เดินไปตามที่แสนเร้นลับ ลัดเลาะตามวัดศาลเจ้าที่ลึกลับที่ญี่ปุ่น

2103_temple_02
ทางเดินบนสันเขาสูงที่ไปยังศาลเจ้าอิชิซุจิ (Ishizuchi Shrine)
2103_temple_05
ศาลเจ้าโทกะคุชิ (Togakushi Shrine) รายล้อมด้วยป่าทึบ

ประเทศญี่ปุ่น เป็นประเทศที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 400 ปีนับตั้งแต่สมัยเอโดะ ซึ่งเป็นสมัยที่วัฒนธรรมต่าง ๆ มีความเจริญรุ่งเรือง และขนบธรรมเนียมประเพณี โบราณสถานมากมายเหล่านั้น ก็ยังคงหลงเหลืออยู่จวบจนปัจจุบัน ซึ่งนั่นก็รวมไปถึงวัด และศาลเจ้า ที่มีจำนวนกว่า 58,000 แห่งตั้งกระจายอยู่ทั่วทั้งเกาะ (จากฐานข้อมูลในปี ค.ศ. 2017) มนต์เสน่ห์ของวัด และศาลเจ้าแต่ละแห่งในประเทศญี่ปุ่นไม่เพียงแต่สวยงามทรงคุณค่าเท่านั้น แต่ยังมีความลึกลับ และมีเรื่องราวของตัวเองที่ซ่อนอยู่

วัด และศาลเจ้า มีความแตกต่างกันอย่างไร?

วัด และศาลเจ้า เป็นศาสนสถานทั้งคู่ แต่วัดเป็นของศาสนาพุทธ ส่วนศาลเจ้าเป็นของชินโต ซึ่งมีความเชื่อ และธรรมเนียมปฏิบัติไม่เหมือนกัน ลักษณะภายนอกของวัด และศาลเจ้า ที่ต่างกันอย่างสังเกตเห็นได้ง่ายคือ

วัด

  1. เป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูป และมีพระสงฆ์อาศัยอยู่
  2. มีซุ้มประตู เรียกว่า ซัมมง (Sanmon) ทั้งสองฟากของซุ้มประตูจะมีรูปปั้นเทพทวารบาล และมีกระถางธูป ที่สามารถโบกควันจากกระถางเข้าหาตัวเองเพื่อความเป็นสิริมงคล
  3. ชื่อมักจะลงท้ายด้วยคำว่า จิ (Ji)

ศาลเจ้า

  1. จะมีเสาประตูโทริอิสีแดง ตั้งตระหง่านอยู่บริเวณทางเข้า และเป็นที่สถิตของเทพเจ้า
  2. มีบ่อน้ำชำระล้างร่างกาย (บางวัดอาจมีเหมือนกัน)
  3. มักจะลงท้ายด้วยคำว่า จิงกู (Jingu), จิงจะ (Jinja) หรือ ไทฉะ (Taisha)

ในครั้งนี้จะแนะนำวัดและศาลเจ้าที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่แสนจะดูลึกลับในประเทศญี่ปุ่น พร้อมลัดเลาะไหว้พระขอพรและดื่มด่ำไปกับธรรมชาติได้ทั้งสี่ฤดูกาลที่แตกต่าง

ฮิราอิซุมิ (Hiraizumi), อิวะเตะ (Iwate)

ฮิราอิซุมิ (Hiraizumi), อิวะเตะ (Iwate)

วัดชูซนจิ (Chusonji) กับไฟประดับยามค่ำคืน

ฮิราอิซุมิ (Hiraizumi), อิวะเตะ (Iwate)

วัดทัคโคคุ โนะ อิวายะ (Takkoku no Iwaya) มีจุดเด่น
โดยสร้างติดไปกับผาหินของภูเขา

ฮิราอิซุมิ (Hiraizumi) ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของจังหวัดอิวะเตะ (Iwate) มีภูมิประเทศที่ล้อมรอบไปด้วยภูเขาและแม่น้ำหลายสาย เป็นดินแดนภายใต้อิทธิพลของตระกูลฟูจิวะระ (Fujiwara Clan) ตระกูลขุนนางชั้นสูงนำโดย ฟูจิวะระ คิโยะฮิระ (Fujiwara Kiyohira) ที่ขยายอำนาจมาทางตอนเหนือของประเทศญี่ปุ่น ตั้งตัวเป็นสาขาเหนือของตระกูลฟูจิวะระ ได้ทำการสร้างดินแดนที่เป็นศูนย์กลางของศาสนาพุทธไว้ที่ฮิราอิซุมิ (Hiraizumi) เทียบเคียงกับเกียวโต (Kyoto) อยู่ภายใต้การปกครองของตระกูลฟูจิวะระยาวนานถึง 3 รุ่น ด้วยระยะเวลากว่า 100 ปี ฮิราอิซุมิ (Hiraizumi) ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมในเดือนมิถุนายน ปี ค.ศ. 2011

เดินทางเที่ยวบริเวณฮิราอิซุมิ (Hiraizumi) ได้ง่าย ๆ โดยรถบัส Loop Bus Run Run สามารถเที่ยวชมวัดมรดกโลกและสถานที่น่าสนใจได้โดยรอบ ค่าโดยสารอยู่ที่ 150 เยนสำหรับผู้ใหญ่ และ 80 เยนสำหรับเด็ก หรือเลือกซื้อ 1 Day Pass 450 เยน เพื่อความคุ้มค่าในการท่องเที่ยวมากที่สุด จากสถานีฮิราอิซุมิ (Hiraizumi Station) รถบัสจะออกทุก ๆ 30 นาที ในวันธรรมดา ทุก 15-20 นาที ในวันหยุด รถบัสจะจอดทั้งหมด 8 ป้ายตลอดเส้นทาง สามารถซื้อพาสได้ที่ Hiraizumi Tourist Information Center หน้าสถานีหรือบนรถบัสได้เช่นกัน

