Ready Set Go Japan
ญี่ปุ่นพร้อมแล้ว ต้องไป!
ไปค้นหาประสบการณ์แปลกใหม่ๆ
กับ บาส ภาณุภัทร์
นักดนตรีที่ผันตัวมาทำเพจท่องเที่ยว GO WENT GO
ซึ่งมีผู้ติดตามมากมาย ด้วยมุมมองการนำเสนอที่น่าสนใจ
และสไตล์การเล่าเรื่องที่จะทำให้คุณลุกขึ้นไปแพ็คกระเป๋า
พร้อมออกเดินทางตามรอยพวกเค้าทันที
Go Explore X Go Went Go
ค้นพบมุมมองแปลกใหม่
คันไซ - ชิโกะคุ - คิวชู
ครั้งแรกของ Go Went Go กับเส้นทาง คันไซ - ชิโกะคุ – คิวชู ที่จะพาคุณลัดเลาะลงใต้
ไปค้นพบญี่ปุ่นในแบบที่คาดไม่ถึง กระตุ้นอะดรีนาลีนให้พลุ่งพล่าน กับโอซาก้า เมืองที่เต็มไปด้วย
สีสันเสน่ห์เหลือล้นของภูมิภาคคันไซ
ศูนย์รวมความบันเทิง กินเที่ยวช้อปครบเครื่องความฟิน...
ไปชมความงดงามของธรรมชาติในฤดูใบไม้เปลี่ยนสี จุดชมวิวแบบ unseen ทั้งลึกลับ น่าตื่นเต้น
และระทึกใจไปกับหลากหลายกิจกรรมกลางแจ้ง ชิมอาหารท้องถิ่นแสนอร่อยที่ต้องไปลองสักครั้ง
ที่ภูมิภาคชิโกะคุ ...และพาไปเปลี่ยนบรรยากาศใหม่ๆ
ที่ภูมิภาคคิวชู กับสถานที่ท่องเที่ยว
หลากหลายสไตล์ วัฒนธรรมการกินอันเป็นเอกลักษณ์ อัปเดตจุดเช็คอินใหม่ๆ ตลอดทริปนี้
จะทำให้การกลับมาเที่ยวญี่ปุ่นครั้งนี้ของ Go Went Go น่าจดจำในแบบที่ไม่ซ้ำ
ตามรอยพวกเค้าไปกันเลย



DAY 1 :
ขอพรรับพลัง > อัปเดตสายช้อปปิ้ง > ท่องโลกอนิเมะ



1.ศาลเจ้านัมบะ ยาซากะ
(Namba Yasaka Shrine)
ศาลเจ้านัมบะ ยาซากะ
(Namba Yasaka Shrine)
ว๊าบบบบ...Go Went Go ถึงโอซาก้ากันแล้ว เริ่มต้นทริป ด้วยการแวะมาขอพรรับพลังศักดิ์สิทธิ์
ในย่านนัมบะ ย่านดังแห่งโอซาก้านั่นเอง สามารถเดินจากจุดถ่ายรูปยอดฮิตอย่างป้าย
กูลิโกะเพียง
15 นาที ก็จะได้พบกับศาลเจ้าลับแห่งนี้ ที่ซ่อนตัวอยู่ ท่ามกลางย่านความบันเทิงที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
ของโอซาก้า เป็นจุดเช็คอินที่ได้รับความนิยม ศาลเจ้านัมบะ
มีเอกลักษณ์โดดเด่นจากรูปปั้นหัวสิงโต
อ้าปากหน้าตาขึงขังดุดัน ขนาดใหญ่อลังการเทียบเท่าตึก 4 ชั้น ที่เชื่อกันว่า สามารถกลืนกินสิ่งไม่ดี
ทั้งหลาย ให้หายไป และนำความโชคดีเข้ามา
นักท่องเที่ยวมักจะมาสักการะขอพรเรื่องการเรียน
หรือด้านการงานให้ประสบความสำเร็จตามที่มุ่งหวัง
Explore Highlight :
การสักการะขอพร
เมื่อมาถึงหน้าบริเวณศาลเจ้าหลัก ที่มีระฆังและกล่องทำบุญอยู่หน้าอาคาร ให้โยนเหรียญใส่กล่อง
ทำบุญ จากนั้นสั่นสายระฆังที่ห้อยลงมา โค้งคำนับไปทางศาลเจ้า 2 ครั้ง / ปรบมือ 2 ครั้ง /
อธิษฐานในใจ และโค้งคำนับอีก 1 ครั้ง
2-chome-9-19 Motomachi, Naniwa, Osaka

2.ชินไซบาชิ (Shinsaibashi)
ชินไซบาชิ
(Shinsaibashi)
กลับมาเยือนโอซาก้ากับ Go Went Go ครั้งนี้จะพาไปอัปเดตย่านชินไซบาชิกันหน่อยว่าหลังกลับมา
ต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างคึกคัก
มีอะไรใหม่ๆ ที่ต้องไปโดนก่อนใคร จุดเช็คอิน ชิม ช้อป ที่ไหน
ไม่ควรพลาดบ้าง ย่านชินไซบาชิแห่งนี้ ขึ้นชื่อว่าเป็นสวรรค์ของนักช้อป
ที่ไม่ว่าจะมากี่ครั้งก็ยังเป็น
หนึ่งในแพลนที่ต้องมา อลังการงานช้อป
ด้วยอาณาเขตตั้งแต่สถานีชินไซบาชิ ยาวมาจนถึงบริเวณ
สะพานเอบิสึ
ย่านโดทงโบริ (Dotonbori) เป็นที่ตั้งของย่านร้านค้า ร้านอาหาร ศูนย์รวมสินค้า
หลากหลายแบรนด์ ระยะทางรวม 2 กม.
มีทั้งแบรนด์ดังระดับ Hi-End, สตรีทแวร์, สปอร์ต, วินเทจ
รวมถึงร้านอาหาร คาเฟ่ ร้านขนม ก็มีให้เลือกมากมายเช่นกัน
และอย่าลืมแวะเก็บภาพเด็ดๆ
กับแลนด์มาร์คยอดนิยมอย่างป้ายกูลิโกะ และปูยักษ์กันด้วย ไม่งั้นเหมือนมาไม่ถึงโอซาก้านะ
Shinsaibashi 2-2-22 Shinsaibashisuji, Chuo, Osaka

