ขับรถเที่ยวสนุกแบบโร้ดทริปในญี่ปุ่น

สำหรับผู้ที่อยากจะขับรถไปบนผืนแผ่นดินอันกว้างใหญ่ไพศาลของฮอกไกโด (Hokkaido) ซึ่งมีพื้นที่กว้างขวางที่สุดในญี่ปุ่นนั้น ขอแนะนำให้ลองไปที่ ถนนสู่สรวงสวรรค์ “เทนนิซึซึคุมิจิ” (Ten ni Tsuzuku Michi – Road to Heaven) ในแถบชิเระโทะโกะ (Shiretoko) กันดู ถนนสายยาวเป็นทางตรง 28 กิโลเมตรซึ่งไม่ค่อยพบในญี่ปุ่นเช่นนี้ ดูราวกับจะทอดยาวขึ้นสู่สรวงสวรรค์ได้จริงๆ คุณจะได้เพลิดเพลินกับทิวทัศน์ทุ่งนากว้างสุดลูกหูลูกตาและทะเลโอคอสต์ (Okhotsk Sea) จากหน้าต่างรถ ช่วงเวลาที่เหมาะกับการขับรถเที่ยวมี 2 ช่วงคือ ตอนกลางวันและตอนเย็นในวันฟ้าโปร่ง เพราะตอนกลางวันจะได้เห็นภาพถนนสายนี้ค่อยๆ จางหายไปท่ามกลางท้องฟ้าสีฟ้าสด ดูราวกับเป็นถนนสู่สรวงสวรรค์จริงๆ ส่วนตอนกลางคืนโดยเฉพาะในช่วงเดือนกันยายน – ตุลาคมนั้น ถนนเส้นนี้จะวิ่งตรงสู่พระอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้าพอดี เป็นภาพที่งดงามราวกับความฝันเลยทีเดียว แต่หากเป็นช่วงหลังเที่ยงไปแล้ว ดวงตะวันจะบ่ายคล้อยและส่องแสงแยงตาทำให้มองเห็นภาพทิวทัศน์ได้ยาก เป็นไปได้แนะนำให้หลีกเลี่ยงการขับรถเที่ยวที่นี่ในช่วงบ่าย  ณ จุดชมวิวเทนนิซึซึคุมิจิ (Ten ni Tsuzuku Michi Observatory) ซึ่งอยู่ในช่วงต้นทางของถนนสายนี้ เป็นจุดที่สวยและเหมาะสำหรับการถ่ายรูปเก็บไว้ที่สุด แนะนำให้พักค้างแรมที่ อุโทะโระอนเซ็น (Utoro Onsen) ดูสักคืนอนเซนแห่งนี้ตั้งอยู่เลียบฝั่งทะเลโอคอสต์และมีชื่อเสียงโด่งดังในเรื่องของน้ำร้อนสำหรับหญิงงาม (อนเซ็นที่มีสรรพคุณในการบำรุงผิวพรรณ) หลังจากแช่อนเซนกันแล้วอย่าลืมไปชมทิวทัศน์อันงดงามทั้งแปดแห่งชิเระโทะโกะ (Eight  Views of Shiretoko) โดยเฉพาะทะเลสาบทั้ง 5 แห่งชิเระโทะโกะ (Five Lakes of Shiretoko) ที่ได้ชื่อว่างดงามระดับท็อปที่ขึ้นชื่อเรื่อง ทะเลสาบที่งดงามราวกับภาพในจินตนาการ แล้วขับไปตามเส้นทาง “เทนนิซึซึคุมิจิ (Ten ni Tsuzuku Michi)” จากนั้นแวะอิ่มอร่อยกับอาหารทะเลสดๆ  บริเวณใกล้ๆ สถานีรถไฟชิเระโทะโกะชาริ (Shiretoko Shari Station) กัน

การเช่ารถขับจากสนามบินฮาเนดะ (Haneda Airport) หรือสนามบินนาริตะ (Narita Airport) ตรงไปยังริมอ่าวโตเกียว (Tokyo Bay) นั้นนับเป็นการท่องเที่ยวสุดโรแมนติก และทางด่วน โตเกียวเบย์ อควาไลน์ (Tokyo Bay Aqua Line) ที่ตัดขวางอ่าวโตเกียวจากเมืองคะวะซะกิ (Kawasaki City) จังหวัดคะนะงะวะ (Kanagawa) ไปยังเมืองคิซะระสุ (Kisarazu City) จังหวัดชิบะ (Chiba) ก็ช่างเหมาะจะเป็นเวทีสู่ความโรแมนติกที่ว่านี้จริงๆ