ในบริเวณฮิราอิซุมิ (Hiraizumi) มีวัดและสถานที่น่าสนใจที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกอยู่หลายแห่ง อาทิเช่น

  • ศูนย์มรดกทางวัฒนธรรมฮิราอิซุมิ (Hiraizumi Cultural Heritage Center)
  • ร่องรอยวัดคันจิไซโออิน (Kanjizaio-in Ato)
  • ร่องรอยวัดมูเรียวโคอิน (Muryoko-in Ato)
  • ภูเขาคินเคอิซัน (Mt. Kinkeisan)
  • วัดชูซนจิ (Chusonji)
  • วัดโมสึจิ (Motsuji)
  • วัดทัคโคคุ โนะ อิวายะ (Takkoku no Iwaya) เป็นต้น

วัดชูซนจิ (Chusonji) ตั้งอยู่บริเวณตะวันตกเฉียงเหนือของสถานี สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 850 ในสมัยก่อนรอบบริเวณวัดนั้นมีอาคารรวมกันมากถึง 40 อาคาร และมีนักบวชอยู่ที่นี่มากถึง 300 รูป เป็นวัดที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของฮิราอิซุมิ (Hiraizumi) โดยการเยี่ยมวัดนั้นจะแบ่งออกเป็นหลัก ๆ 4 บริเวณ เริ่มจากทางเข้าไปสู่วัด เป็นเส้นทางเดินเนินสึคิมิซะกะ(Tsukimisaka) หรือทางเดินชมจันทร์ มีต้นสนซีดาร์อายุกว่า 400 ปีปลูกไว้ตลอดสองข้างทางที่ดูลึกลับเหมือนเดินหลงไปในดินแดนอื่นที่ตัดขาดจากโลกภายนอก ปัจจุบันนี้อาคารดั้งเดิมของวัดชูซนจิ (Chusonji) ที่ยังหลงเหลืออยู่มีเหลือเพียง 2 อาคาร ประกอบไปด้วยฮอนโดะ (หอหลัก) (Main Hall) สถานที่ทำพิธีกรรมทางศาสนาของวัด และคงจิคิโดะ (Konjikido) อาคารโถงเล็กภายในถูกเคลือบไปด้วยสีทอง นอกจากนี้ยังสามารถเข้าชมและศึกษาสมบัติของวัดที่เก็บรวบรวมไว้มากถึง 3,000 ชิ้นภายในพิพิธภัณฑ์ซังโคโซ (Sankozo Museum) ได้อีกด้วย

วัดชูซนจิ (Chusonji) มีงานเทศกาลและกิจกรรมมากมายจัดขึ้นตลอดทั้งปี รวมไปถึงพิธีสวนมนต์ขอพรให้ประสบความสำเร็จในเรื่องต่าง ๆ หรือแคล้วคลาดจากสิ่งร้าย ๆ ในชีวิตก็มีให้บริการเช่นกัน
เทศกาลประจำปี https://www.chusonji.or.jp/event/index.html (ภาษาอังกฤษ)
พิธีสวดมนต์ขอพร https://www.chusonji.or.jp/prayer/index.html (ภาษาอังกฤษ)

วัดโมสึจิ (Motsuji) สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 850 ถัดออกไปทางตะวันตกของสถานี วัดแห่งนี้มีจุดเด่นที่บ่อน้ำกลางพื้นที่วัด ซึ่งแต่เดิมจะมีอาคารของวัดมากมายตั้งอยู่โดยรอบบริเวณบ่อน้ำขนาดใหญ่กว่า 65,000 ตารางเมตร ปัจจุบันนี้อาคารหลักหรือฮอนโดะ (Hondo) ได้ถูกปรับปรุงใหม่จนแล้วเสร็จในปี ค.ศ. 1989 สามารถเดินชมบ่อน้ำหรือศึกษาประวัติศาตร์ของวัดได้ภายในสวนและภายในหอสมบัติ นอกจากนี้ยังมีการแสดงที่สำคัญของวัดโมสึจิ (Motsuji) เรียกว่า เอ็นเน็ง (Ennen) มีความหมายว่า “อายุยืนยาว” มีการแสดงมากกว่า 10 แบบที่ยังคงอนุรักษ์เอาไว้ อย่างเช่น เดงงะคุ โอะโดะริ (Dengaku Odori), จะคุโจะ (Jakujo) หรือ โระมะอิ (Romai) เป็นต้น ในช่วงกลางศตวรรษที่ 19 การแสดงหลายแบบได้หายไป แต่หนึ่งในการแสดงอย่าง โทะโดะเมะโดริ (Todomedori) ได้รับการฟื้นฟูให้กลับมาแสดงได้อีกครั้ง

วัดทัคโคคุ โนะ อิวายะ (Takkoku no Iwaya) สร้างขึ้นประมาณ 1,200 ปีก่อนเพื่อเป็นระลึกถึงชัยชนะของการขยายอิทธิพลของรัฐบาลสู่ดินแดนทางเหนือ ภายในมีรูปปั้นของบิชะมอง (Bishamon) เทพแห่งสงครามมากถึง 108 องค์ ปัจจุบันเหลือเพียง 33 องค์ นักท่องเที่ยวจะสามารถชมรูปปั้นทั้ง 33 ได้ในทุก ๆ 33 ปีเท่านั้น อาคารวัดทัคโคคุ โนะ อิวายะ (Takkoku no Iwaya) ได้ทำการจำลองแบบการก่อสร้างมาจากวัดคิโยมิซุเดระ (Kiyomizu-dera Temple) จังหวัดเกียวโต (Kyoto) สร้างแล้วเสร็จในปี ค.ศ. 1961 มีจุดเด่นเรื่องของเสาและคานไม้ที่ต่อกันสูงหลายชั้นคอยประคองตัววัดให้สูง โดยสร้างติดไปกับผาหินของภูเขาบริเวณนั้น เป็นจุดเด่นที่สำคัญที่นักท่องเที่ยวอยากมาเยี่ยมชมความาสวยงามของโครงสร้างและอาคารของวัดแห่งนี้ ข้างกันนั้นมีงานแกะสลักพระพุทธรูปสูง 6.5 เมตรบนผาหิน ซึ่งมีอายุนานกว่า 920 ปี

