ระหว่างฤดูใบไม้ผลิเรื่อยไปก่อนจะเข้าถึงฤดูร้อน จะเป็นช่วงเวลาที่ฤดูฝนมาเยือนประเทศญี่ปุ่น ซึ่งชาวญี่ปุ่นเรียกฤดูฝนนี้ว่า “ทสึยุ (Tsuyu)” โดยฝนจะไม่ได้ตกหนักๆ ในคราวเดียวอย่างในฤดูฝนของไทย แต่จะตกเป็นฝนปรอยๆ ตลอดทั้งวัน และสภาพอากาศจะเต็มไปด้วยเมฆอึมครึมติดต่อกันเป็นเวลาหลายวัน ฤดูฝนจะเริ่มขึ้นเมื่อย่างเข้าสู่เดือนมิถุนายน โดยจะเริ่มจากทางภาคใต้ของประเทศญี่ปุ่นอย่างโอกินาวะและภูมิภาคคิวชูก่อน จากนั้นจึงค่อยๆ เคลื่อนขึ้นทางเหนือไปยังภูมิภาคชิโกะคุและฮอนชูตามลำดับ และเมื่อฤดูฝนสิ้นสุดลงในช่วงเดือนกรกฎาคม สภาพอากาศก็จะเปลี่ยนเข้าสู่ฤดูร้อนที่เต็มไปด้วยแสงแดดแรงกล้า และเนื่องจากที่ฮอกไกโดนั้นไม่มีฤดูฝนหรือทสึยุ จึงทำให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในช่วงเดือนมิถุนายน
© Yasufumi Nishi / © JNTO
© pixabay
สิ่งจำเป็นที่ต้องมีติดตัวสำหรับท่องเที่ยวในฤดูฝน
สิ่งสำคัญที่สุดที่จะขาดไม่ได้เลยสำหรับการท่องเที่ยวในฤดูฝนก็คือร่มนั่นเอง เมื่อเข้าสู่ฤดูฝนตามห้างร้านต่างๆ จะวางขายสินค้าเกี่ยวกับฝนหลากหลายชนิดเรียงรายอยู่มากมาย ทั้งร่มชนิดพับได้ ร่มหลากสีสัน และรองเท้ากันฝน เป็นต้น และในช่วงฤดูฝนนี้ บางวันก็อากาศร้อนชื้นอบอ้าว และบางวันก็อากาศหนาวเย็น แนะนำว่าควรสวมเสื้อยืดแขนสั้นและมีเสื้อแขนยาวอีกตัวสวมทับไว้อีกชั้น เพื่อรักษาร่างกายให้อบอุ่นอยู่เสมอจะดีกว่า
แม้จะมีฝนตกลงมาในระหว่างการเดินทางท่องเที่ยว ก็ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวในร่มอีกมากมายให้เราได้สนุกสนานกันได้แม้ในวันฝนตก ไม่ว่าจะเป็นสวนสนุกในร่ม หรือจะเป็นพิพิธภัณฑ์ต่างๆ ก็ตาม ซึ่งในครั้งนี้จะขอแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวส่วนหนึ่งในแถบคันโตที่สามารถเดินไปได้อย่างสะดวกสบาย ไว้สำหรับเป็นข้อมูลให้ทุกคนได้ลองไปเที่ยวกัน
© PhotoAC
“มันเต็น” ท้องฟ้าจำลองโคนิก้า มินอลต้า (“Manten” Konica Minolta Planetarium)
© Konica Minolta Planetarium
© Konica Minolta Planetarium
“มันเต็น” ท้องฟ้าจำลองโคนิก้า มินอลต้า (“Manten” Konica Minolta Planetarium) สำหรับใครที่อยากชื่นชมความงามของท้องฟ้าและดวงดาวแม้ในวันฝนตก ขอแนะนำให้มาเที่ยวในท้องฟ้าจำลองแห่งนี้ดู คุณจะได้ตื่นตาตื่นใจไปกับความอลังการของภาพที่แสดงผ่านแสงและเสียงโดยใช้เทคโนโลยีล่าสุดชนิดที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน และที่นี่ยังมีที่นั่งแบบ Premium Seat ให้นักท่องเที่ยวได้นอนดูดาวสบายๆ ราวกับกำลังนอนเล่นอยู่ท่ามกลางหมู่เมฆเลยทีเดียว
