สตรอว์เบอร์รีหลากหลายพันธุ์ของญี่ปุ่น

© photoAC

© Fukuoka City

เชื่อว่าหากได้มีโอกาสไปเที่ยวญี่ปุ่น หลายคนคงอยากจะได้ลิ้มลองรสชาติของสตรอว์เบอร์รีญี่ปุ่นที่ทั้งหอมทั้งหวานกันอย่างแน่นอน อันที่จริงแล้วสตรอว์เบอร์รีญี่ปุ่นนั้นมีหลากหลายสายพันธุ์มาก ซึ่งในครั้งนี้เราจะยกตัวอย่างสายพันธุ์ที่ได้รับความนิยมเป็นพิเศษให้ได้รู้จักกัน

strawberry-in-japan-03

© Naoko Takano

มิงะคิ-อิจิโกะ (Migaki-Ichigo)

สตรอว์เบอร์รีมิงะคิ-อิจิโกะ (Migaki-Ichigo) สตรอว์เบอร์รีหรูระดับพรีเมี่ยม ราคาสูงถึงผลละ 1,000 เยน จนได้รับการขนานนามว่าเป็น “อัญมณีที่ทานได้” เป็นสตรอว์เบอร์รีแบรนด์ใหม่ ที่บริษัทด้านไอทีแห่งหนึ่งในโตเกียว ได้ผลิตขึ้นภายใต้โครงการฟื้นฟูจังหวัดมิยะงิ (Miyagi) หลังจากที่ประสบเหตุแผ่นดินไหวในปีค.ศ. 2011 โดยใช้ระบบคอมพิวเตอร์ในการควบคุมอุณหภูมิและความชื้นอย่างเข้มงวดพิถีพิถัน ทำให้ได้ผลผลิตเป็นสตรอว์เบอร์รีที่รสชาติหวานอร่อย

โดยฤดูเก็บเกี่ยวจะเริ่มเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนมิถุนายน

strawberry-in-japan-04

© photoAC

โทะจิโอะโทะเมะ (Tochiotome)

สตรอว์เบอร์รีโทะจิโอะโทะเมะ (Tochiotome) พันธุ์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากที่สุด ส่วนใหญ่ปลูกในจังหวัดโทชิงิ (Tochigi) เป็นที่นิยมมากเพราะมีรสชาติหวานอร่อย โทชิงิ (Tochigi) เป็นจังหวัดที่มีผลผลิตสตรอว์เบอร์รีจำนวนมาก

 โดยฤดูเก็บเกี่ยวจะเริ่มเดือนพฤศจิกายนไปจนถึงเดือนพฤษภาคม

strawberry-in-japan-05

เนียวโฮ (Nyoho)

สตรอว์เบอร์รีเนียวโฮ (Nyoho) ซึ่งเอกลักษณ์ของสตรอว์เบอร์รีสายพันธุ์นี้คือ ลักษณะของผลที่ได้รูปสวยงาม มีแหล่งผลิตอยู่ในแถบจังหวัดโทชิงิ (Tochigi) และจังหวัดใกล้เคียง เนื้อค่อนข้างไปทางแข็งเล็กน้อย จึงสามารถเก็บไว้ได้นานกว่าสายพันธุ์อื่น มักนำไปใช้ประกอบการทำขนมเค้กชนิดต่างๆ

โดยฤดูเก็บเกี่ยวจะเริ่มเดือนพฤศจิกายนไปจนถึงเดือนเมษายน

strawberry-in-japan-06

บิจินฮิเมะ (Bijinhime)

สตรอว์เบอร์รีบิจินฮิเมะ (Bijinhime) เป็นพันธุ์สตรอว์เบอร์รีที่มีขนาดใหญ่มาก น้ำหนักถึงกว่า 80 กรัม โดยมากปลูกในจังหวัดกิฟุ (Gifu) มีการแบ่งออกเป็นเกรดต่างๆตามขนาดและลักษณะ ซึ่งเกรดที่แพงที่สุดนั้นมีราคาสูงถึง 50,000 เยน (ประมาณ 16,000 บาท) ต่อผลเลยทีเดียว