รายละเอียดสถานที่เพิ่มเติม

ที่อยู่ Hiraizumi Station Tourist Information Center
76, Izumiya, Aza, Hiraizumi, Hiraizumi-cho, Nishiwaki-gun, Iwate
แผนที่
การเดินทาง จากสถานี Tokyo โดยสารรถไฟ Tohoku Shinkansen ไปลงที่สถานี Ichinoseki ใช้เวลา 2 ชั่วโมง 20 นาที จากนั้นโดยสารรถไฟ JR Tohoku Main Line ไปลงที่สถานี Hiraizumi ใช้เวลา 8 นาที แล้วเดินทางต่อไปจุดต่าง ๆ ด้วยรถบัส หรือปั่นจักรยาน
เวลาทำการ
ชูซนจิ (Chusonji)
1 มี.ค. – 3 พ.ค. 8:30-17:00 น.
4 พ.ค. – ปลายเดือนก.พ. 8:30-16:30 น.
วัดโมสึจิ (Motsuji)
5 มี.ค. – 4 พ.ย. 8:30-17:00 น.
5 พ.ย. – 4 มี.ค. 8:30-16:30 น.

วัดทัคโคคุ โนะ อิวายะ (Takkoku no Iwaya)
เม.ย. 8:00-17:30 น.
พ.ค. – ส.ค. 8:00-18:00 น.
ก.ย. – พ.ย. 8:00-17:00 น.
ธ.ค. – ม.ค. 8:00-16:30 น.
ก.พ. – มี.ค. 8:00-17:00 น.

วันหยุด
ชูซนจิ (Chusonji)
ไม่มี
วัดโมสึจิ (Motsuji)
ไม่มี

วัดทัคโคคุ โนะ อิวายะ (Takkoku no Iwaya)
วันจันทร์ (วันอังคารหากวันจันทร์เป็นวันหยุด), วันหลังวันหยุด, วันหยุดช่วงสิ้นปี และปีใหม่

ค่าใช้จ่าย
ชูซนจิ (Chusonji)
ผู้ใหญ่ 800 เยน / เด็กมัธยมปลาย 500 เยน / เด็กมัธยมต้น 300 เยน / เด็กประถม 200 เยน
วัดโมสึจิ (Motsuji)
ผู้ใหญ่ 700 เย น/ เด็กมัธยมปลาย 400 เยน / นักเรียนประถมศึกษาและมัธยมต้น 200 เยน

วัดทัคโคคุ โนะ อิวายะ (Takkoku no Iwaya)
ผู้ใหญ่ 300 เยน / นักเรียนมัธยมปลาย 200 เยน / นักเรียนประถมและมัธยมต้น 100 เยน

เว็บไซต์ (ภาษาญี่ปุ่น) http://hiraizumi.or.jp/heritage/
https://www.chusonji.or.jp/
https://www.motsuji.or.jp/
https://hiraizumi.or.jp/ch/archive/sightseeing/takkoku.html
เว็บไซต์ (ภาษาอังกฤษ) http://hiraizumi.or.jp/en/index.html
https://www.chusonji.or.jp/language_en/index.html
https://www.motsuji.or.jp/en/
https://visitiwate.com/article/4790
เว็บไซต์ (ภาษาไทย) http://hiraizumi.or.jp/th/index.html
https://www.chusonji.or.jp/language_th/index.html
https://www.motsuji.or.jp/th/
https://visitiwate.com/th/article/4790?redir

วัดนันเซนจิ (Nanzen-ji Temple), ชิซุโอกะ (Shizuoka)

วัดนันเซนจิ (Nanzen-ji Temple)

วัดนันเซนจิ (Nanzen-ji Temple)

วัดนันเซนจิ (Nanzen-ji Temple)

ศาลาพระพุทธรูปคะวะซุ เฮอัน (Kawazu Heian Buddha Statue Pavilion)

@ Kawazu Heian Buddha Statue Pavilion

วัดนันเซนจิ (Nanzen-ji Temple) ตั้งอยู่ในคะวะซุ (Kawazu) จังหวัดชิซุโอกะ (Shizuoka) เมืองที่เป็นที่นิยมในเรื่องของการมาพักผ่อนแช่อนเซ็น และการชมดอกซากุระเบ่งบานในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ถึงต้นเดือนมีนาคม

ศาลาพระพุทธรูปคะวะซุ เฮอัน (Kawazu Heian Buddha Statue Pavilion) ตั้งอยู่ข้างกันกับวัดนันเซนจิ (Nanzen-ji Temple) เปิดให้เข้าชมในเดือนกุมภาพันธ์ปี ค.ศ.2013 เป็นที่จัดแสดงพระพุทธรูปที่สร้างขึ้นในสมัยเฮอันกว่า 24 องค์ ที่ถูกเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี นำมาจากหลายจังหวัดเช่น ไซตะมะ (Saitama) โตเกียว (Tokyo) ชิบะ (Chiba) และคะงะวะ (Kanagawa) แม้ว่าพระพุทธรูปบางองค์จะมีสภาพที่ไม่สมบูรณ์จากความเก่าแก่แต่ให้เห็นถึงความศักดิ์สิทธิ์และงดงามขององค์พระได้เช่นกัน และหนึ่งในพระพุทธรูปที่เก่าแก่คือ ยะคุชิ เนียวไร (Yakushi Nyorai) ในยุคเฮอัน หรือช่วงปี ค.ศ.794-1195 ซึ่งเป็นพระประธานของวัดนันเซนจิ (Nanzen-ji Temple) เป็นพระพุทธรูปที่เก่าแก่ที่สุดในจังหวัดชิซุโอกะ (Shizuoka) รวมถึงรูปปั้นจิโซโบซัทสึ (Jizo Bosatsu) ที่เก่าแก่ที่สุดในทะเลตะวันออก (ศตวรรษที่ 10) และรูปปั้นยืนของนิเตน (ศตวรรษที่ 10) ซึ่งจัดแสดงในเยอรมนี สวิตเซอร์แลนด์ และสวีเดนในปี พ.ศ. 2521 และได้รับการยกย่องจากหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น