3.นิจิเกน โนะ โมะริ
(Nijigen no Mori)
นิจิเกน โนะ โมะริ
(Nijigen no Mori)
ความสนุกเริ่มแล้ว มาเพิ่มความฟินระดับสิบให้กับชาว Go Went Go ซึ่งชื่นชอบการ์ตูนญี่ปุ่นเป็นพิเศษ
กับ นิจิเกน โนะ โมะริ
ธีมปาร์คที่เน้นความเป็นการ์ตูนอนิเมชั่นไว้อย่างเต็มอิ่ม สวนสนุกกลางธรรมชาติ
ที่ตั้งอยู่ใจกลางเกาะอะวะจิ (Awaji) จังหวัดเฮียวโกะ (Hyogo)
จัดเต็มด้วยกิจกรรมสนุกเกินคาด
ถึง 4 โซน ต้องไปลองสักครั้ง อินแบบลืมวัยกันไปเลย
Explore Highlight :
4 โซน ผจญภัยล้ำจินตนาการ
หมู่บ้านนินจานารูโตะและโบรูโตะ (NARUTO & BORUTO Shinobizato)
สาวกการ์ตูนนารุโตะและโบรุโตะห้ามพลาด ผจญภัยในเขาวงกตยักษ์ และเพิ่มดีกรีความสนุกสมจริง
ด้วยเทคโนโลยี AR ในการฝ่าด่านอุปสรรคต่างๆสวนสนุกผจญภัยเครยอนชินจัง (Crayon Shin-chan Adventure Park)
ใครชอบหนูน้อยชินจัง โซนนี้มีกิจกรรมสนุกๆ รออยู่เพียบ มีรูปปั้นการ์ตูนในเรื่องให้ได้ไปทักทาย
และถ่ายรูปด้วยสวนสนุกก็อตซิลล่า (Godzilla Interception Operation Awaji)
ท้าทายตัวเองด้วยการโหนสลิงสุดระทึก เผชิญหน้ากับก็อตซิลล่าขนาดมหึมาเท่าตัวจริง!
จำลองเหตุการณ์ก็อตซิลล่าบุกโจมตี พร้อมโซนพิพิธภัณฑ์ที่แสดงเรื่องราวของก็อตซิลล่า
อันน่าตื่นเต้นเกาะดราก้อนเควสต์ (Dragon Quest Island: Great Demon King Zoma and
the Beginning Island)เป็นโซนที่จำลองบรรยากาศเหมือนกับในเกม RPG ผจญภัยอย่างสนุกสนานในอาณาจักร
โอโนโกการ์ด (Onokogard) โดยสวมบทเป็นตัวละครในเรื่องเดินทางท่องไปตามจุดต่างๆ
ดังเช่นในเกม และยังมีร้านอาหารเมนูน่ารักๆ กับร้านจำหน่ายของที่ระลึกจากเกมอีกด้วย
2425-2 Kusumoto, Awaji, Hyogo
1 ชั่วโมง 30 นาที
*เวลาปิดในแต่ละโซนจะต่างกัน
https://www.kkday.com/en/product/125803

4.อุซุ ฮิลล์ ปาร์ค
(Uzu Hill Park)
©Awaji Island Tourist Association
อุซุ ฮิลล์ ปาร์ค
(Uzu Hill Park)
ไปหาประสบการณ์แปลกใหม่กันต่อที่นี่เลย Uzu Hill Park จุดเช็คอินยอตฮิต รูปปั้นหอมหัวใหญ่ยักษ์
ที่เรียกว่า อททะมะเนะงิ (Ottamanegi)
พร้อมวิวอลังการแบบ 360 องศา บนเกาะ Awaji ซึ่งมี
ชื่อเสียงโด่งดังเรื่อง หอมหัวใหญ่ที่มีรสชาติหวานและเนื้อสัมผัสชุ่มฉ่ำ
มาเยือนแหล่งปลูกหอมหัวใหญ่
ชั้นดีทั้งที อย่าพลาดลิ้มลอง เบอร์เกอร์รางวัลชนะเลิศจาก Japan Gourmet Grand Prix
และเมนู
ที่รังสรรค์จากหอมหัวใหญ่ได้ลิ้มลองมากมาย พร้อมสนุกกับเกมตู้คีบหอมหัวใหญ่ (Onion Catcher)
ถ้าคีบได้สำเร็จ
จะได้รับหอมหัวใหญ่ถึง 1.5 กิโลกรัมกลับไปเป็นของรางวัลอีกด้วย!
Explore Highlight :
Awaji Island
เกาะอะวะจิ (Awaji) ตั้งอยู่ในจังหวัดเฮียวโกะ ภูมิภาคคันไซ แหล่งท่องเที่ยวที่ชาวญี่ปุ่นมักเดินทาง
มาพักผ่อน
อยู่ไม่ไกลจากโอซาก้าและโกเบ อีกทั้งยังเป็นทางผ่านไปสู่เกาะชิโกะคุได้อีกด้วย ทิวทัศน์
ก็สวยงามไปด้วยทุ่งดอกไม้ตามฤดูกาล
เช่น ในฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ดอกคอสมอสจะบานสะพรั่ง
ให้บรรยากาศเหมือนเทพนิยาย ส่วนในฤดูหนาว เกาะอะวะจิจะเต็มไปด้วยดอกแดฟโฟดิล (daffodils)
นับล้าน
เป็นภาพที่น่าตื่นตาตื่นใจ และอีกหนึ่งกิจกรรมน่าสนใจคือ การได้ปั่นจักรยานไปตามถนน
เลียบชายฝั่งพร้อมชมทิวทัศน์อันงดงาม ให้คุณได้สัมผัสญี่ปุ่นในมุมใหม่ๆ ที่แสนพิเศษและน่าจดจำ
936-3, Hei Fukura, Minami Awaji, Hyogo
9:00 – 17:00 น.
Awaji-shima Burger, Awaji-shima Onion Kitchen :
9:00 – 16:00 น.


PHOTO ALBUM


DAY 1
©Awaji Island Tourist Association

DAY 2 :
น้ำวนมหึมา > สวนสวรรค์ > หุบเขาลึกลับ



1.น้ำวนนารุโตะ
(Naruto Whirlpool)
น้ำวนนารุโตะ
(Naruto Whirlpool)
เดินทางไปพบกับความระทึกใจแบบสุดๆ กันที่ น้ำวนนารุโตะ จุดปะทะกันของกระแสน้ำจากทะเลเซโตะ
(Seto Inland Sea)
และกระแสน้ำจากฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก ซึ่งมีความเร็วและระดับความสูง
ของน้ำทะเลที่แตกต่างกัน รวมทั้งพื้นทะเลบริเวณใต้สะพาน
มีความลึกกว่าพื้นทะเลทั่วไปถึง 90 เมตร
และมีลักษณะเป็นรูปตัววี ทำให้เกิดการรวมตัวกันของน้ำที่ไหลแรง และรวดเร็ว
จึงเกิดกระแสน้ำวน
ขนาดมหึมา กว้าง 20 เมตร ลึกประมาณ 2 เมตร เป็น 1 ใน 3 กระแสน้ำวนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก
นับเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่สร้างความตื่นตาตื่นใจไม่น้อยเลยทีเดียว
โดยสามารถชมน้ำวนนารุโตะนี้ได้จากสะพานแขวนโอนารุโตะ (Onaruto Bridge) ซึ่งมีจุดชม
“อุซุโนะมิจิ” (Uzunomichi)
ที่พื้นทางเดินเป็นกระจกใส สามารถมองเห็นกระแสน้ำวนด้านล่าง
ได้อย่างชัดเจน
หรือขึ้นเรือนำเที่ยวที่จะพาไปสัมผัสภาพกระแสน้ำวนกลางทะเลในระยะใกล้ๆ
Naruto, Tokushima
ไปลงที่ป้าย Narutokoen (สวนนารุโตะ)
มีนาคม - กันยายน : 9:00 – 18:00 น.
ตุลาคม - กุมภาพันธ์ : 9:00 – 17:00 น.
ช่วง Golden Week และวันหยุดในฤดูร้อน :
8:00 – 19:00 น.
*ปิดทุกวันจันทร์ในสัปดาห์ที่สองของเดือนมีนาคม มิถุนายน กันยายน และธันวาคม

