาย เช่น กิจกรรมการประกวดถ่ายภาพด้วยโดรน (ต้องจองล่วงหน้า) การแสดงร่ายรำชิโมดะเกอิชา โชว์ตีกลองชิโมดะไทโกะ กิจกรรมการชมสวนโดยมีไกด์มืออาชีพบรรยาย รวมทั้งยังมีคาเฟ่ซึ่งจำหน่ายอาหาร ซึ่งมีเมนูอาหารที่ปรุงจากวัตถุดิบท้องถิ่นที่มีชื่อเสียงอย่างปลาคิมเมะได (Kinmedai) หรือ ปลากะพงแดง และเครื่องดื่ม ขนมหวาน นอกจากนี้ยังมีร้านแผงลอยริมถนนที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์ในท้องถิ่น หรือถ้าอยากซื้อต้นไฮเดรนเยียติดไม้ติดมือกลับไปก็สามารถซื้อแบบกระถางกลับไปได้
*งานเทศกาลดอกไฮเดรนเยียของปี 2021 จัดขึ้นในช่วงวันที่ 1 – 30 มิถุนายน 2021
ในปีนี้งดการจัดการแสดงร่ายรำชิโมดะเกอิชา โชวะตีกลองชิโมดะไทโกะ และกิจกรรมการชมสวนโดยมีไกด์มืออาชีพบรรยายรับเฉพาะชาวเมืองชิซุโอกะเท่านั้น
รายละเอียดสถานที่เพิ่มเติม
ที่อยู่ | Shimoda Park 3-1174 Sanchome, Shimoda, Shizuoka |
---|---|
แผนที่ | |
การเดินทาง | จากสถานี Tokyo โดยสารรถไฟ LTD. EXP ODORIKO ไปลงที่สถานี Izukyu Shimoda ใช้เวลา 2 ชั่วโมง 40 นาที จากนั้นเดินต่ออีกประมาณ 20 นาที หรือโดยสารแท็กซี่ประมาณ 5 นาที |
เวลาทำการ | 9:00 – 16:00 น. |
ช่วงเวลาชมดอกไฮเดรนเยีย | เดือนมิถุนายนของทุกปี |
วันหยุด | ไม่มี |
ค่าใช้จ่าย | ค่าเข้าชมฟรี |
เว็บไซต์ (ภาษาญี่ปุ่น) | https://www.shimoda-city.info/event/ajisai.html https://www.city.shimoda.shizuoka.jp/category/100100midokoro/110769.html http://www3.shimoda-city.link/pdf/ajisai.pdf |
เว็บไซต์ (ภาษาอังกฤษ) | http://www.shimoda-city.com/#we-page-entry?spot=122469&type=spot&cat=11056&theme=theme-9 http://shizuoka-guide.com/english//detail/page/detail/3790 https://www.japan.travel/en/spot/1274/ |
เว็บไซต์ (ภาษาไทย) | https://www.japan.travel/th/spot/1274/ |
วัดทันบะอะจิไซเดระ (Tanba Ajisaidera), เกียวโต (Kyoto)
ไฮเดรนเยียหลากสีสันมากกว่า 10,000 ต้น ราว 100 ชนิด
วัดแห่งนี้เป็นวัดศักดิ์สิทธิ์ที่ผู้คนนิยมมาขอให้หายจากอาการเจ็บป่วย
วัดทันบะอะจิไซเดระ (Tanba Ajisaidera) หรืออีกชื่อเรียกกันว่า วัดทันชูคันนงจิ (Tanshu Kannonji) เป็นวัดเก่าแก่ที่ตั้งอยู่ในจังหวัดเกียวโต (Kyoto) สันนิษฐานว่าได้รับการก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 720 เป็นหนึ่งใน 33 วัดทางภาคตะวันตกของญี่ปุ่นที่มีพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร หรือเจ้าแม่กวนอิมเป็นพระประธาน นอกจากจะเป็นวัดศักดิ์สิทธิ์ที่ผู้คนนิยมมาขอให้หายจากอาการเจ็บป่วย ยังเป็นที่รู้จักในฐานะที่เป็นสวนดอกไม้เก่าแก่ที่สุดในภูมิภาคคันไซ