ไม่ไกลจากวัดนันเซนจิ (Nanzen-ji Temple) มีต้นชิโนะกิขนาดใหญ่อายุประมาณ 500 ปี ซึ่งเป็นที่เล่าขานกันว่าเป็นที่สิงสถิตของเทนงู (Tengu) หลังจากเดินทางลงมาที่เมืองคะวะซุ (Kawazu) เป็นดั่งกระดูกสันหลังของเมือง มีพลังจำนวนมากสะสมมาเป็นเวลานานจนเหมือนกำลังพูดคุยกับคุณอยู่ตลอดเวลาหากได้เข้าไปเยี่ยมชม

ประสบการณ์พิเศษกับการเที่ยววัดในบริเวณนี้ คือการเดินทางไปกับรถตุ๊กตุ๊ก ระหว่างวัดกัปปะ โนะ เทะระ เซโซคุจิ (Kappa no Tera Seisoku-ji Temple) และวัดนันเซนจิ (Nanzen-ji Temple) สามารถโดยสารได้พร้อมกันสูงสุดถึง 7 คน เปิดประสบการณ์ใหม่ของการเดินทางแบบที่คุ้นเคยในประเทศญี่ปุ่น สามารถเดินทางได้โดยการรับแสตมป์สีแดงที่วัดกัปปะ โนะ เทะระ เซโซคุจิ (Kappa no Tera Seisoku-ji Temple) ใช้เวลาเดินทาง 7 นาที สามารถโดยสารได้ระหว่างเวลา 10:00 น. – 12:00 น. และ 13:00 น. – 15:00 น. (หยุดทุกวันพุธและวันที่ฝนตก)

รายละเอียดสถานที่เพิ่มเติม

ที่อยู่ Nanzen-ji Temple
129 Yatsu, Kawazu, Kamo District, Shizuoka
แผนที่
การเดินทาง จากสถานี Tokyo โดยสารรถไฟ Odoriko Limited Express ลงสถานี Kawazu ใช้เวลา 2 ชั่วโมง 30 นาที จากนั้นโดยสารรถแท็กซี่ 7 นาที หรือ เดิน 30 นาที
เวลาทำการ 10:00 น. – 16:00 น.
วันหยุด หยุดทุกวันพุธ
วันที่ 29 ธันวาคม – 3 มกราคม
ค่าใช้จ่าย 300 เยน
เว็บไซต์ (ภาษาญี่ปุ่น) http://hellonavi.jp/detail/page/detail/1239
https://www.at-s.com/facilities/article/view/temple/133889.html
http://kkmiya.com/archives/portfolio-item/buddha/
เว็บไซต์ (ภาษาอังกฤษ) https://www.guidoor.jp/en/places/1849
https://japantravel.navitime.com/en/area/jp/spot/02301-t6694/
http://www.fuji-travel-guide.com/news-item/2664/
เว็บไซต์ (ภาษาไทย)

ศาลเจ้าโทกะคุชิ (Togakushi Shrine), นะงะโนะ (Nagano)

2103_temple_06

ทางเข้าศาลเจ้าโทกะคุชิ (Togakushi Shrine)
เรียงรายไปด้วยต้นซีดาร์ใหญ่ พร้อมหิมะปกคลุม

2103_temple_08

โอะคุฉะ (Okusha) ศาลเจ้าชั้นบน
ซึ่งเป็นศาลเจ้าหลักของศาลเจ้าโทกะคุชิ (Togakushi Shrine)

ศาลเจ้าโทกะคุชิ (Togakushi Shrine) ตั้งอยู่ใจกลางป่าเขาโทกะคุชิ (Mt. Togakushi) ห่างออกไปทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองนะงะโนะ (Nagano) เป็นหนึ่งในยอดเขาศักดิ์สิทธิ์ของญี่ปุ่น ป่าไม้และศาลเจ้ามีตำนานมากมาย มีชื่อขึ้นเมื่อ 2,000 ปีก่อน การเดินบนภูเขานี้ให้ความรู้สึกเหมือนย้อนกลับไปสู่ยุคอื่น

ภายในพื้นที่ศาลเจ้าโทกะคุชิ (Togakushi Shrine) แบ่งออกเป็น 3 ส่วน โดยมีศาลเจ้าชั้นล่าง ศาลเจ้าชั้นกลาง ศาลเจ้าชั้นบน และประกอบไปด้วยศาลเจ้า 5 แห่งที่สามารถเดินเชื่อมถึงกันได้ ซึ่งได้แก่

1. โฮโคฉะ (Hokosha) ศาลเจ้าชั้นล่าง
เทพเจ้าในศาลเจ้าแห่งนี้ จะช่วยพัฒนาการศึกษาเล่าเรียนและทักษะด้านศิลปะการทอผ้า และปกป้องคุ้มครองการคลอดบุตรให้ปลอดภัยทั้งแม่และเด็ก ครอบคลุมถึงอนาคตที่โชคดี ตัวศาลเจ้านั้นเด่นในงานแกะสลัก

2. ฮิโนะมิโคะฉะ (Hinomikosha) อยู่ทางด้านขวาของศาลเจ้าชั้นล่างโฮโคฉะ
ศาลเจ้านี้มีบรรยากาศเงียบสงบ เชื่อกันว่ามีเทพเจ้าที่เคยเต้นรำสักการะบูชาที่หน้าประตูหินแห่งนี้ ทำให้ได้รับความศรัทธาในเรื่องช่วยเพิ่มทักษะด้านศิลปะการแสดง ช่วยให้สมหวังในความรัก และป้องกันอัคคีภัย มีต้นสึกิสามีภรรยา ภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า “เมโอโตะโนะสึกิ” ซึ่งเป็นต้นสนซีดาร์คู่อายุเกิน 500 ปี