2.สวนริทสึริน (Ritsurin Garden and
Tea Ceremony at Kikugetsutei)
สวนริทสึริน
(Ritsurin Garden and Tea Ceremony
at Kikugetsutei)
ไปสัมผัสกับธรรมชาติที่สวยงามของช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีละลานตาด้วยพันธุ์ไม้นานาชนิด
ที่สวนริทสึริน จังหวัดคางาวะ ซึ่งถือว่าเป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น
เต็มไปด้วยภูมิทัศน์สุดวิจิตร
สร้างขึ้นเมื่อเกือบ 300 ปี และมีการบูรณะมาอย่างต่อเนื่อง ภายในสวน
ยังมีเรือนน้ำชา “คิคุเกะสึเท (Kikugetsutei)”
ให้แวะนั่งจิบชาเขียว ไปพร้อมกับชมทิวทัศน์
แสนพิเศษของสวนญี่ปุ่นดั้งเดิมแห่งนี้ ซึ่งโดดเด่นที่ฉากหลังเขียวเข้มของภูเขา
เบื้องหน้าเป็นสระน้ำ
6 แห่ง และมีเนินเขาจำลองถึง 13 แห่ง ในทุกย่างก้าวคุณจะตะลึงกับวิวรอบตัวที่เปลี่ยนแปลงไป
เรียกได้ว่า หนึ่งก้าว หนึ่งมุมมอง ทุกภาพที่ปรากฏตรงหน้าจะทำให้คุณใจเต้นแรงอย่างแน่นอน
1-chome-20-16 Ritsurincho, Takamatsu, Kagawa
ประมาณ 5 นาที ลงที่สถานี Ritsurin Koen Kitaguchi
แล้วเดินประมาณ 5 นาทีก็ถึงประตูทางเข้าสวน
*ช่วงเวลาทำการแตกต่างกันไปในแต่ละเดือน ดูข้อมูลได้ที่เว็บไซต์ของสวน

3.หุบเขาโอโบเคะ (Oboke Gorge)
หุบเขาโอโบเคะ
(Oboke Gorge)
ไปเติมความเร้าใจให้สายกิจกรรมกลางแจ้ง พร้อมทั้งสัมผัสความงามของหุบเขาโอโบเคะ
ที่เกิดจาก
การกัดเซาะของน้ำทะเลเมื่อประมาณ
100-200 ล้านปีก่อน คุณสามารถล่องเรือไปในแม่น้ำโยชิโนะ
(Yoshino River) สีเขียวมรกต ค้นพบมุมมองแปลกตาคาดไม่ถึงตลอดเส้นทางที่ขนาบข้างด้วย
ผลึกชั้นหิน
เหนือขึ้นไปคือทิวเขาหนาทึบด้วยใบไม้สีเขียวสลับสีส้มสัญลักษณ์แห่งฤดูใบไม้เปลี่ยนสี
หรือจะเพิ่มความสนุกสนานท้าทายไปอีกแบบ
กับกิจกรรมกลางแจ้งที่หลากหลาย เช่น ล่องแก่ง
หรือโรยตัวบนหน้าผา เป็นต้น
Yamashirocho Shigezane, Miyoshi, Tokushima
ไปยังสถานี Oboke
ใช้เวลาประมาณ 30 นาที
แล้วเดินประมาณ 20 นาทีไปยังท่าเรือ
(หรือจะนั่งแท็กซี่ประมาณ 5 นาทีก็ถึง)
*วันเสาร์ - อาทิตย์ และวันหยุด เปิดบริการ 9:00 - 17:00 น.

4.หุบเขาอิยะ (Iya Valley)
หุบเขาอิยะ
(Iya Valley)
อีกหนึ่งไฮไลต์ที่ไม่อยากให้พลาด หุบเขาเร้นลับ The Iya Valley (Iya Keikoku) หรือหุบเขาอิยะ
จังหวัดโทคุชิมะ สถานที่ท่องเที่ยวแนวธรรมชาติบนเกาะชิโกะคุที่ได้รับความนิยมจากชาวญี่ปุ่น
แต่ยังเป็น unseen
สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ บริเวณรอบๆ หุบเขานี้ปกคลุมด้วยป่าไม้
อันอุดมสมบูรณ์ท่ามกลางทิวเขาสลับซับซ้อน
แต่งแต้มใบไม้สีแดงส้ม ตัดกับแม่น้ำสีเขียวมรกต
นอกจากนี้ความงดงามที่แตกต่างกันในแต่ละฤดูของหุบเขาอิยะ
คือเสน่ห์ดึงดูดผู้มาเยือน
ให้ยิ่งประทับใจ ถือเป็นพิกัดเด็ดที่ควรค่าแก่การเดินทางมาสัมผัส
Explore Highlight :
แลนด์มาร์คแห่งหุบเขาอิยะ
รูปป้ันเด็กยืนฉี่ (The Peeing Boy of Iya Valley) สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1968 ตั้งอยู่บนขอบหน้าผา
สูง 200 เมตร
จุดอันตรายที่สุดในหุบเขาอิยะ ที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งความกล้าหาญ
และไร้เดียงสา
และเป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของที่นี่ ถือว่าเป็นอีกหนึ่ง unseen แห่งจังหวัด
โทคุชิมะที่แนะนำ
หากมีโอกาสอย่าลืมแวะไปชมความน่ารักน่าเอ็นดู ถ่ายรูปกับเจ้าหนูจอมซ่ากันนะ
Miyoshi, Tokushima
ใช้เวลาประมาณ 55 นาที

5.สะพานคาซูระบาชิแห่งอิยะ
(Kazurabashi Bridge)
สะพานคาซูระบาชิแห่งอิยะ
(Kazurabashi Bridge)
จุดท่องเที่ยวลับสุด unseen ที่สายแอดเวนเจอร์ต้องมาตามรอยชาว Go Went Go ให้ได้ ก็คือ
สะพานคาซูระบาชิ สะพานแขวน
อยู่เหนือน้ำ
14 เมตร ทำจากเชือกเถาวัลย์แบบดั้งเดิมหาชมยาก
หนึ่งในสามของสะพานที่แปลกที่สุดในญี่ปุ่น
เดิมเป็นสะพานที่ชาวบ้านใช้ในชีวิตประจำวัน
เข้าถึงได้โดยผ่านทางหน้าผาเท่านั้น แต่ด้วยธรรมชาติบริเวณรอบๆ
มีความงดงามน่าอัศจรรย์ แม่น้ำอิยะสีเขียวมรกตตัดกับโขดหิน
สีขาว จึงถูกพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว
นักท่องเที่ยวที่ชอบความท้าทาย
ต้องมาพิชิตสะพานแห่งนี้ โดยค่อยๆ เดินข้ามไปทีละก้าว บนสะพานจะแกว่งไกวตลอดเวลา
แต่ไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัย เพราะจะมีการเปลี่ยนเชือกเถาวัลย์ทุกๆ 3 ปี ถ้าหากใครไม่ถนัด
เรื่องความสูงสามารถเดินชมธรรมชาติรอบๆ
สะพาน หรือเลียบแม่นํ้าอิยะ ซึ่งทัศนียภาพสวยงาม
ไม่แพ้กัน โดยเฉพาะฤดูใบไม้เปลี่ยนสี
162-2 Zentoku, Nishi-Iyayamamura, Miyoshi, Tokushima
ลงที่ป้าย Iya Kazurabashi
ใช้เวลาประมาณ 20 นาที