• ฝั่งเมืองคิซะระสุเป็นที่ตั้งของสะพานอควาบริดจ์ (Aqua Bridge) ที่ยาวที่สุดในญี่ปุ่นระยะทาง 4.4 กิโลเมตร
• ฝั่งเมืองคะวะซะกิมีอุโมงค์อควาทันเนล (Aqua Tunnel) ความยาว 10 กิโลเมตร

นับเป็นเส้นทางบนถนนไฮเวย์ดีไซน์ล้ำที่เชื่อมมหานครโตเกียวเข้าไว้ด้วยกัน ให้คุณได้ดื่มด่ำกับความรู้สึกราวกับกำลังท่องเที่ยวไปในดินแดนแห่งอนาคต ระหว่างทางจะมีอุมิโฮะตารุ (Umihotaru) ลานจอดรถยอดนิยมที่เน้นคอนเซ็ปต์ในเรื่อง ช้อป / ชิม / ชิว ที่ลอยตัวอยู่ใจกลางอ่าวโตเกียวให้ได้แวะกันด้วย ซึ่งในวันที่ 20 เมษายน ค.ศ. 2019 นี้จะมีการเปิดโซนร้านอาหารที่เพิ่งรีโนเวทใหม่ ให้คุณได้เพลิดเพลินกับการช้อปและชิมมากกว่าเดิมท่ามกลางทิวทัศน์ 360 องศาของอ่าวโตเกียว และหากได้ชมพระอาทิตย์ตกดินและทิวทัศน์ยามค่ำคืนของมหานครใหญ่ที่พร่างพราวระยิบระยับตั้งแต่เขตโรงงานเมืองคะวะซะกิ สนามบินฮาเนดะ ไปจนถึงอาคารสูงเสียดฟ้าในโตเกียวนั้นเป็นโปรแกรมที่เหมาะมากเลยทีเดียวสำหรับคู่เดท

ชิริฮะมะนะงิสะ ไดรฟ์เวย์ (Chirihama Nagisa Driveway) ณ ชายฝั่งบนคาบสมุทรโนะโตะ (Noto Peninsula) ในจังหวัดอิชิคะวะ (Ishikawa) เป็นที่เดียวในญี่ปุ่นและไม่กี่แห่งในโลกที่จะสามารถขับรถเล่นไปบนหาดทรายได้  เม็ดทรายที่หาดนี้มีขนาดเล็กละเอียด และอุ้มน้ำทะเลไว้มากจึงอัดแน่นเป็นพื้นแข็งพอสำหรับรถยนต์โดยสารปกติจะแล่นไปบนหาดทรายได้ น่าลองไปขับรถเล่นใต้ท้องฟ้าสดใสท่ามกลางเสียงคลื่นซัดสาดและสายลมทะเลแสนสดชื่นอย่างที่สุด  ระหว่างทางสามารถจอดรถเพื่อแวะลงเล่นน้ำหรือนั่งชมวิวพระอาทิตย์ตกดินได้ด้วย แนะนำว่าช่วงเวลาที่เหมาะกับการขับรถเที่ยวที่นี่ก็คือช่วงก่อนฟ้าสาง หากโชคดีก็อาจจะได้เห็นวิวสวยๆ ดูลึกลับของหมอกงามยามเช้าด้วย เนื่องจากที่หาดนี้จะไม่มีการกำหนดเลนหรือช่องทางเดินรถ จึงควรขับด้วยความระมัดระวัง คอยดูผู้คนที่เดินไปมาและรถที่วิ่งสวนมาให้ดี และนอกจากนี้หากขับรถไปบนพื้นทรายแห้งก็อาจทำให้ล้อติดหล่มได้ จึงควรระวังด้วยเช่นกัน