ถ้าเดินชมบริเวณรอบ ๆ ก็จะพบกับพระพุทธรูปที่ดูน่ารัก (Kawaii Hotokesama Warabe Hotoke) ประดิษฐานอยู่บริเวณหน้าประตูที่จะไปชมดอกไฮเดรนเยีย หรือบริเวณใต้ร่มไม้ใกล้กับวิหารหลัก นอกจากนี้ที่วัดยังมีพระพุทธรูปเสี่ยงทาย ซึ่งเรียกว่า “นิกิริ ฮะนะบุตสึซะมะ (Nigiri Hanabutsusama)” เมื่อเปิดกล่องออกมาก็จะพบกับพระพุทธรูปประจำตัวที่จะคอยปกป้องคุ้มครองตัวคุณ ชาวญี่ปุ่นนิยมพกไว้เป็นเครื่องรางคล้ายกับโอะมะโมะริ (Omamori) รวมทั้งยังมีดารุมะมิคุจิ (Darumamikuji) ซึ่งสามารถใช้เป็นของถวายให้กับทางวัดหรือซื้อกลับบ้านได้ หากต้องการถวายก็ให้ขอพรและเขียนคำอธิษฐานลงบนตุ๊กตาดารุมะ (Daruma)
วัดแห่งนี้มีชื่อเสียงว่าเป็นจุดชมดอกไฮเดรนเยีย (Hydrengea) หรืออะจิไซ (Ajisai) ในช่วงเดือนมิถุนายนถึงกรกฎาคมของทุกปี ไฮเดรนเยียมากกว่า 10,000 ต้น ราว 100 ชนิด จะผลิดอกหลากหลายสีสัน ทั้งสีขาว สีฟ้า สีม่วง และสีชมพู อวดโฉมงดงามไปทั่วบริเวณ ทำให้วัดแห่งนี้ได้รับสมญานามว่าเป็น “วัดแห่งดอกไฮเดรนเยียหรือดอกอะจิไซ (Ajisaidera)”
โดยปกติทุกปีจะมีการจัดงานเทศกาลดอกไฮเดรนเยีย (Ajisai Matsuri) ในช่วงวันอาทิตย์สัปดาห์ที่ 4 ของเดือนมิถุนายนของทุกปี โดยจะมีการจัดกิจกรรมต่างๆ เช่น การเทศนาของเจ้าอาวาสที่จะช่วยให้รู้สึกสงบจิตใจได้ นอกจากนี้ในช่วงงานเทศกาลจะมีคาเฟ่เทระจายะ (Terachaya Café) เปิดให้บริการ นักท่องเที่ยวสามารถมาจิบชาพร้อมชมดอกไม้ไปได้พร้อม ๆ กัน จุดไฮไลท์ในการถ่ายภาพที่ไม่ควรพลาดคือ บริเวณทางเดินที่ทอดยาวทะลุผ่านซุ้มประตูเก่าแก่ซึ่งมีดอกไฮเดรนเยียขนาบทั้งสองข้างทาง
รายละเอียดสถานที่เพิ่มเติม
ที่อยู่ | Tanba Ajisaidera 1067 Kannonji, Fukuchiyama, Kyoto |
---|---|
แผนที่ | |
การเดินทาง | จากสถานี Kyoto โดยสารรถไฟ JR Hashidate ไปลงที่สถานี Ayabe ใช้เวลา 1 ชั่วโมง 5 นาที จากนั้นโดยสารรถไฟ JR San-in Line ไปลงที่สถานี Isa ใช้เวลา 7 นาที จากนั้นเดินต่ออีกประมาณ 15 นาที /td> |
เวลาทำการ | 9:00 – 16:30 น. |
ช่วงเวลาชมดอกไฮเดรนเยีย | เดือนมิถุนายนถึงต้นเดือนกรกฎาคมของทุกปี |
วันหยุด | ไม่มี |
ค่าใช้จ่าย | ค่าเข้าชมดอกไม้ 400 เยน |
เว็บไซต์ (ภาษาญี่ปุ่น) | https://www.tanba-ajisaidera.com https://www.kyotoside.jp/entry/20190608 http://hana25.jp/temple/14/ |
เว็บไซต์ (ภาษาอังกฤษ) | https://www.kyototourism.org/en/sightseeing/506/ |
เว็บไซต์ (ภาษาไทย) | – |
ดอกกุหลาบ (Rose)
ดอกกุหลาบ (Rose)
ดอกกุหลาบ (Rose)
ในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงตุลาคมของทุกปี สามารถพบเห็นดอกกุหลาบหรือในภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า バラ “บะระ (Bara)” หลากสีสันหลายสายพันธุ์ในประเทศญี่ปุ่น เบ่งบานทั่วไปตามบ้านเรือน สวนสาธารณะ หรือสวนกุหลาบที่ตั้งอยู่ตามภูมิภาคต่าง ๆ