PHOTO ALBUM


DAY 2

DAY 3 :
ปราสาท 400 ปี > เมนูดังท้องถิ่น > คริสตัลคายัค



1.ปราสาทโคจิ (Kochi Castle)
©VISIT KOCHI JAPAN
ปราสาทโคจิ
(Kochi Castle)
สูดกลิ่นอายประวัติศาสตร์ ย้อนอดีต ณ ปราสาทโคจิ (Kochi Castle) หนึ่งในปราสาทญี่ปุ่นเก่าแก่
ที่สุด อายุกว่า
400 ปี กับสถาปัตยกรรมดั้งเดิมหาชมยาก ซึ่งยังคงสภาพเดิมเอาไว้เกือบสมบูรณ์
เป็นสมบัติทางวัฒนธรรมที่สำคัญของชาติ ตะลึงไปกับความงามราวกับภาพวาดโบราณ
ในฤดูใบไม้
เปลี่ยนสีจะปกคลุมไปด้วยสีสันใบไม้สีส้มสีแดง ตัดกับฉากหลังกำแพงหินแข็งแกร่ง
ปราสาทโคจิ
ตั้งตระหง่านสง่างามอยู่บนเนินเขาใจกลางเมือง
ถือเป็นสัญลักษณ์ของเมือง
และเป็นจุดเช็คอิน
ที่คุณจะต้องไม่พลาด เมื่อแวะมาเยือนจังหวัดโคจิ
1-chome-2-1 Marunouchi, Kochi
ไปลงที่ป้าย Kochi-jo Mae ใช้เวลาประมาณ 10 นาที
*วันหยุดประจำปี 26 ธันวาคม –
1 มกราคม

2.ตลาดฮิโรเมะ (Hirome Market)
ตลาดฮิโรเมะ
(Hirome Market)
ได้เวลาไปตะลอนชิมอาหารท้องถิ่น ช่วงเวลาโปรดของสายกินที่ ตลาดฮิโรเมะ ศูนย์รวมทั้งอาหารสด
อาหารแห้ง
และอาหารพร้อมเสิร์ฟ ให้เลือกลิ้มลองหลากหลายเมนูกว่า 60 ร้าน โดยเฉพาะเมนู
ยอดนิยมของจังหวัดโคจิอย่าง
“คัตสึโอะ โนะ ทาทากิ (Katsuo no tataki)” หรือ ปลาโอย่าง
ความพิเศษก็คือ
ปลาคัตสึโอะไปย่างกับฟางข้าว ซึ่งจะช่วยชูกลิ่นและรสชาติของปลาได้ดียิ่งขึ้น
โดยย่างอย่างพิถีพิถันให้ผิวด้านนอกเกรียมนิด แต่ยังคงความสดฉ่ำด้านใน เสิร์ฟแบบสไลด์คู่
กับต้นหอม ขิง
กระเทียม ตามแบบดั้งเดิม เป็นเมนูเด็ดที่ไม่ควรพลาดอย่างยิ่งเมื่อมาโคจิ!!
Explore Highlight :
ปลาคัตสึโอะ
ที่ญี่ปุ่นนิยมนำปลาชนิดนี้มาทำเป็นผงปลาโอแห้ง (katsuobushi) ใช้โรยหน้า ปรุงรส หรือเป็น
วัตถุดิบทำน้ำซุปได้อีกด้วย
ซึ่งผงปลาโอแห้งของจังหวัดโคจิ ขึ้นชื่อเรื่องคุณภาพ และรสชาติ
รวมถึงยังมีผลิตภัณฑ์ต่างๆ จากปลาโอ
จำหน่ายในร้านของที่ระลึกทั่วไปในเมืองโคจิอีกด้วย
2-3-1 Obiyamachi, Kochi
แล้วเดินประมาณ 3 นาที
*วันอาทิตย์ เปิด 9:00-23:00 น.

3.พายเรือคายัค
(Kayak on Niyodo River)
©VISIT KOCHI JAPAN
พายเรือคายัค
(Kayak on Niyodo River)
เดินทางกันต่อไปยังเมือง Niyodogawa จังหวัดโคจิ เพื่อสัมผัสกับประสบการณ์ใหม่ของการสำรวจ
โลกเหนือผืนน้ำ
ที่แม่น้ำนิโยโดะ (Niyodo River) ซึ่งขึ้นชื่อว่าใสสะอาดสุดๆ จนมีชื่อเรียกขานว่า
“นิโยโดะ บลู” เพราะมีเอกลักษณ์คือ
น้ำสีฟ้าครามใสดุจคริสตัล และยังโอบล้อมด้วยธรรมชาติ
อันงดงาม กลายเป็นอีกจุดยอดนิยมสำหรับการทำกิจกรรม Outdoor
ที่จะกระตุ้นจิตวิญญาณ
แห่งการผจญภัยในตัวคุณให้พายไปข้างหน้าอย่างไม่เหน็ดเหนื่อยบนเรือคายัคใส (Crystal Kayak)
หรือจะลองกิจกรรมยืนพายบนบอร์ด SUP ก็มีให้บริการ อีกหนึ่งการค้นพบที่แปลกใหม่ สนุกตื่นเต้น
ด้วยวิวแบบ 360 องศา
ให้การเที่ยวญี่ปุ่นน่าจดจำไม่ซ้ำแบบใคร
6, Nagaya, Niyodogawa Town, Agawa, Kochi

4.Sky Hill Glamping
Sky Hill Glamping
ฮิปสเตอร์สายแคมป์ปิ้ง ต้องฟินเกินบรรยาย กับที่พักแนวใหม่ นอนนับดาวในเต็นท์สุดหรู
ที่ SKYHILL GLAMPING ตั้งอยู่ในเมืองชิมันโตะ จังหวัดโคจิ แนะนำสำหรับคนที่ต้องการหลบแสงสี
ในเมืองใหญ่
อยากปลีกตัวออกไปสัมผัสกับธรรมชาติแบบใกล้ชิด ในส่วนของที่พักนั้นมีให้เลือก
หลากหลาย แบบเต็นท์หรูหรา
(GLAMPING) รถบ้าน (CAMPING TRALER) ไปจนถึงลานกางเต็นท์
(AUTO CAMP)
และยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกให้บริการครบครัน นับว่าเป็นการสร้างประสบการณ์
ใหม่ให้ทริปเที่ยวญี่ปุ่นของคุณน่าจดจำไปอีกนาน
310, Hassenzu, Shimanto Town, Takaoka, Kochi
12 นาที
เช็กเอาต์ 10:00 น.
หากมาถึงช้ากว่าเวลา 16:00 น. กรุณาแจ้งให้ทราบล่วงหน้า