เกาะทสึโนะชิมะ (Tsunoshima Island) ในทะเลญี่ปุ่นฝั่งจังหวัดยะมะงุชิ (Yamaguchi) ทางปลายสุดทิศตะวันตกของเกาะฮอนชู (Honshu) เป็นเกาะที่มีสะพานทสึโนะชิมะ (Tsunoshima Bridge) เปิดให้ใช้เป็นเส้นทางสัญจรเป็นครั้งแรกในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2000 เป็นสะพานขนาดใหญ่ที่ทอดข้ามทะเลอะมะงะเซะ (Amagase) ซึ่งอยู่ตรงกลางระหว่างเมืองชิโมะโนะเซะกิ (Shimonoseki City) และทสึโนะชิมะ (Tsunoshima) เมืองโทะโยะคิตะ (Toyokita Town) ในจังหวัดยะมะงุชิ (Yamaguchi) ด้วยความยาวทั้งสิ้นถึง 1,780 เมตร จึงนับเป็นสะพานที่ยาวระดับต้นๆ ในบรรดาสะพานข้ามเกาะต่างๆ ของญี่ปุ่นที่เปิดให้รถข้ามได้ฟรีเหมือนถนนทั่วไป ภาพของสะพานสีขาวสะอาดทอดตัวยาวเป็นเส้นตรงท่ามกลางท้องทะเลสีเขียวมรกตแห่งนี้นับเป็นสุดยอดวิวสวยที่ได้รับความนิยมในหมู่นักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก ด้วยทิวทัศน์ที่งดงามทำให้ที่นี่ถูกใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์และโฆษณาอยู่บ่อยครั้ง หากได้ขับรถโลดแล่นไปเหนือผืนน้ำมุ่งหน้าสู่เกาะท่ามกลางสายลมทะเลจะต้องรู้สึกสดชื่นสบายที่สุดอย่างแน่นอน ในช่วงเวลาพระอาทิตย์ตกดิน ทั้งแผ่นฟ้าและผืนน้ำจะถูกย้อมไปด้วยสีรุ้ง เป็นภาพที่งดงามราวกับอยู่ในโลกแห่งความฝันเลยทีเดียว สำหรับจุดถ่ายรูปที่สวยที่สุดก็ต้องที่สวนสาธารณะอะมะงะเซะ (Amagase Park) ที่สามารถมองเห็นตัวสะพานทสึโนะชิมะได้ทั่วทั้งหมดนั่นเอง เมื่อขับรถมาถึงเกาะทสึโนะชิมะแล้วก็อย่าลืมแวะมาเดินเล่นชิลล์ๆ กันที่ หาดชิโอะคะเซะโคบอลต์บลูบีช (Shikokaze Cobalt Blue Beach) ที่งดงามด้วยหาดทรายสีขาวและผืนทะเลกว้างกัน

สำหรับเส้นทางขับรถเที่ยวแนะนำในภูมิภาคคิวชู (Kyushu) ก็คือที่ อะโซะ พาโนรามาไลน์ (Aso Panorama Line) ในจังหวัดคุมะโมโตะ (Kumamoto) ซึ่งเป็นเส้นทางขับรถเที่ยวที่มีทิวทัศน์งดงามระดับแนวหน้าของญี่ปุ่นเลยทีเดียว  เส้นทางอะโซะ พาโนรามาไลน์ (Aso Panorama Line) นี้เป็นเส้นทางขับรถขึ้นสู่ภูเขาไฟอะโซะ (Mt. Aso) ซึ่งตั้งอยู่บริเวณกึ่งกลางแอ่งภูเขาไฟอะโซะ (Aso Caldera) ยามที่ขับรถไปบนเส้นทางนี้คุณจะได้เพลิดเพลินกับทิวทัศน์ทุ่งหญ้ากว้างบริเวณเชิงเขาพร้อมวัวและม้าที่เลี้ยงไว้แบบปล่อยอิสระ และเมื่อได้เห็น โคะเมะซึกะ (Komezuka) ภูเขาลูกเล็กลักษณะคล้ายชามคว่ำ ก็จะพบกับภาพทิวทัศน์ของอะโซะอันกว้างใหญ่ไพศาลได้ทั่วทั้งหมดเลยทีเดียว เส้นทางแนะนำเริ่มจากสถานีรถไฟ JR อะโซะ (JR Aso Station) และแวะพักชมวิวภูเขาไฟอะโซะที่จุดชมวิวคุซะเซ็นริ (Kusasenri Observatory) จากนั้นขับไปยังแหล่งน้ำชิระคะวะซุยเก็น (Shirakawa Suigen) สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของอะโซะตอนใต้ (Southern Aso) เพื่อดับกระหายด้วยน้ำที่ผุดขึ้นมาจากใต้ดิน รับรองว่าจะช่วยให้รู้สึกสดชื่นมากเลยทีเดียว นอกจากนี้บริเวณรอบๆ ก็ยังมีอนเซ็นที่ดึงน้ำมาจากตาน้ำพุร้อนโดยตรง และร้านอาหารที่มีสเต็กแสนอร่อยปรุงจาก เนื้ออะคะกิว (Aka Beef) ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ยอดนิยมในท้องถิ่น อีกทั้งสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจอื่นๆ อีกมากมาย