*ช่วงเวลาในการบานของดอกไม้อาจแตกต่างไปตามภูมิภาค
สวนดอกไม้อิบารากิ (Ibaraki Flower Park), อิบารากิ (Ibaraki)
ภายในสวนมีกุหลาบหลากหลายกว่า 900 สายพันธุ์
© IBARAKI FLOWER PARK
สนุกกับกิจกรรมเวิร์กชอปกว่า 100 รายการ
© IBARAKI FLOWER PARK
สวนดอกไม้อิบารากิ (Ibaraki Flower Park) ตั้งอยู่ในจังหวัดอิบารากิ (Ibaraki) ดอกกุหลาบเป็นดอกไม้ประจำจังหวัดอิบารากิและเป็นตัวแทนของสวนแห่งนี้ ภายในสวนมีกุหลาบหลากหลายกว่า 900 สายพันธุ์ ทำให้เบ่งบานในช่วงเวลาที่แตกต่างกัน จึงสามารถชมความสวยงามได้หลายฤดูกาล
สวนดอกไม้แห่งนี้เพิ่งได้รับการปรับปรุงใหม่และเปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 29 เมษายน 2021 ที่ผ่านมา ภายใต้คอนเซปต์ “สัมผัสทั้ง 5” ที่คุณจะประทับใจไม่รู้ลืม ซึ่งประกอบไปด้วย
- “Sight” เพลิดเพลินกับดอกกุหลาบนานาพันธุ์ ที่สร้างอารมณ์ความรู้สึกที่แตกต่างกันไป มีทั้งความน่ารัก ความหรูหรา และยังมีสีสันสดใสสวยงามแตกต่างกันไป
- “Smell” เดินเล่นสัมผัสกลิ่นหอมของดอกกุหลาบภายในสวนหรือภายใต้ “อุโมงค์กุหลาบ”
- “Hearing” เพลิดเพลินกับเสียงลม เสียงแมลง เสียงนกร้องตามธรรมชาติ ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย
- “Touch” สนุกกับกิจกรรมเวิร์กชอปกว่า 100 รายการที่จัดสับเปลี่ยนหมุนเวียนตลอดทั้งปี ได้แก่ การจัดช่อดอกไม้ การทำสบู่สมุนไพร การทำสเปรย์ฉีดหน้ากากอนามัย การกลั่นน้ำมันหอมระเหยตัวอย่างกิจกรรมที่น่าสนใจ
・เวิร์กชอปทำสเปรย์ฉีดหน้ากากอนามัย ค่าใช้จ่าย 1,500 เยน (รวมภาษี)
・เวิร์กชอปทำสบู่สมุนไพร ค่าใช้จ่าย 2,000 เยน (รวมภาษี)
・เวิร์กชอปทำช่อดอกไม้ด้วยดอกไฮเดรนเยีย ค่าใช้จ่าย 3,300 เยน (รวมภาษี)
สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมและกำหนดการจัดงานในแต่ละเดือนได้ที่ https://www.flowerpark.or.jp/activity/ (ภาษาญี่ปุ่น) - “Taste” อร่อยกับอาหารและขนมหวานหลากหลายรูปแบบซึ่งปรุงจากวัตถุดิบท้องถิ่นได้ที่ร้านอาหาร
นอกจากสวนกุหลาบแล้วถ้าอยากลองสัมผัสประสบการณ์ใกล้ชิดธรรมชาติก็สามารถสนุกกับกิจกรรมสัมผัสธรรมชาติที่ภูเขาฮะนะยะซะโตะยะมะ (Hanayasatoyama) ได้โดยมีตัวอย่างกิจกรรมที่น่าสนใจ ดังนี้
- กิจกรรมเดินป่า ตื่นตาตื่นใจกับการชมดอกไม้ใบหญ้า พร้อมผ่อนคลายและรับพลังจากธรรมชาติ
- สนุกกับกิจกรรมกลางแจ้งหลากหลาย เช่น การปีนต้นไม้ การสำรวจพืชพันธุ์ หรือการจับแมลง
- ปิกนิกท่ามกลางธรรมชาติที่สวยงาม
เครื่องเล่นที่ห้ามพลาด ได้แก่
- สไลเดอร์สปอร์ตสไลด์ (Sport Slide) ตื่นเต้นไปกับการลื่นไหลลงมาตามเส้นทางดอกไม้ยาว 800 เมตร ซึ่งยาวเป็นอันดับสองในญี่ปุ่น