PHOTO ALBUM


DAY 3
©VISIT KOCHI JAPAN

DAY 4 :
ปราสาทซามูไร > ทัวร์บ่อนรก > แต่งกิโมโนชมเมืองเก่า



1.ปราสาทโอซุ (Ozu Castle)
ปราสาทโอซุ
(Ozu Castle)
พาไปท่องอดีตกันต่อ ณ ปราสาทโอซุ จังหวัดเอฮิเมะ (Ehime) ที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 14
แต่ได้ถูกทำลายจากภัยพิบัติจึงมีการบูรณะขึ้นใหม่ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1950 ความพิเศษของปราสาทแห่งนี้
คือ ใช้เทคนิคการก่อสร้างแบบดั้งเดิมโดยใช้วัสดุไม้โบราณทั้งหลัง จึงเป็นสถาปัตยกรรมที่มีคุณค่า
ทางประวัติศาสตร์
ด้านในมีการจัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับข้าวของเครื่องใช้ของซามูไรญี่ปุ่นในสมัย
อดีตอย่างน่าสนใจ
และอีกหนึ่งประสบการณ์แปลกใหม่ไม่ซ้ำใคร ที่นี่เป็นปราสาทแห่งเดียวในญี่ปุ่น
ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าพักแรม*
คุณจะได้สัมผัสกับบรรยากาศอันเปี่ยมด้วยมนต์ขลังของญี่ปุ่น
ยุคโบราณ เหมือนเป็นซามูไรผู้ยิ่งใหญ่ที่ครอบครองปราสาทแห่งนี้
*ค่าใช้จ่ายในการพักค้างแรมปราสาทโอซุ : ประมาณ 1 ล้านเยน ต่อ 2 คน ต่อ 1 คืน
ไปลงที่ Ozu Honmachi แล้วเดินต่อประมาณ 10 นาที

2.การิวซังโซ วิลล่า
(Garyu Sanso Villa)
การิวซังโซ วิลล่า
(Garyu Sanso Villa)
อีกหนึ่งสถานที่ ที่จะทำให้คุณทึ่งตะลึงในความงดงามจนเกือบลืมหายใจ ที่นี่เป็นวิลล่าบนเนินเขา
สามารถมองเห็นวิวสวยๆ ของแม่น้ำฮิจิคาวะ (Hijikawa) ได้อย่างชัดเจน
และยังโดดเด่น
ด้วยสถาปัตยกรรมดั้งเดิมสุดประณีตสไตล์ญี่ปุ่นเมื่อ 100 ปีก่อน
ที่สวยงามน่าประทับใจทั้งภายใน
และภายนอกอาคาร เช่น
การออกแบบเพดานโค้งเพื่อให้แสงสะท้อนของพระจันทร์บนผิวน้ำในแม่น้ำ
ปรากฏขึ้นบนเพดานห้องด้วย เป็นต้น
อีกทั้งยังแวดล้อมด้วยสวนญี่ปุ่นที่ตกแต่งอย่างสวยงามน่าทึ่ง
ทุกมุมมอง ถือเป็นจุดชมวิวยอดนิยมอีกแห่งของจังหวัดเอฮิเมะ
โดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี
จะเต็มไปด้วยสีสันที่สวยงามมากๆ
411-2 Ozu, Ehime
ไปลงที่ Ozu Honmachi แล้วเดินต่อประมาณ 7 นาที

3.เบปปุ (Beppu)
เบปปุ
(Beppu)
ไปเปลี่ยนบรรยากาศการเดินทาง ให้ทริปนี้พิเศษ
ไม่เหมือนใคร ด้วยเรือเฟอร์รี่ สูดกลิ่นไอทะเล
ฟินกับข้าวกล่องเบนโตแสนอร่อย
ออกจากจังหวัดเอฮิเมะ (Ehime) เกาะชิโกะคุ มุ่งหน้าสู่เมืองเบปปุ
(Beppu) เกาะคิวชู เมืองอันโด่งดังเรื่องน้ำพุร้อน
และตื่นตากับบ่อนรกทั้ง 8 แห่งที่เรียกว่า จิโกคุ
เมกุริ (Jigoku Meguri) บ่อน้ำแร่ธรรมชาติที่มีเอกลักษณ์เฉพาะแตกต่างกันไป
อาทิ บ่อเลือด
(Chi no Ike Jigoku) บ่อทะเลนรก (Umi Jigoku) และบ่อโคลนนรก (Oniishibozu Jigoku)
ถือเป็นสวรรค์ของผู้ที่คลั่งไคล้อนเซ็นได้ไปลองสัมผัส
Beppu, Oita
ในจังหวัดเอฮิเมะ โดยสารเรือเฟอร์รี่ ไปยังท่าเรือในเมืองเบปปุ
(Beppu Port)
ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง 50 นาที
ตารางเวลาเรือเฟอร์รี่: https://www.uwajimaunyu.co.jp/english/

4.เมืองคิทซึกิ
(Kitsuki town)
เมืองคิทซึกิ
(Kitsuki town)
ปักหมุดให้เป็นดรีมลิสต์กันไปเลย กับ เมืองคิทซึกิ จังหวัดโออิตะ (Oita) เป็นเมืองเก่าแก่เล็กๆ
ที่เสน่ห์ไม่เล็ก
เต็มไปด้วยกลิ่นอายของยุคเอโดะ สิ่งที่ทำให้เมืองแห่งนี้โด่งดังเพราะเป็นเมืองปราสาท
เล็กๆ
ที่คงบรรยากาศแบบโบราณเอาไว้ได้เป็นอย่างดี ไม่มีสายไฟหรือสิ่งปลูกสร้างใหญ่ๆ มารบกวน
ทัศนียภาพ
ส่วนไฮไลต์เด่น คือ เนินซุยะโนะซะกะ (Suyanosaka) และ เนินชิโอะยะโนะซะกะ
(Shioyanosaka)
ซึ่งมีเอกลักษณ์เฉพาะ เป็นจุดถ่ายรูปที่ไม่ควรพลาด
และเมื่อเดินขึ้นเนินมาจะพบกับ
ถนนขนาดกว้างที่ขนาบไปด้วยคฤหาสน์ของซามูไร ซึ่งมีกำแพงทำจากดิน
นับเป็นเมืองที่มีเสน่ห์
แบบญี่ปุ่นยุคโบราณขนานแท้
Explore Highlight :
แต่งกิโมโนชมเมือง
กิจกรรมที่แนะนำเมื่อมาที่เมืองคิทซึกิ คือแต่งชุดกิโมโนเดินเล่นซึมซับบรรยากาศที่เต็มไปด้วยเสน่ห์
ของเมืองเก่า เก็บภาพสวยๆ
เสมือนได้ย้อนเวลากลับไปสู่ยุคโบราณ และยังสามารถเข้าชมวัด
ปราสาท บ้านเก่า พิพิธภัณฑ์ได้อีกด้วย
665-172 Kitsuki, Oita
ไปลงที่สถานี Kitsuki ใช้เวลาประมาณ 30 นาที
แล้วต่อรถบัสไปยังสถานที่ต่างๆ ในเมือง