3. จูฉะ (Chusha) ศาลเจ้าชั้นกลาง
เทพประจำศาลเจ้าแห่งนี้คือเทพเจ้าแห่งสติปัญญาและความฉลาด ใกล้กับบริเวณนี้มีต้นสนซีดาร์อยู่ 2 ต้น ต้นหนึ่งชื่อว่าโกะชินโบะคุ (Goshinboku) มีอายุ 700 ปี และอีกต้นหนึ่งชื่อว่า ซันบงสุกิ (Sanbonsugi) มีอายุ 800 ปีซึ่งเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังและจิตวิญญาณ ด้านหลังของศาลเจ้ามีน้ำตกซาซะเระ (Sazare) กล่าวกันว่าการชมสิ่งเหล่านี้จะช่วยเสริมโชค

4. โอะคุฉะ (Okusha) ศาลเจ้าชั้นบน ซึ่งเป็นศาลเจ้าหลัก
มีผู้มาสักการะเป็นจำนวนมากที่มาเพื่อขอพรเรื่องเปิดดวง สมหวังดั่งใจ พืชพรรณอุดมสมบูรณ์ ชัยชนะการกีฬา ฯลฯ

5. คุซุริวฉะ (Kuzuryusha) อยู่ทางด้านซ้ายของศาลเจ้าหลักโอะคุฉะ
อุทิศให้แก่เทพเจ้ามังกรเก้าหัวซึ่งเป็นผู้ครองที่ดินในโทกะคุชิ เทพองค์นี้ยังเป็นที่รู้จักกันในนาม เทพเจ้าแห่งธัญพืชทั้งห้าเทพแห่งสายฝน เทพแห่งการผูกดวง และเทพเจ้าแห่งฟันผุอีกด้วย

ประสบการณ์พิเศษเส้นทางเดินป่า ตามเส้นทางศาลเจ้าทั้ง 5 แห่ง รับพลังจากธรรมชาติและจิตวิญญาณ
เริ่มจาก ประตูโทริอิ เดินขึ้นบันไดหิน 270 ขั้น ไปยังโฮโคฉะ (Hokosha) ศาลเจ้าชั้นล่าง สามารถไหว้ขอพร เดิน 20 นาที ไปยัง ฮิโนะมิโคะฉะ (Hinomikosha) มีต้นสามีภรรยาซึ่งเป็นต้นสนซีดาร์คู่อายุเกิน 500 ปี เดิน 20 นาที ไปยัง จูฉะ (Chusha) ศาลเจ้าชั้นกลาง สามารถไหว้ขอพร ภายในบริเวณศาลเจ้าชั้นกลางมีน้ำตกเล็ก ๆ และต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์อายุกว่า 800 ปี สามารถพักแวะทานอาหาร หรือซื้อของฝากได้ บริเวณใกล้กันสามารถ เดิน 20 นาที ไปยัง หมู่บ้านนินจา (Kids Ninja Village) หมู่บ้านนินจาแห่งนี้ได้สร้างความสุขและความสนุกให้กับเด็ก ๆ และผู้ใหญ่ที่หลงใหลในวิถีนินจาสามารถสวมใส่ชุดนินจาเพื่อใส่ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกและลองฝึกปาดาวกระจาย/ลูกดอกได้

จากบริเวณ จูฉะ (Chusha) ศาลเจ้าชั้นกลาง เดิน 30 นาที ผ่านป่าที่ล้อมรอบไปด้วยธรรมชาติอันชุ่มฉ่ำ ไปยัง พิพิธภัณฑ์นินจาโทกะคุชิ (Togakushi Ninja Museum) อาคาร “บ้านนินจา” ที่ดูธรรมดาภายนอก แต่ในอาคารที่นั่นถือเป็นไฮไลท์ของพิพิธภัณฑ์ บ้านนี้จะเต็มไปด้วยประตูกลและทางลับมากมาย เมื่อเข้าไปแล้วจะเป็นเหมือนเขาวงกตที่หาทางออกจากห้องได้ยากมาก และยังมีโซนที่จัดแสดงของเก่าและวัตถุโบราณที่คนในท้องถิ่นในอดีตเคยใช้จำนวนมาก

จากบริเวณ พิพิธภัณฑ์นินจาโทกะคุชิ (Togakushi Ninja Museum) ตรงข้ามถนนอีกฝั่งหนึ่งก็จะเป็น เส้นทางหลักที่นิยมมาเดินกันมากที่สุด เส้นทางลึกลับที่ใช้เวลา เดิน 40 นาที ไปยัง ศาลเจ้าหลักโอะคุฉะ (Okusha) ศาลเจ้าชั้นบน เป็นเส้นทางที่ผ่านป่าดึกดำบรรพ์บนเส้นทางที่เรียงรายไปด้วยต้นสนซีดาร์ยักษ์อายุกว่า 400 ปี มีมากกว่า 300 ต้น อยู่ตลอดสองข้างทางราว 2 กิโลเมตร บรรยากาศที่เห็นเสมือนหลงเข้าไปในดินแดนลึกลับ แสงแดดที่สาดส่องออกมาระหว่างต้นสนซีดาร์ที่สูงใหญ่และหนาทึบทำให้สถานที่แห่งนี้ดูมีมนต์ขลัง โดยเฉพาะในฤดูหนาวที่มีหิมะตกเป็นสีขาวโพล่นพร้อมมีหมอกจาง ๆ จะยิ่งสวยงามควรค่าแก่การบันทึกภาพไว้อย่างยิ่ง ระหว่างทางก็จะพบประตูสีแดงที่เรียกว่า ซุยชินมง(Zuishinmon Gate) ซึ่งแสดงให้รู้ว่าอยู่จุดกึ่งกลางของทางเดินไปยังศาลเจ้าชั้นบน ขอพรจากศาลเจ้าหลักโอะคุฉะ และทางด้านซ้ายของศาลเจ้าหลักก็จะพบ คุซุริวฉะ (Kuzuryusha) ที่มีเทพเจ้ามังกรเก้าหัวดูแลรักษาอยู่