ค่าใช้จ่าย: ผู้ใหญ่ 500 เยน เด็ก 300 เยน
*เด็กอายุต่ำกว่า 3 ปี ไม่สามารถเล่นได้ เด็กอายุ 4-7 ปี ต้องมาพร้อมกับผู้ใหญ่เท่านั้น - จักรยานสกายไซเคิล (Sky Cycle) สนุกกับการปั่นจักรยานสองที่นั่งบนรางที่มีความยาวรวม 190 เมตร และสูง 5 ถึง 8 เมตร
ค่าใช้จ่าย: 1 คัน สำหรับ 2 คน 400 เยน
*เด็กอายุต่ำกว่า 3 ปี ไม่สามารถเล่นได้ เด็กอายุ 4-7 ปี ต้องมาพร้อมกับผู้ใหญ่เท่านั้น - หอคอยทนบิ (Tonbi Tower) จากยอดหอคอยสังเกตการณ์ที่สูง 20 เมตรบนเนินเขา สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของภูเขาสึคุบะ (Mount Tsukuba) และภูเขาซาโตยามะ (Satoyama) หรือถ้าอยากมองเห็นทิวทัศน์ให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้นก็สามารถใช้กล้องโทรทรรศน์ชมได้อีกด้วย
สำหรับใครที่อยากมาพักค้างคืนที่นี่ก็สามารถเข้าพักได้ที่เซอร์เคิล ลอดจ์ (Circle Lodge) ซึ่งเป็นที่พักที่มีดีไซน์เป็นรูปวงกลม ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันทั้งร้านค้าขายอาหาร เครื่องดื่ม และสินค้าเอาท์ดอร์ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับที่พักได้ที่ https://hanayasatoyama.com/ (ภาษาญี่ปุ่น)
รายละเอียดสถานที่เพิ่มเติม
ที่อยู่ | Ibaraki Flower Park 200 Shimoaoyagi, Ishioka, Ibaraki |
---|---|
แผนที่ | |
การเดินทาง | จากสถานี Tokyo โดยสารรถไฟ Limited Express JR Hitachi and Tokiwa ไปลงที่สถานี Ishioka ใช้เวลา 1 ชั่วโมง จากนั้นโดยสารรถบัส Kantetsu ไปลงที่ป้าย Flower Park Mae ใช้เวลา 27 นาที จากนั้นเดินต่ออีกประมาณ 2 นาที |
เวลาทำการ | 9:00 -17:00 น. (ธันวาคม – กุมภาพันธ์ เปิดถึง 16:00 น.) |
ช่วงเวลาชมดอกกุหลาบ | กลางเดือนพฤษภาคมถึงมิถุนายน และตุลาคมถึงพฤศจิกายนของทุกปี |
วันหยุด | วันอังคาร (หากวันอังคารเป็นวันหยุดราชการจะเลื่อนไปหยุดวันถัดไปแทน) วันหยุดสิ้นปีและปีใหม่ 28 ธันวาคม – 2 มกราคม |
ค่าใช้จ่าย |
ค่าเข้าชมช่วงปกติ
ผู้ใหญ่ 900 เยน เด็กประถม 300 เยน เด็กก่อนวัยเรียน ฟรี ค่าเข้าสวนช่วงฤดูกาลดอกกุหลาบ |
เว็บไซต์ (ภาษาญี่ปุ่น) | https://www.flowerpark.or.jp/ https://www.ibarakiguide.jp/db-kanko/flowerpark.html https://www.ishioka-kankou.com/page/page000596.html |
เว็บไซต์ (ภาษาอังกฤษ) | https://english.ibarakiguide.org/kanko-spot/flower-park |
เว็บไซต์ (ภาษาไทย) | https://thai.ibarakiguide.org/2021/05/25/flower_park |
สวนกุหลาบเคเซ (Keisei Rose Garden), ชิบะ (Chiba)
สวนกุหลาบจัดแต่งอย่างพิถีพิถันในสไตล์คลาสสิก
© Keisei Rose Garden
ชื่นชมกุหลาบกว่า 10,000 ต้น ราว 1,600 สายพันธุ์
© Keisei Rose Garden