PHOTO ALBUM


DAY 4

DAY 5 :
ยุฟุอินฟินเวอร์ > คุรุเมะน่าค้นหา > หลงเสน่ห์ฮากาตะ



1.Yufuin ครบทุกความฟินระดับสิบ
Yufuin
ครบทุกความฟินระดับสิบ
ยุฟุอิน (Yufuin) เมืองน่ารักแห่งจังหวัดโออิตะ (Oita) ที่ใครได้มาเยือนจะต้องหลงรัก
อัดแน่นด้วย
กิจกรรมสุดฟินท่ามกลางธรรมชาติ โอบล้อมด้วยขุนเขา จากในเมืองสามารถมองเห็นภูเขายุฟุดาเกะ
ตระหง่านเป็นสัญลักษณ์
ออกจากตัวเมืองไปนิดเดียวก็มีทิวทัศน์ชนบทแสนสงบ เหมาะแก่การมาเที่ยว
พักผ่อน กินลมชมวิว แช่อนเซ็น เมืองเล็กๆ
ที่รวมเสน่ห์ไว้มากมายไม่ว่าจะเป็นสายกิน สายถ่ายรูปชิคๆ
สายชมธรรมชาติ หรือสายช้อปปิ้งของแฮนด์เมด
รับรองว่าจะได้ความประทับใจกลับไปแบบเต็ม
อิ่มแน่นอน
ถนนคนเดิน (Yunotsubo Kaido Shopping Street)
สายช้อปจะได้รับความเพลิดเพลินอย่างที่สุด
ชิลกับสองข้างทางที่เต็มไปด้วยร้านค้าน้อยใหญ่
ตกแต่งสไตล์โบราณกลิ่นอายของสมัยเอโดะ ทั้งร้านอาหาร ร้านขนม ร้านของที่ระลึก
หมู่บ้านยุฟุอินฟลอรัล (Yufuin Floral Village)
จำลองหมู่บ้านสไตล์ชนบทยุโรปสุดเก๋ บนถนนสายเล็กๆ ที่เรียงรายไปด้วยร้านค้าที่ตกแต่งด้วย
ดอกไม้หลากสี
น่ารักอบอุ่น พร้อมร้านค้าแนวธีมต่างๆ ที่สร้างสีสันและความแตกต่าง เป็นที่ชื่นชอบ
ของนักท่องเที่ยวไม่ว่าจะเป็น ปีเตอร์แรบบิท
แม่มดน้อยกิกิ มูมิน อลิซอินวันเดอร์แลนด์
ได้ดื่มด่ำบรรยากาศที่ให้ความรู้สึกราวกับว่าหลุดเข้าไปในโลกแห่งจินตนาการ
ยุฟุอินโชวะคัง (Yufuin Showakan)
พา Go Went Go ย้อนยุคกลับไปสมัยโชวะกันหน่อย ที่ “ยุฟุอินโชวะคัง” หรือ Showa Retro
Theme Park
สัมผัสถึงชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คน ชมอาคารบ้านเรือน และสภาพแวดล้อมต่างๆ
ในสมัยโชวะเมื่อประมาณ 40 ปีก่อน
ซึ่งคนญี่ปุ่นเองถือว่าเป็นยุคสมัยแห่งการเปลี่ยนแปลง
เปลี่ยนผ่านจากเก่าสู่ใหม่ และเป็นช่วงที่เศรษฐกิจญี่ปุ่นเฟื่องฟูที่สุด
เชื่อว่า “ยุฟุอินโชวะคัง” แห่งนี้
จะปลุกความรู้สึกหวนหาอดีตขึ้นในใจผู้มาเยือนได้ไม่น้อย
สนู๊ปปี้ วิลเลจ (Snoopy Village)
คาเฟ่ของสาวกคนรักสนู๊ปปี้ (Snoopy) แวะพักดื่มชา กาแฟ ช็อกโกแลต ทานของว่าง
หรือช้อปปิ้ง
ของที่ระลึกการ์ตูนตัวโปรด คาแรคเตอร์สุดน่ารัก
Hachinosu craft works
ใครที่หลงใหลงานแฮนด์เมด แวะที่นี่ไม่มีผิดหวัง สะดุดตากับ เรือนกระจกโครงไม้ ซึ่งภายในเรียงรายด้วย
ผลิตภัณฑ์จากไม้
ทั้งเฟอร์นิเจอร์ ของแต่งบ้าน ชองใช้ ของเล่น ของที่ระลึก หรือจะแวะพักเหนื่อย
นั่งจิบชากาแฟที่คาเฟ่ชั้น 2 ชมวิวก็ชิลไปอีกแบบ
Totoro Ghibli House
เหล่าสาวกโตโตโระ (Totoro) ต้องไม่พลาด ที่นี่มีมุมถ่ายรูปสวยๆ ให้แชะภาพตั้งแต่หน้าร้านกันเลย
หรือจะเข้าไปช้อปของที่ระลึกน่ารักๆ ติดไม้ติดมือก็มีให้เลือกมากมาย
Explore Highlight :
เสพงานศิลป์ ที่ยุฟุอิน
กิจกรรมชิคๆ ที่สายอาร์ตไม่ควรพลาด ชวนคุณมาสัมผัสกับช่วงเวลาสุดพิเศษในการชมผลงานศิลปะ
หลากหลายแขนง
หอศิลป์ พิพิธภัณฑ์มากมายกระจายตัวอยู่ทั่วเมือง ท่ามกลางธรรมชาติ
อันอุดมสมบูรณ์ ถือเป็นเสน่ห์ที่หาที่ไหนไม่ได้
Yufuin-cho, Kawakami, Yufu, Oita
ไปยังสถานี Yufuin
ใช้เวลาประมาณ 55 นาที หรือจากสถานี
Hakata ในจังหวัดฟุกุโอกะ (Fukuoka) โดยสารรถไฟ Limited Express Yufu
ไปยังสถานี Yufuin ใช้เวลาประมาณ
2 ชั่วโมง 10 นาที จากสถานี Yufuin สามารถเดินเล่น นั่งรถลาก
นั่งรถม้า หรือปั่นจักรยานเที่ยวได้เลย

2.สถานีทะนุชิมะรุ
(Tanushimaru Station)
สถานีทะนุชิมะรุ
(Tanushimaru Station)
อาคารของสถานี JR Tanushimaru โดดเด่น
น่ารักไม่เหมือนใคร เป็นรูปลักษณ์ของกัปปะ
สัตว์ลึกลับในตำนาน
และภายในสถานียังมี Kapateria คาเฟ่ธีมกัปปะ ที่มีเมนูอาหาร ขนม
และเครื่องดื่มตกแต่งเป็นรูปกัปปะ
น่ารักน่าทานมากๆ เลยทีเดียว นอกจากนี้ ที่เมือง Tanushimaru
ยังใช้กัปปะเป็นมาสคอต
จึงมีรูปปั้นกัปปะในอิริยาบทต่างๆ อยู่ทั่วเมือง
1015-2 Tanushimarumachi, Tanushimaru, Kurume, Fukuoka
ไปยังสถานี Tanushimaru ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 15 นาที

3.เก็บผลไม้เมืองคุรุเมะ
(Kurume Fruit picking)
เก็บผลไม้เมืองคุรุเมะ
(Kurume Fruit picking)
เมืองคุรุเมะ ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจังหวัดฟุกุโอกะ (Fukuoka) เป็นเมืองเก่าแก่ที่ล้อมรอบ
ด้วยทือกเขา
มีอากาศที่อบอุ่น จึงปลูกผลไม้ได้หลากหลายชนิด สามารถเก็บเกี่ยวผลตลอดทั้งปี
กิจกรรมยอดนิยมไม่ควรพลาด
คือการเก็บผลไม้สดๆ จากฟาร์ม โดยสามารถรับประทานได้ไม่อั้น
(ตามเวลาที่กำหนด)
ฟาร์มบางแห่งสามารถเก็บผลไม้กลับบ้านได้ด้วย ทริปนี้เราจะพาไปท่องเที่ยว
แบบเชิงเกษตร ตะลุยเก็บและชิมลูกพลับจากต้น
ซึ่งหลายๆ คนอาจจะยังไม่รู้ว่า จังหวัด ฟุกุโอกะ
เป็นแหล่งปลูกผลไม้รสชาติเยี่ยม นอกจากลูกพลับ
ยังขึ้นชื่อเรื่องสตรอว์เบอร์รี่ โดยเฉพาะ
สายพันธุ์อะมะโอ (Amaou) ลูกใหญ่ หวานฉ่ำ รวมทั้งลูกพีช ส้ม แอปเปิ้ล
และองุ่นสายพันธุ์เคียวโฮ
(Kyoho) รสชาติหวานหอมสุดๆ ปลูกเยอะที่สุดที่เมือง Kurume แห่งนี้นั่นเอง
ตรวจสอบช่วงเวลาการเก็บผลไม้ประเภทต่างๆจากตารางข้างล่างนี้