รายละเอียดสถานที่เพิ่มเติม

ที่อยู่ Togakushi Shrine
Chusha-3690 Togakushi, Nagano
แผนที่
การเดินทาง จากสถานี Nagano โดยสารรถบัสหมายเลข 70 หรือ 71
ลงป้าย Togakushi-Hokosha (ศาลเจ้าชั้นล่าง) ใช้เวลา 50 นาที
ลงป้าย Togakushi-Chusha (ศาลเจ้าชั้นกลาง) ใช้เวลา 60 นาที
ลงป้าย Togakushi-Okushairiguchi (ศาลเจ้าชั้นบน) ใช้เวลา 65 นาที
เวลาทำการ 09:00 – 17:00 น.
วันหยุด ไม่มี
ค่าใช้จ่าย ไม่มี
เว็บไซต์ (ภาษาญี่ปุ่น) https://www.togakushi-jinja.jp/
https://gurutabi.gnavi.co.jp/a/a_2034/
https://togakushi-21.jp/
เว็บไซต์ (ภาษาอังกฤษ) https://www.japan.travel/en/spot/1341/
https://go-centraljapan.jp/route/dragon/en/10.html
http://en.nagano-cvb.or.jp/modules/sightseeing/page/373
เว็บไซต์ (ภาษาไทย) http://th.nagano-cvb.or.jp/modules/sightseeing/page/18
http://www.unique-nagano.com/detail.php?l=th&id=299
http://th.nagano-cvb.or.jp/modules/feature/00013?fbclid=IwAR0oqwdc1BdBz5xc_jQOySOsvJB7M9ZrdpfmZW5mY8MHSPSwrBPVUjfzvd0
https://www.alpico.co.jp/th/travelog/post/hiking-the-5-shrines-trail-in-togakushi/

วัดไดฮิคะคุ เซนโคจิ (Daihikaku Senko-ji Temple) , เกียวโต (Kyoto)

วัดไดฮิคะคุ เซนโคจิ (Daihikaku Senko-ji Temple) , เกียวโต (Kyoto)

วัดไดฮิคะคุ เซนโคจิ (Daihikaku Senko-ji)
ท่ามกลางหุบเขาในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี

วัดไดฮิคะคุ เซนโคจิ (Daihikaku Senko-ji Temple) , เกียวโต (Kyoto)

วัดไดฮิคะคุ เซนโคจิ (Daihikaku Senko-ji)
ท่ามกลางหุบเขาในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี

วัดไดฮิคะคุ เซนโคจิ (Daihikaku Senko-ji) เป็นวัดพุทธที่ตั้งอยู่ท่ามกลางหุบเขารันเคียว (Rankyo Gorge) ทางตะวันตกของอะระชิยะมะ (Arashiyama) ในจังหวัดเกียวโต (Kyoto) สามารถมองเห็นทิวทัศน์ที่สวยงามทั้ง 4 ฤดูกาล โดดเด่นสวยงามเป็นพิเศษในช่วงใบไม้เปลี่ยนสี

ครั้งในอดีตวัดไดฮิคะคุ เซนโคจิ (Daihikaku Senko-ji) แห่งนี้ เดิมตั้งอยู่ในส่วนหนึ่งของวัดเซอิเรียวจิ (Seiryo-ji) จังหวัดเกียวโต (Kyoto) เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมของจักรพรรดิโกะ-ซะงะ (Emperor Go-Saga) แต่ได้ถูกปล่อยให้เป็นที่รกร้างมานานหลายปี จนกระทั้งในปี ค.ศ.1606 มีพ่อค้ารายใหญ่ได้ย้ายวัดไดฮิคะคุ เซนโคจิ (Daihikaku Senko-ji) ได้ทำการสร้างขึ้นมาใหม่ที่บริเวณอะระชิยะมะ (Arashiyama) เพื่ออุทิศให้แก่คนงานที่เสียชีวิตระหว่างการขุดแม่น้ำโออิ (Oi River)

ปัจจุบันมีพระประธานศักดิ์สิทธิ์ประจำพระวิหารของวัดแห่งนี้คือ พระแม่กวนอิมพันเนตรพันกร โดยผู้คนนิยมกันมาขอพรเจ้าแม่กวนอิมให้ประทานพรในด้านความรัก ขอคู่ ผูกดวง และการใช้ชีวิตสมรสอย่างราบรื่น

ภายในวัดจะมีห้องโถง (Kyaku-den) ซึ่งยื่นออกมาจากเชิงเขา สามารถออกไปนั่งบริเวณระเบียงด้านนอก มองเห็นทิวทัศน์ของหุบเขา ซึ่งในช่วงฤดูกาลใบไม้เปลี่ยนสีจะเป็นจุดที่โดดเด่นที่สามารถชมใบไม้แดงและแม่น้ำโออิ (Oi River) ได้อย่างกว้างขวาง พร้อมกับจิบชา ทานขนมได้ในราคา 500 เยน ซึ่งเป็นไฮไลท์อีกอย่างหนึ่ง บริเวณใกล้เคียงกับห้องโถง จะเป็นที่ตั้งของหอระฆังบอนโช (Bonsho) แม้ว่าระฆังของวัดส่วนใหญ่ในญี่ปุ่นจะถูกปิด หรือมีไว้สำหรับให้ผู้ที่หยอดเหรียญบริจาคเท่านั้น แต่ที่วัดไดฮิคะคุ เซนโคจิ (Daihikaku Senko-ji Temple) แห่งนี้ เปิดให้ทุกคนได้ตีระฆังเพื่อเป็นสิริมงคล ทำให้เสียงสะท้อนของระฆังดังก้องกังวานท่ามกลางความเงียบของหุบเขาอย่างน่าทึ่งเลยทีเดียว