สวนกุหลาบเคเซ (Keisei Rose Garden) ตั้งอยู่ในจังหวัดชิบะ (Chiba) มีพื้นที่กว้างใหญ่ครอบคลุมถึงประมาณ 30,000 ตารางเมตร สวนแห่งนี้มีชื่อเสียงในฐานะที่เป็น “สวนกุหลาบที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น” นักท่องเที่ยวผู้มาเยือนจะได้ชื่นชมความงดงามของกุหลาบมากกว่า 10,000 ต้น ราว 1,600 สายพันธุ์ รวมถึงพันธุ์หายาก นอกจากนี้ยังเคยได้รับรางวัลสวนกุหลาบยอดเยี่ยมจากงานประชุมกุหลาบโลกมาแล้ว
สวนกุหลาบแห่งนี้ได้รับการจัดแต่งในสไตล์คลาสสิก มีทั้งซุ้มดอกกุหลาบ ซุ้มไม้เลื้อย และลำธารเล็กๆ ช่วงเดือนพฤษภาคมถึงมิถุนายน และตุลาคมถึงพฤศจิกายนของทุกปีดอกกุหลาบจะผลิบานสวยงามไปทั่วสร้างบรรยากาศราวกับกำลังอยู่ในภาพยนตร์ นอกจากนี้ภายในสวนยังมีต้นไม้และดอกไม้อื่น ๆ อีก 200 ชนิด กว่า 16,000 ต้น ให้ชมได้ตลอดทั้งปี
ไฮไลท์ต่าง ๆ ภายในสวน
- มินิการ์เด้นทั้งหมด 7 โซนที่ทางสวนจัดเตรียมไว้ ได้แก่
- จุดถ่ายภาพอิฐแดง จุดถ่ายภาพดอกกุหลาบและดอกไม้ที่จะบานเร็วกว่าดอกกุหลาบทั่วไป
- สวนลาเวนเดอร์และสมุนไพร สวนชวนฝันที่ให้ความรู้สึกราวกับอยู่ในโลกของเทพนิยาย
- สวนอาร์เทมิส สวนดอกไม้สีอ่อนละมุนให้ความรู้สึกผ่อนคลาย
- สวนอพอลโล สวนที่ผสมผสานความสวยงามของดอกกุหลาบและดอกไม้สีสดใสที่ตัดกัน
- กรีนแมริเอจการ์เด้น สวนสีเขียวผสมผสานระหว่างสีเขียวสดและดอกไม้
- แฟนซีการ์เด้น สวนดอกเซิร์ฟฟิเนีย (Surfinia)
- จูบิลีการ์เด้น สวนดอกเซิร์ฟฟิเนีย (Surfinia)
- การจัดแสดงแสงและกุหลาบขนาดใหญ่ยักษ์ งานศิลปะชิ้นใหม่ที่มีขนาดใหญ่ยักษ์ ซึ่งเกิดจากการร่วมมือของความร่วมมือระหว่าง “Nippon Akari Haku” ซึ่งเป็นผู้จัดนิทรรศการศิลปะ Akari ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น และกลุ่มศิลปะ “MIRRORBOWLER” งานศิลปะชิ้นนี้มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 6 เมตร จัดแสดงในเรือนกระจกขนาดใหญ่ ซึ่งมีลวดลายของดอกกุหลาบอยู่ตรงกลาง
ตัวอย่างกิจกรรมที่น่าสนใจ
- การเดินชมสวนตามเส้นทางแนะนำ โดยสามารถเลือกเส้นทางที่ต้องการได้จาก 4 เส้นทางแนะนำ ใช้เวลาประมาณ 30-40 นาที
- ดื่มด่ำช่วงเวลาสุดพิเศษของคู่รักที่โซน Lover’s Sanctuary ไม่ควรพลาดการมาชมความงดงามและถ่ายภาพตามจุดที่จัดเตรียมไว้สำหรับคู่รัก เช่น ศาลาแห่งความรัก ซุ้มดอกกุหลาบ ซึ่งเหมาะสำหรับการมาใช้ช่วงเวลาสุดโรแมนติก หรือถ่ายภาพสำหรับประดับในงานแต่งงานเป็นอย่างมาก
หลังจากชมสีสันสดใสของกุหลาบนานาชนิดแล้ว ขอแนะนำให้แวะไปที่ Café Patio เพื่อลิ้มลองไอศกรีมกุหลาบซึ่งเป็นเมนูขึ้นชื่อของที่นี่ และปิดท้ายด้วยการแวะเลือกซื้อชากุหลาบหลากชนิด ขนม น้ำหอม และสินค้าอื่น ๆ อีกมากมายติดไม้ติดมือกลับไปเป็นของฝากด้วย
รายละเอียดสถานที่เพิ่มเติม