3024 Tanushimarumachi Chitoku, Kurume, Fukuoka
แล้วต่อรถแท็กซี่ไปยังฟาร์มต่างๆ ในเมือง

4.วัดไดโคเซ็นจิ
(Daikozenji Temple)
วัดไดโคเซ็นจิ
(Daikozenji Temple)
เป็นวัดเก่าแก่ที่ตั้งอยู่ในเมืองคิยะมะ (Kiyama) จังหวัดซากะ (Saga) อีกหนึ่งจุดชมใบไม้เปลี่ยนสี
ที่ยอดเยี่ยมไม่แพ้ที่ไหนๆ
ในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนถึงต้นเดือนธันวาคม จะเต็มพรึบไปด้วยใบเมเปิ้ล
สีแดง และใบแปะก๊วยสีเหลืองอร่าม
บริเวณด้านหลังของอาคารหลักเป็นสวนชิงิริเอ็น (Shigiri-en)
ที่ทอดตัวยาวตามแนวเขา
สัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษกับการเดินลอดอุโมงค์ใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยงาม
ขึ้นไปตามขั้นบันไดหิน
ถือเป็นจุดถ่ายรูปที่ไม่ควรพลาด และเป็นความประทับใจที่อยากจะลืม
3628 Sonobe, Kiyama, Miyaki, Saga
จากนั้นต่อแท็กซี่ประมาณ 7 นาที

5.อิ่มอร่อยที่ยะไต
(Hakata Yatai)
ฮากาตะ ยะไต
(Hakata Yatai)
มาถึงฟุกุโอกะทั้งที Go Went Go ไม่พลาดลองชิมอาหารจาก “ยะไต (Yatai)” หรือร้านแผงลอย
ขายอาหารข้างทาง
วัฒนธรรมการกินอันเป็นเอกลักษณ์ สไตล์ท้องถิ่นอันโด่งดังแห่ง
ฟุกุโอกะ
เป็นร้านที่คนญี่ปุ่นมักไปกิน ดื่ม หลังเลิกงาน
“ยะไต” ที่ฮากาตะ จะเริ่มตั้งร้านเมื่อพระอาทิตย์ตกดิน
โดยมีการเปิดโคมไฟ และดึงดูดผู้คนที่ผ่านไปมาด้วยกลิ่มหอมๆ
ของอาหาร เสียงพูดคุยครึกครื้น
ของผู้คนที่มากันอย่างไม่ขาดสาย ยิ่งดึกก็จะยิ่งคึกคัก เมนูสุดฮิตที่เรียกว่าต้องชิมให้ได้
ไม่ว่าจะเป็น
ราเมงฮากาตะ ยากิโทริ (ไก่ย่าง) เทมปุระ ยากิโซบะ อุด้ง หม้อไฟเครื่องใน โดยย่านที่มีชื่อเสียงเรื่องยะไต
คือบริเวณนากาสุ (Nakasu) นั่นเอง เป็นอีกหนึ่งฟีลที่แนะนำให้มาลอง
Explore Highlight :
สุดยอดทงคตสึราเมง
ทงคตสึราเมง (Tonkotsu Ramen) เมนูดังที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก มีต้นกำเนิดที่ Hakata นี่เอง
ตั้งแต่เมื่อปีโชวะที่ 16
เอกลักษณ์ราเมงของฮากาตะคือ ความเข้มข้นของน้ำซุปต้มกระดูกหมูที่มีสีขาว
คล้ายสีของนม และเส้นราเมงตรงเรียวเล็ก
ซึ่งชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะนิยมลวกเส้นให้มีความแข็งนิดๆ
หากคุณต้องการเส้นแบบนุ่ม ก็สามารถสั่งได้ โดยหลักๆ จะมีอยู่ 3 ระดับ
คือ แข็ง ปานกลาง นุ่ม
บางร้านที่มีความละเอียดอ่อนใส่ใจเป็นพิเศษ จะมีให้เลือกกันถึง
5 ระดับ และอีกหนึ่งจุดเด่น
คือคุณสามารถสั่งเส้นเพิ่มในซุปที่เหลือในชามได้อีกด้วย
Explore Highlight :
เมนูเด็ดฟุกุโอกะ
ฟุกุโอกะขึ้นชื่อเรื่องของกินอร่อยๆ และเพื่อให้เข้าถึงจิตวิญญาณแห่งฟุกุโอกะ ขอแนะนำ
เมนูที่ห้ามพลาด
เมนไทโกะ (Mentaiko) หรือ
“ไข่ปลาค็อดปรุงรส”
ความพิเศษของเจ้าเมนูนี้อยู่ที่การปรุงรสชาติให้มีความเผ็ดขึ้น ถ้าเป็นคนที่ชอบกินไข่ปลาอยู่แล้ว
รับรองฟินแน่นอน
แค่วางบนข้าวร้อนๆ ก็อร่อยล้ำ ยิ่งกินยิ่งติดลม
มตสึนาเบะ (Motsunabe) หม้อไฟเครื่องใน
หากอยากหาเมนูอะไรที่ได้ซดน้ำซุปให้คล่องคอต้องไปโดน หม้อไฟแบบฮากาตะดั้งเดิมจะใส่เครื่องในวัว
เป็นวัตถุดิบหลัก
โดยเฉพาะไส้ที่ถือเป็นพระเอกของหม้อ ส่วนผักสดก็มีหลากหลาย ทั้งกะหล่ำปลี
กุยช่าย และที่ขาดไม่ได้คือพริกเพิ่มความแซ่บ
ความฟินจะอยู่ที่สามารถใส่เส้น หรือข้าวลงไป
และซดน้ำซุปจนหยดสุดท้าย
Nakasu Island, Hakata, Fukuoka
ตามแต่ละร้านค้า (*ส่วนใหญ่ปิดวันอาทิตย์)