ที่อยู่ | Sunshine City World Import Mart Building, 3-1-3 Higashi Ikebukuro, Toshima-ku, Tokyo |
---|---|
การเดินทาง | จากสถานี Ikebukuro แล้วเดินต่อประมาณ 20 นาที |
เวลาทำการ | รอบแรก 11:00 น. – รอบสุดท้าย 20:00 น. (เริ่มรอบใหม่ทุกๆ ชั่วโมง) |
วันหยุด | ไม่มีวันหยุดที่แน่นอน |
ค่าเข้า | ผู้ใหญ่ 1,500 เยนขึ้นไป เด็ก 900 เยนขึ้นไป (ราคาจะแตกต่างกันไปตามที่นั่ง) |
เว็บไซต์ (ภาษาอังกฤษ) | https://www.konicaminolta.com/planetarium/theaters/manten/index.html |
© JNTO
พิพิธภัณฑ์มิไรคัง (Miraikan)
พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์สมัยใหม่แห่งชาติ (National Museum of Emerging Science and Innovation) หรือพิพิธภัณฑ์มิไรคัง (Miraikan) แห่งนี้ตั้งอยู่ที่โอไดบะ (Odaiba) เป็นสถานที่ๆ เปิดโอกาสให้เราได้สัมผัสกับเทคโนโลยีทางวิทยาศาสตร์ล้ำยุค อย่างเช่นหุ่นยนต์ โดยมีรูปแบบการจัดแสดงที่เน้นให้ผู้เข้าชมได้สัมผัสประสบการณ์ด้วยตนเอง แต่ละชั้นจะมีไกด์คอยให้ข้อมูลและตอบคำถามในรายละเอียดอยู่ นอกจากนี้ “ห้องท้องฟ้าจำลองที่จัดฉายภาพแบบสามมิติ (Dome Theater) ” ของที่นี่ก็ได้รับความนิยมมากด้วยเช่นกัน
ที่อยู่ | 2-3-6, Aomi, Koto-ku, Tokyo |
---|---|
การเดินทาง | สถานี Fune-no-kagakukan แล้วเดินต่อประมาณ 5 นาที |
เวลาทำการ | 10:00 – 17:00 น. |
วันหยุด | หยุดทุกวันอังคาร (เว้นแต่กรณีที่วันอังคารตรงกับวันหยุดราชการ) และช่วงเทศกาลปีใหม่ (28 ธันวาคม –1 มกราคม) |
ค่าเข้า | ผู้ใหญ่ 620 เยน ผู้มีอายุ 18 ปีหรือต่ำกว่า 210 เยน |
เว็บไซต์ (ภาษาอังกฤษ) | https://www.miraikan.jst.go.jp/en/ |
© PR Times
อควาปาร์ค ชินางาวะ
(Aqua Park Shinagawa)
อควาปาร์ค ชินางาวะ (Aqua Park Shinagawa) คือชื่อของพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำในรูปแบบสวนสนุกที่อยู่ใกล้ๆ กับสถานีรถไฟ ชินางาวะ (Shinagawa Station) จัดแสดงสิ่งมีชีวิตในท้องทะเลประเภทต่างๆ มากมาย โดยใช้เทคนิคเสียง แสง และเทคนิคทางด้านภาพ ให้เกิดเป็นภาพที่สวยงามราวโลกแห่งจินตนาการ ซึ่งการแสดงที่ได้รับความนิยมมากเป็นพิเศษก็คือการจัดแสดงสิ่งมีชีวิตในท้องทะเลประเภทต่างๆ ที่ให้ผู้เข้าชมรู้สึกราวกับกำลังเดินอยู่ใต้ท้องทะเล และการแสดงโชว์ปลาโลมานั่นเอง นอกจากนี้ยังมีเครื่องเล่นมากมายรวมถึงม้าหมุน ให้นักท่องเที่ยวได้เต็มอิ่มไปกับการท่องเที่ยวพิพิธภัณฑ์ในรูปแบบสวนสนุกแห่งนี้