ที่อยู่ | Keisei Rose Garden 755 Owadashinden, Yachiyo, Chiba |
---|---|
แผนที่ | |
การเดินทาง | จากสถานี Tokyo เดินประมาณ 2 นาที ไปที่สถานี Otemachi จากนั้นโดยสารรถไฟ Tozai Line ที่ไปยัง Toyo-Katsutadai ไปลงที่สถานี Yachiyo-Mmidorigaoka ใช้เวลา 430 นาที จากนั้นเดินต่ออีกประมาณ 15 นาที |
เวลาทำการ | 2 มกราคม – 12 มีนาคม 10:00 – 16:00 น. 13 มีนาคม – 30 เมษายน 10:00 – 17:00 น. พฤษภาคม – มิถุนายน 9:00 – 17:00 น. กรกฎาคม – กันยายน 10:00 – 17:00 น. ตุลาคม – พฤศจิกายน 9:00 – 17:00 น. ธันวาคม 10:00 – 16:00 น. *อาจเปลี่ยนแปลงตามสภาพอากาศหรือปัจจัยอื่น ๆ |
ช่วงเวลาชมดอกกุหลาบ | พฤษภาคมถึงมิถุนายน และตุลาคมถึงพฤศจิกายนของทุกปี |
วันหยุด | เปลี่ยนแปลงตามฤดูกาลและสภาพอากาศ กรุณาตรวจสอบจากเว็บไซต์ https://www.keiseirose.co.jp/garden/businessguide/ |
ค่าใช้จ่าย | ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ ผู้สูงอายุ (65 ปี ขึ้นไป) 800 เยน เด็กต่ำกว่ามัธยมต้น ฟรี *ราคาอาจเปลี่ยนแปลงตามช่วงเวลา |
เว็บไซต์ (ภาษาญี่ปุ่น) | https://www.keiseirose.co.jp/garden/ https://maruchiba.jp/sys/data/index/page/id/6551 |
เว็บไซต์ (ภาษาอังกฤษ) | https://www.keiseirose.co.jp/garden/guidemap/english2019.pdf http://japan-chiba-guide.com/sys/data/index/page/id/15085/ |
เว็บไซต์ (ภาษาไทย) | https://www.keisei.co.jp/keisei/short_trip/th/area/kenhokusei.php |
ดอกไอริส (Iris)
ดอกไอริส (Iris)
ดอกไอริส (Iris)
ดอกไอริสหรือชื่อภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า アヤメ “อายาเมะ (Ayame)” ชื่อในภาษาญี่ปุ่นมีความหมายว่า “เรื่องดี ๆ กำลังจะมา” จึงทำให้ดอกอายาเมะมักจะถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ในการสื่อถึงความหวัง ความกล้า และการให้กำลังใจสำหรับชาวญี่ปุ่น เมื่อฤดูฝนมาเยือนในช่วงเดือนมิถุนายนมักจะเห็นดอกไอริสหรืออะยะเมะ ขึ้นอยู่ตามแอ่งน้ำในสวน หรือตามบ้านเรือนทั่วไป
สวนดอกไอริสฮักโคะกักคุเอ็น (Hakko Gakuen Iris Garden), ฮอกไกโด (Hokkaido)
ดอกไอริสกว่า 70,000 ดอก ราว 450 ชนิด
สามารถชมดอกลาเวนเดอร์ได้พร้อมกัน
สวนดอกไอริสฮักโคะกักคุเอ็น (Hakko Gakuen Iris Garden) ตั้งอยู่ภายในวิทยาลัยเกษตรกรรมฮักโคะกักคุเอ็น (Hakko Gakuen) จังหวัดฮอกไกโด (Hakkaido) สวนดอกไอริสแห่งนี้ได้รับการดูแลโดยนักเรียนของวิทยาลัยเกษตรกรรมฮอกไกโด ดอกไอริสจะเริ่มผลิบานตั้งแต่ปลายเดือนมิถุนายนและบานเต็มที่ช่วงกลางเดือนกรกฎาคม
ในช่วงเดือนกรกฏาคมของทุกปีสวนแห่งนี้จะเปิดให้เข้าชมแปลงดอกไอริสสีสันสวยงามสีม่วงสลับขาว และชมพูเป็นระยะเวลาประมาณสองสัปดาห์ สวนแห่งนี้ละลานตาไปด้วยดอกไอริสกว่า 70,000 ดอก ราว 450 ชนิด นอกจากดอกไอริสแล้วยังมีแปลงดอกลาเวนเดอร์ซึ่งอยู่ด้านข้างให้ได้ชื่นชมความสวยงามได้อีกด้วย