PHOTO ALBUM


DAY 5

DAY 6 :
หุ่นยนต์กันดั้มยักษ์ > teamLab แห่งใหม่ > แสงสุดท้ายที่สวยที่สุด



1.ดิ เอาท์เล็ทส์ คิตะคิวชู
(The Outlets Kitakyushu)
ดิ เอาท์เล็ทส์ คิตะคิวชู
(The Outlets Kitakyushu)
แหล่งช้อปปิ้งแห่งใหม่ล่าสุด ตั้งอยู่ในเมืองคิตะคิวชู (Kitakyushu) จังหวัดฟุกุโอกะ (Fukuoka)
ถือเป็นศูนย์การค้าขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคคิวชู มีร้านค้า ร้านอาหาร มากมายหลากหลาย
ตั้งแต่แบรนด์ต่างประเทศยอดฮิตไปจนถึงแบรนด์ดังของญี่ปุ่น มากกว่า 300 ร้านค้า
รวมถึงมี
จำหน่ายผักและผลไม้สดใหม่ที่ปลูกโดยเกษตรกรท้องถิ่น นอกจากนี้ยังมีโซนสำหรับครอบครัว
ASOBLE ที่เป็นทั้งสนามเด็กเล่น และแหล่งเรียนรู้ให้เด็กๆ ได้ค้นพบ สัมผัสประสบการณ์ต่างๆ
ด้วยตนเอง
4 Chome-1-1 Higashida, Yahata-Higashi, Kitakyushu, Fukuoka
ลงที่สถานี Space World แล้วเดิน 2 นาที

2.หุ่นยนต์กันดั้มยักษ์
(Gundam Park Fukuoka)
หุ่นยนต์กันดั้มยักษ์
(Gundam Park Fukuoka)
เหล่าสาวกกันดั้มใจเต้นรัวๆ กับแลนด์มาร์คใหม่ล่าสุด! ของเมืองฟุกุโอกะ “หุ่นยนต์กันดั้ม
(RX-93ffv Nu Gundam)”
ขนาดเท่าของจริง มีความสูงประมาณ 25 เมตร หนักประมาณ
80 ตัน ตั้งเด่น
ตะหง่านอยู่บริเวณด้านหน้าศูนย์การค้ามิตซุย
ช้อบปิ้ง พาร์ค ลาลาพอร์ท
ฟุกุโอกะ (Mitsui Shopping Park LaLaport Fukuoka) พร้อมโชว์หุ่นกันดั้มขยับตัว
และเวลา 19:00 น. ในทุกวัน
จะมีโชว์การแสดง แสง สี เสียง ฉายเรื่องราวเกี่ยวกับกันดั้มบนผนังห้างอีกด้วย
อลังการสุดๆ
คนรักกันดั้มจ้องกันตาไม่กระพริบ นอกจากนี้ภายในศูนย์การค้า บริเวณชั้น 4 ยังมีโซน Gundam Park Fukuoka
ที่รวมความบันเทิง และความสนุกสนานแบบฉบับสวนสนุก และสินค้าที่เกี่ยวกับกันดั้ม
นานาชนิด มาที่นี่ที่เดียวเรียกว่าจบครบรส
ฟินกันทั้งวัน
6-chome-23-1 Naka, Hakata, Fukuoka

3.ไอซ์แลนด์ อายส์
(Island Eye)
ไอซ์แลนด์ อายส์
(Island Eye)
หากอยากลองใช้ชีวิตแบบคนเมืองฟุกุโอกะแล้วละก็ แนะนำนี่ที่เลย Island Eye คอมมิวนิตี้มอลล์
ไลฟ์สไตล์คนเมือง ศูนย์รวมความสุขความบันเทิง ชิลครบจบในที่เดียว จะมาเป็นคู่ ครอบครัว
หรือแก๊งค์เพื่อน
ทั้งช้อปปิ้ง ทานอาหาร ดูหนัง ชมนิทรรศการ เวิร์คช็อป สามารถเพลิดเพลินกับกิจกรรมกันได้ตลอดทั้งวัน
Island Eye จึงเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกสำหรับวันสบายๆ ของสายชิล
6-6-6 Kashiiteriha, Higashi, Fukuoka
ลงที่สถานี Chihaya แล้วต่อรถบัสประมาณ 15 นาที

4.บอส อี โซะ ฟุกุโอกะ
(BOSS E-ZO FUKUOKA)
บอส อี โซะ ฟุกุโอกะ
(BOSS E-ZO FUKUOKA)
ออกไปสำรวจความสนุกท้าทายใหม่ๆ ปลุกความแอดเวนเจอร์ในตัวคุณที่ บอส อี โซะ ฟุกุโอกะ
ภายในอาคารแห่งนี้ อัดแน่นไปด้วยความบันเทิงในแบบที่คุณจะได้รับประสบการณ์แปลกใหม่ ตื่นตา
ระทึกใจ
ทั้งเครื่องเล่นสนุกๆ หวาดเสียว และที่พลาดไม่ได้เลยกับ “teamLab Forest” งานศิลปะ
แบบอินเทอร์แอคทีฟ
(Interactive Art) ที่ผู้ชมสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับผลงานศิลปะแต่ละชิ้น
ได้อย่างน่าทึ่ง
ใครที่ชื่นชอบงานศิลปะดิจิทัล ต้องไม่พลาดชมผลงานสร้างสรรค์สุดตราตรึงใจนี้
ซึ่งจะมีการปรับเปลี่ยนเรื่องราว
และสีสันไปตามฤดูกาลตลอดทั้งปี ที่นี่ถือได้ว่าครบครัน
ทุกความสนุกสนาน เพลิดเพลินได้ตลอดทั้งวัน
เสพความบันเทิงวนไปแบบไม่มีเบื่อแน่นอน
2-2-6 Jigyohama, Chuo, Fukuoka
โซนสวนสนุก 11:00 – 19:00 น.
Food Hall 11:00 – 22:00 น.

5.ศาลเจ้ามิยาจิดาเกะ
(Miyajidake Shrine)
ศาลเจ้ามิยาจิดาเกะ
(Miyajidake Shrine)
ปิดท้ายทริปเที่ยวญี่ปุ่นมุมมองใหม่ กับ GoWent Go กันที่ ศาลเจ้ามิยาจิดาเกะ ที่รวมเอาของ
ศักดิ์สิทธิ์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นไว้
ไม่ว่าจะเป็นเชือกชิเมะนาวะ (Shimenawa) สัญลักษณ์แสดง
เขตแดนศักดิ์สิทธิ์ กลองไทโกะ (Taiko) และระฆังทองแดง
ในแต่ละปีจะมีผู้มาเยือนนับล้าน มาขอพร
ให้ประสบความสำเร็จด้านการค้า
โชคลาภ และขอให้ผ่านพ้นความยากลำบาก
ที่ศาลเจ้าแห่งนี้
ยังโด่งดังเรื่องจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกดินที่ยอดเยี่ยมที่สุด
อยู่บริเวณถนนหน้าศาลเจ้าที่เป็นทางเดิน
ทอดยาวจากเสาโทริอิไปสู่ทะเล ภาพดวงอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้า
มีเส้นแสงนำสายตาไปสู่
ทะเลกว้างฉาบประกายระยิบระยับ เป็นภาพที่งดงามสุดบรรยาย ได้รับสมญานามว่าเป็น
“ทางเดินแห่งแสงสว่าง (Path of Light)” ควรค่าแก่การมาเยือนสักครั้ง
7-1 Miyaji Motomachi, Fukutsu, Fukuoka


PHOTO ALBUM


DAY 6




ลิงก์บทความที่เกี่ยวข้อง

23 สิ่งที่ต้องกลับไปโดนที่ญี่ปุ่นในปี 2023!
จัดทริปแบบ ‘ความคุ้นเคยบวกความแปลกใหม่’
: โกเบ-อาวาจิ-คางาวะ-ชิโกกุ-ฟุกุโอกะ