ในการเดินทางขึ้นไปเยี่ยมชมวัด สามารถเดินจากสะพานโทะเกะทสึ (Togetsu Bridge) ย่านอะระชิยะมะ (Arashiyama) ใช้เวลาประมาณ 20 นาที และต้องเดินขึ้นเขาต่อไปยังวัดด้านบน โดยระหว่างทางขึ้นเขาจะเป็นบันไดหินกว่า 200 ขั้นที่คดเคี้ยว เต็มไปด้วยธรรมชาติรายล้อม

ประสบการณ์พิเศษนอกจากนี้ยังสามารถล่องเรือแบบ “คาวะคุดาริ” (Kawakudari) ที่แม่น้ำโฮซุกาวะ (Hozu-gawa River) ซึ่งอยู่ตรงตีนเขาก่อนเดินขึ้นวัดไดฮิคะคุ เซนโคจิ (Daihukaku Senkoji) โดยคนพายเรือสุดชำนาญจะพาลัดเลาะไปตามแก่ง สัมผัสธรรมชาติอันสวยงาม

รายละเอียดสถานที่เพิ่มเติม

ที่อยู่ Daihikaku Senkoji
62 Arashiyama Nakaoshitacho, Nishikyo Ward, Kyoto
แผนที่
การเดินทาง จากสถานี Kyoto โดยสารรถไฟ JR San’in Main Line ลงที่สถานี Sagaarashiyama ใช้เวลา 17 นาที จากนั้นเดินต่อ 40 นาที
เวลาทำการ 10:00 – 16:00 น.
วันหยุด ไม่มี
ค่าใช้จ่าย 400 เยน
เว็บไซต์ (ภาษาญี่ปุ่น) http://daihikaku.jp/wp/
https://kyotofukoh.jp/report404.html
https://uratte.jp/posts/daihikaku-senkouzi-kyoto#h2-2866867
เว็บไซต์ (ภาษาอังกฤษ) https://www.discoverkyoto.com/places-go/senko-ji/
http://daihikaku.jp/wp/daihikaku-e/
https://www.hozugawakudari.jp/en/history-en
เว็บไซต์ (ภาษาไทย)

ศาลเจ้าอิชิซุจิ (Ishizuchi Shrine), เอะฮิเมะ (Ehime)

ศาลเจ้าอิชิซุจิ (Ishizuchi Shrine) , เอะฮิเมะ (Ehime)

ศาลเจ้าอิชิซุจิ (Ishizuchi Shrine)
บนเทือกเขาศักดิ์สิทธิ์ที่ยิ่งใหญ่

ศาลเจ้าอิชิซุจิ (Ishizuchi Shrine) , เอะฮิเมะ (Ehime)

โซ่เหล็กสำหรับปีนขึ้นเขา
ถูกปกคลุมไปด้วยเกล็ดหิมะดูสวยแปลกตา

ศาลเจ้าอิชิซุจิ (Ishizuchi Shrine) ตั้งตระหง่านอยู่บนภูเขาอิชิซุจิ (Mt. Ishizuchi) เมืองไซโจ (Saijo) จังหวัดเอะฮิเมะ (Ehime) มีความสูง 1,982 เมตรเป็นภูเขาที่สูงที่สุดในภาคตะวันตกของญี่ปุ่น ซึ่งเป็น 1 ใน 7 ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ที่ยิ่งใหญ่ในประเทศ และยังขึ้นชื่อเรื่องความท้าทายในการปีนเขาเป็นเหมือนสวรรค์ของคนรักธรรมชาติและยังเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์สำหรับนักบวชผู้นำทางจิตวิญญาณในเส้นทางธุดงค์ ซึ่งศาลเจ้าลี้ลับแห่งนี้โดดเด่นทั้งเรื่องทัศนียภาพความงามของธรรมชาติทั้ง 4 ฤดู

ศาลเจ้าอิชิซุจิ (Ishizuchi Shrine) เป็นศาลเจ้าโดดเดี่ยวอันเงียบสงบที่สร้างขึ้นเพื่อเหล่าทวยเทพบนภูเขา โดยประกอบด้วย 4 ส่วนหลัก ๆ คือ

・ศาลเจ้าคุจิโนะมิยะ (Kuchinomiya Shrine)
เป็นวิหารหลักที่ตั้งอยู่บริเวณตีนเขา สามารถมองเห็นทะเลเซโตะใน (Seto Inland Sea) ไปพร้อม ๆ กับทิวทัศน์ธรรมชาติที่รายล้อม ตลอดทั้งปีจะมีการจัดงานเทศกาลฤดูใบไม้ผลิ เทศกาลฤดูร้อน เทศกาลฤดูใบไม้ร่วง และเทศกาลฤดูหนาว รวมถึงพิธีกรรมทางศาสนาอย่างเทศกาลแห่งดวงดาว (Hoshi Matsuri) เพื่ออธิษฐานให้ปราศจากโรคภัยและเคราะห์ร้ายในปีที่จะมาถึง และเทศกาลเปิดภูเขาศักดิ์สิทธิ์ (Oyama-biraki) ที่จัดขึ้นทุกวันที่ 1-10 กรกฎาคม โดยจะมีคนนับหลายหมื่นคนจากทั่วประเทศ ต่างเดินทางมารวมกันที่จุดนี้ เพื่อปีนเขาขึ้นไปสักการะศาลเจ้าโอคุโนะมิยะ โจจูฉะ (Okunomiya Chujo-sha) (*ในวันที่ 1 กรกฎาคมเท่านั้นที่ผู้หญิงไม่สามารถเข้าร่วมในการปีนเขาได้)
**จากสถานี JR Ishizuchiyama เดิน ไปที่ศาลเจ้าคุจิโนะมิยะ (Kuchinomiya Shrine) ใช้เวลาประมาณ 15 นาที**