ภายในวิทยาลัยเกษตรมีโซนต่าง ๆ ดังนี้
- อาคารจำหน่ายผลิตทางการเกษตรโดยตรง ที่ มีการจำหน่ายนมวัวโฮมเมด “Tsukisap Milk” ที่พนักงานและนักเรียนเลี้ยงดูด้วยความรัก อาหารหลักของโคนมที่นี่คือทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์และข้าวโพด ที่ปลูกในสภาพอากาศหนาวเย็น และเนื่องจากนมวัวโฮมเมดนี้มีการผ่านการฆ่าเชื้อที่อุณหภูมิต่ำ (65 องศา) เพื่อไม่ให้เสียรสชาติของน้ำนมดิบ ทำให้ขึ้นชื่อในเรื่องรสชาติของนมแบบคั้นสดและอร่อย ทั้งนี้ยังสามารถเพลิดเพลินกับ “Tsukisap Soft Cream” ได้อีกด้วย นอกจากผลิตภัณฑ์จำพวกนมแล้ว ที่นี่ยังจำหน่ายผักและผลิตภัณฑ์ปศุสัตว์จากที่ราบอิชิคาริ (Ishikari) รวมถึงเมืองซัปโปโร (Sapporo) จากสหกรณ์การเกษตรในท้องถิ่น
- อาคารจำหน่ายผัก จำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่ผลิตโดยนักเรียนซึ่งฝึกภาคปฏิบัติที่แผนกผักของโรงเรียน โดยปกติจะจำหน่าย 3 ครั้งต่อสัปดาห์ ทุกวันจันทร์ วันพุธ และวันศุกร์ เวลา 10:00 – 16:00 น. ตั้งแต่กลางเดือนพฤษภาคมถึงปลายเดือนตุลาคม จะมีผักให้เลือกประมาณ 30 ชนิด และผักที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากก็คือมะเขือเทศ
- โซนจำหน่ายดอกไม้ สามารถเลือกซื้อดอกไอริส และดอกไม้ชนิดอื่น ๆ ได้
- ลิ้มลองเมนูขึ้นชื่อของฮอกไกโดอย่างเนื้อแกะย่างเจงกิสข่านได้ที่ร้าน Tsukisappu Genghis Khan Club
รายละเอียดสถานที่เพิ่มเติม
ที่อยู่ | Hakko Gakuen Iris Garden Tsukisamu Higashi 3- 11, Toyohira, Sapporo,Hokkaido |
---|---|
แผนที่ | |
การเดินทาง | จากสถานี Sapporo โดยสารรถไฟ Subway Toho Line ไปลงที่สถานี Fukuzumi ใช้เวลา 19 นาที จากนั้นเดินต่ออีกประมาณ 15 นาที |
เวลาทำการ | 8:30 – 17:30 น. |
ช่วงเวลาชมดอกไอริส | กลางเดือนถึงปลายเดือนกรกฎาคมของทุกปี |
วันหยุด | ไม่มี |
ค่าใช้จ่าย | ไม่มี |
เว็บไซต์ (ภาษาญี่ปุ่น) | https://hakkougakuen.ac.jp/%E8%8A%B1%E8%8F%96%E8%92%B2%E5%9C%92/ http://map.uu-hokkaido.jp/j/hakko-gakuen/ |
เว็บไซต์ (ภาษาอังกฤษ) | https://www.sapporo.travel/en/spot/facility/hakko_gakuen_iris_garden/ https://good-hokkaido.info/en/hakko-gakuen-japanese-iris-garden/ http://map.uu-hokkaido.jp/e/hakko-gakuen/ |
เว็บไซต์ (ภาษาไทย) | – |
สวนดอกไอริสโยโกสุกะ (Yokosuka Iris Garden), คานากาว่า (Kanagawa)
สวนดอกไม้ยอดนิยมของคานากาว่า (Kanagawa)
ตื่นตาตื่นใจกับกับดอกไอริส 140,000 ดอก 412 สายพันธุ์