ที่อยู่ | Shinagawa Prince Hotel, 4-10-30 Takanawa, Minato-ku, Tokyo |
---|---|
การเดินทาง | จากสถานี Shinagawa แล้วเดินต่อประมาณ 2 นาที |
เวลาทำการ | 10:00 – 22:00 น. *อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตามฤดูกาล |
วันหยุด | ไม่มีวันหยุด |
ค่าเข้า | ผู้ใหญ่ (ตั้งแต่นักเรียนชั้นมัธยมปลายขึ้นไป) 2,200 เยน เด็กชั้นประถมและมัธยมต้น 1,200 เยน เด็กเล็ก (ตั้งแต่ 4 ขวบขึ้นไป) 700 เยน *มีค่าใช้จ่ายในการเล่นเครื่องเล่นต่างๆ แยกต่างหาก |
เว็บไซต์ (ภาษาอังกฤษ) | http://www.aqua-park.jp/aqua/en/ |
ออร์บี โยโกฮามะ (Orbi Yokohama)
© PR Times
© PR Times
ออร์บี โยโกฮามะ (Orbi Yokohama) พิพิธภัณฑ์ในรูปแบบของความบันเทิงแห่งนี้ เป็นพิพิธภัณฑ์ในเมืองใหญ่ที่เปิดโอกาสให้เราได้รู้สึกราวกับหลุดเข้าไปอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ โดยจะได้เห็น ได้สัมผัส และได้เรียนรู้เกี่ยวกับโลกแห่งสัตว์น้อยใหญ่รวมถึงปลาชนิดต่างๆ ที่แสดงอยู่บนจอขนาดยักษ์ด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย ข้อดีอีกประการหนึ่งของที่นี่ก็คือมีทางเดินเชื่อมต่อกับสถานีมินาโตะมิไร (Minatomirai Station) ได้โดยตรง จึงสามารถเดินเข้าชมพิพิธภัณฑ์ได้โดยไม่ต้องเปียกฝนเลยแม้แต่น้อย
ที่อยู่ | MARK IS 5F, 3-5-1 Minatomirai, Nishi-ku, Yokohama-shi, Kanagawa |
---|---|
การเดินทาง | จากสถานี Minatomirai สามารถเดินเข้าไปภายในพิพิธภัณฑ์ได้โดยตรง |
เวลาทำการ | วันจันทร์ – วันศุกร์ เปิดให้บริการเวลา 9:00 – 21:00 น. (ประตูเข้าปิดเวลา 20:00 น.) วันศุกร์–วันอาทิตย์,วันหยุดนักขัตฤกษ์ และวันก่อนวันหยุดนักขัตฤกษ์ เปิดให้บริการเวลา 9:00 – 22:00 น. (ประตูปิดรับเวลา 21:00 น.) |
วันหยุด | ไม่มีวันหยุด |
ค่าผ่านประตู | พาสปอร์ต (บัตรผ่านประตู + ฟรีพาส) ผู้ใหญ่ 2,000 เยน นักเรียนชั้นมัธยม 1,700 เยน เด็กชั้นประถม 1,500 เยน เด็กเล็ก (4-5 ขวบ) 1,200 เยน เด็ก 3 ขวบหรือต่ำกว่าเข้าชมฟรี ผู้สูงอายุ 1,500 เยน |
เว็บไซต์ (ภาษาไทย) | http://www.yokohamajapan.com/things-to-do/detail.php?id=96 |