โดยฤดูเก็บเกี่ยวจะเริ่มเดือนมกราคมจนถึงเดือนมีนาคม

strawberry-in-japan-07

© Flickr

เบะนิฮปเปะ (Benihoppe)

สตรอว์เบอร์รีเบะนิฮปเปะ (Benihoppe) คือสตรอว์เบอร์รีสายพันธุ์ที่ได้ชื่อว่ามีรสชาติหวานที่สุดในญี่ปุ่น มีแหล่งเพาะปลูกอยู่ในแถบจังหวัดชิซุโอกะ (shizuoka) และจังหวัดใกล้เคียง

โดยฤดูเก็บเกี่ยวจะเริ่มเดือนธันวาคมไปจนถึงเดือนพฤษภาคม

strawberry-in-japan-08

© Flickr

โมะโมะ-อิจิโกะ (Momo-Ichigo)

สตรอว์เบอร์รีโมะโมะ-อิจิโกะ (Momo-Ichigo) ที่มาของชื่อเรียก โมะโมะอิจิโกะ (Momo-Ichigo) นี้มาจากคำว่า “โมะโมะ (Momo) (พีช)” และ “อิจิโกะ (Ichigo) (สตรอว์เบอร์รี)” เนื่องจากผลสตรอว์เบอร์รีสายพันธุ์นี้มีรูปร่างกลมคล้ายลูกพีชนั่นเอง ปลูกแค่ในบางท้องที่ของจังหวัดโทคุชิมะ (Tokushima) เท่านั้น จึงให้ผลผลิตน้อย

โดยฤดูเก็บเกี่ยวจะเริ่มเดือนธันวาคมจนถึงเดือนมีนาคม

strawberry-in-japan-09

© photoAC

อะมะโอ (Amaou)

สตรอว์เบอร์รีอะมะโอ (Amaou) มีแหล่งปลูกอยู่ที่จังหวัดฟุคุโอกะ (Fukuoka) ขนาดผลใหญ่กว่าพันธุ์อื่น และมีรสหวาน เนื้อค่อนข้างแข็งเล็กน้อยแต่รสชาติหวานชุ่มฉ่ำ ซึ่งถือเป็นลักษณะเด่นของสตรอว์เบอร์รีพันธุ์นี้ ชื่อ อะมะโออุ (Amaou) มาจากตัวอักษรตัวแรกของคำในภาษาญี่ปุ่นสี่คำ ได้แก่คำว่า “อะกะอิ (Akai) (สีแดง)” “มะรุอิ (Marui) (ทรงกลม)” “โอคิอิ (Ookii) (ขนาดใหญ่)” และ “อุมะอิ (Umai) (อร่อย)” นั่นเอง

โดยฤดูเก็บเกี่ยวจะเริ่มเดือนธันวาคมไปจนถึงเดือนมีนาคม

strawberry-in-japan-10

ซะกะโฮะโนะกะ (Sagahonoka)

สตรอว์เบอร์รีซะกะโฮะโนะกะ (Sagahonoka) มีกลิ่นหอม มักนำไปใช้ประกอบการทำขนมชนิดต่างๆ สตรอว์เบอร์รีพันธุ์นี้อุดมไปด้วยวิตามินซี จึงมีประโยชน์อย่างมากต่อสุขภาพและความงาม

โดยฤดูเก็บเกี่ยวจะเริ่มเดือนพฤศจิกายนไปจนถึงเดือนพฤษภาคม

นอกจากสายพันธุ์ตามที่ได้แนะนำไว้ข้างต้นแล้ว ญี่ปุ่นยังเต็มไปด้วยสตรอว์เบอร์รีสายพันธุ์อื่นๆ อีกมากมาย หากได้มีโอกาสไปเที่ยวญี่ปุ่น ก็ไม่ควรพลาดที่จะหาชิมสตรอว์เบอร์รีพันธุ์โปรดของตัวเองให้ได้ ซึ่งนอกจากสตรอว์เบอร์รีแล้ว ในเว็บไซต์ขององค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศญี่ปุ่น (JNTO) ยังมีข้อมูลเกี่ยวกับผลไม้ชนิดอื่นๆ อีกมากมาย เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับนักท่องเที่ยวอีกด้วย

จดหมายข่าวอื่นๆ