สวนดอกไอริสโยโกสุกะ (Yokosuka Iris Garden) ซึ่งตั้งอยู่ในจังหวัดคานากาว่า (Kanagawa) เป็นสวนที่มีพื้นที่กว้างใหญ่ ประมาณ 37,000 ตารางเมตร ตั้งแต่ปลายเดือนพฤษภาคมถึงต้นเดือนกรกฎาคมนักท่องเที่ยวสามารถเพลิดเพลินกับดอกไอริส 140,000 ดอก ประมาณ 412 สายพันธุ์ที่แข่งกันผลิบานไปทั่วทั้งบริเวณ
นอกจากนี้ตั้งแต่ปลายเดือนเมษายนถึงต้นเดือนพฤษภาคม ผู้ที่มาเยือนนั้นสามารถเพลิดเพลินกับดอกวิสทีเรียราว 250 ดอก ประมาณ 11 สายพันธุ์ ได้อีกด้วย
ในช่วงเดือนมิถุนายนของทุกปีจะมีการจัดงานชมดอกไอริส “เทศกาลคินุกะสะโชบุ (Kinugasa Shobu Festival)” นอกจากดอกไอริสแสนสวยแล้วยังมีโชว์การแสดงร่ายรำไปรอบๆ ทางเดินที่ตัดผ่านทุ่งดอกไม้ โชว์ตีกลองไทโกะ (Taiko) และมีโชว์การแสดงโคโต (Koto) ซึ่งเป็นเครื่องดนตรีแบบเครื่องสายดั้งเดิมของญี่ปุ่นในทุกวันอาทิตย์
*ปี 2021 ยกเลิกการจัดงานเทศกาลชมดอกไอริส เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของ COVID-19 แต่สามารถเข้ามาชมดอกไม้ภายในสวนได้
รายละเอียดสถานที่เพิ่มเติม
ที่อยู่ | Yokosuka Iris Garden 18-1 Abekura, Yokosuka, Kanagawa |
---|---|
แผนที่ | |
การเดินทาง | จากสถานี Tokyo โดยสารรถไฟ JR Yokosuka Line ไปลงที่สถานี Kinugasaใช้เวลา 1 ชั่วโมง 20 นาที จากนั้นโดยสารรถบัส Keikyu สาย Shoubuengesha ไปลงป้าย Shobuen ใช้เวลา 10 นาที จากนั้นเดินต่ออีกประมาณ 2 นาที |
เวลาทำการ | พฤษภาคม – สิงหาคม 9:00 – 19:00 น. กันยายน – เมษายน 9:00 – 17:00 น. |
ช่วงเวลาชมดอกไอริส | เดือนมิถุนายน |
วันหยุด | เมษายน – มิถุนายน: ไม่มีวันหยุด กรกฎาคม – มีนาคม: ทุกวันจันทร์ (หากตรงกับวันหยุดราชการจะหยุดในวันถัดไปแทน) วันหยุดสิ้นปีและปีใหม่ (29 ธ.ค. – 3 ม.ค.) |
ค่าใช้จ่าย | เมษายน-มิถุนายน: ผู้ใหญ่ 320 เยน นักเรียนประถมและมัธยมต้น 100 เยน กรกฎาคม – มีนาคม: ฟรี |
เว็บไซต์ (ภาษาญี่ปุ่น) | https://www.ryokukazouen.jp/iris/ https://www.city.yokosuka.kanagawa.jp/4130/sisetu/fc00000438.html https://www.cocoyoko.net/spot/iris-park.html |
เว็บไซต์ (ภาษาอังกฤษ) | https://www.feelshonan.jp/en/sightseeing/2908 https://yokosuka.kokosil.net/en/place/00001c000000000000010000002300b9 |
เว็บไซต์ (ภาษาไทย) | – |
[ เพจที่เกี่ยวข้อง ]
- ชื่นชมความงามของ “ไฮเดรนเยีย” – ดอกไม้ที่หาชมได้ในฤดูฝน
- ดอกไม้ที่ชมได้ตั้งแต่ช่วงนี้จนถึงต้นฤดูร้อน
- เดินเล่นในคะมะคุระยามฝนพรำ
- แนะนำเอกสาร “เที่ยวญี่ปุ่นชมดอกไม้นานาพันธุ์”
- ต้นฤดูร้อน ฤดูดอกไม้บาน ถนนสายฮอกไกโดการ์เด้น (Hokkaido Garden)
- สถานที่ท่องเที่ยวแถบคันโต (Kanto) ที่ให้คุณเที่ยวสนุกได้แม้ในยามฝนพรำ
- เดินเที่ยวชม ทุ่งดอกไม้หลากสี ที่ภูมิภาคคิวชูกันเถอะ!
ข้อมูล ณ เดือนมิถุนายน 2021