・ศาลเจ้าจูกุ โจจูฉะ (Chugu Joju-sha)
ตั้งอยู่บริเวณตอนกลางของภูเขาอิชิซุจิ (Mt. Ishizuchi) เป็นจุดสักการะอันสำคัญในการขึ้นเขา เพื่อไปยังหอสักการะซุจิโกะยะ โยไฮเด็น (Tsuchigoya-yohaiden) และศาลเจ้าโอคุโนะมิยะ โจจูฉะ (Okunomiya Chujo-sha) ผู้คนนิยมเดินทางมาสักการะ บูชา และอธิษฐานขอพรให้ประสบความสำเร็จ
**จากสถานี Shimodani โดยสารนั่งกระเช้าลอยฟ้า ลงที่สถานี Sanchojoju แล้วเดิน ไปที่ศาลเจ้าจูกุ โจจูฉะ (Chugu Joju-sha) ใช้เวลาประมาณ 25 นาที**

・หอสักการะ ซุจิโกะยะ โยไฮเด็น (Tsuchigoya-yohaiden)
เป็นกระท่อม หรือวิหารขนาดเล็ก ก่อตั้งเมื่อปีค.ศ. 1971 ตั้งอยู่สุดเส้นทาง Ishizuchi Skyline บนระดับความสูงที่ 1,500 เมตร ใจกลางภูเขา รอบ ๆ วิหารนี้รายล้อมไปด้วยต้นสน กลิ่นหอมตลบอบอวลไปทั่วบริเวณ
** สามารถเดินทางมาด้วยรถยนต์ ไปที่หอสักการะ ซุจิโกะยะ โยไฮเด็น (Tsuchigoya-yohaiden) ได้**

・ศาลเจ้าโอคุโนะมิยะ โจจูฉะ (Okunomiya Chujo-sha)
ตั้งอยู่บนยอดเขาอิชิซุจิ (Mt. Ishizuchi) บนความสูง1,982 เมตร โดยระหว่างทางขึ้นเขา จะมีโซ่เหล็กทั้งหมดอยู่ 3 เส้น กระจายอยู่ 3 จุด ตอกติดไว้กับหน้าผา เพื่อให้ผู้ที่จะปีนเขาขึ้นไปด้านบน เนื่องจากเส้นทางจะมีความลาดชันจนเกือบตั้งฉาก ว่ากันว่าโซ่เหล็กนี้ จะช่วยขัดเหลาจิตใจที่ไม่ดี และช่วยให้รู้ถึงอนัตตาในจิตใจมนุษย์ หรือการเข้าใจว่าสรรพสิ่งทั้งหลายล้วนไม่มีตัวตน ขณะเดินขึ้นเขาจะเห็นศาลเจ้าต่าง ๆ ที่อุทิศแด่เทพภูเขา ประเพณีและประวัติศาสตร์ดูชัดเจนจนแทบจะสัมผัสได้ ภูเขานี้เคยถูกใช้เป็นสถานปฏิบัติธรรมมาตั้งแต่โบราณกาล ซึ่งในปัจจุบันก็ยังมีการใช้เป็นสถานที่บำเพ็ญตนอยู่
**สามารถเลือกเส้นทางการปีนเขาได้สองเส้นทางเพื่อขึ้น ไปที่ศาลเจ้าโอคุโนะมิยะ โจจูฉะ (Okunomiya Chujo-sha)**

ประสบการณ์พิเศษ คือ เส้นทางการปีนเขาเพื่อไปสักการะศาลเจ้าโอคุโนะมิยะ โจจูฉะ (Okunomiya Chujo-sha) เพื่อชมทิวทัศน์ที่น่าประทับใจและศาลเจ้าลี้ลับ โดยมีทั้งหมด 2 เส้นทางด้วยกัน

เส้นทางแรก คือ เส้นทางโอโมเทะซันโด (Omotesando Route) สามารถนั่งกระเช้าจากสถานี Shimodani ด้านล่างตีนเขา ลงที่สถานี Sanchojoju และต่อลิฟท์เพื่อไปยังศาลเจ้าจูกู โจจูฉะ (Chugu Joju-sha) จากนั้นต้องเดินเท้าขึ้นเขา และไต่โซ่ปีนขึ้นไปยังศาลเจ้าโอคุโนะมิยะ โจจูชะ (Okunomiya Chujo-sha) ใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 2.30 – 3.00 ชั่วโมง

เส้นทางที่สอง คือ เส้นทางซุจิโกะยะ (Tsuchigoya Route) สามารถขับรถโดยใช้เส้นทาง Ishizuchi Skyline เพื่อไปยังกระท่อมที่เป็นหอสักการะซุจิโกะยะ โยไฮเด็น (Tsuchigoya-yohaiden) จากนั้นต้องเดินเท้าขึ้นเขา และไต่โซ่ปีนขึ้นไปยังศาลเจ้าโอคุโนะมิยะ โจจูชะ (Okunomiya Chujo-sha) ใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 2.00 – 2.30 ชั่วโมง

ฤดูปีนเขาของศาลเจ้าอิชิซุจิ (Ishizuchi Shrine) แห่งนี้เริ่มวันที่ 1 กรกฎาคมและสิ้นสุดในเดือนตุลาคม และในช่วงฤดูหนาว พื้นที่บริเวณศาลเจ้าจูกุ โจจูฉะ (Chugu Joju-sha) จะกลายเป็นสกีรีสอร์ทตั้งแต่ปลายเดือนธันวาคมถึงต้นเดือนมีนาคม หรือหากขึ้นไปยังศาลเจ้าบนยอดเขาแล้ว สามารถเปิดประสบการณ์ค้างคืนที่กระท่อมบนเขาดูได้ รับรองว่าทัศนียภาพของดวงดาวยามค่ำคืน และพระอาทิตย์ขึ้น รวมถึงธรรมชาติที่รายล้อมอยู่บนภูเขาลูกนี้เป็น จะช่วยปลอบประโลมความเหนื่อยล้า และเยียวยาจิตใจให้กลับมาชุ่มชื้นอีกครั้ง

รายละเอียดสถานที่เพิ่มเติม

ที่อยู่ Ishizuchi Shrine
Ko-797 Nishida, Saijo, Ehime
แผนที่
การเดินทาง
ศาลเจ้าคุจิโนะมิยะ (Kuchinomiya Shrine)
จากสถานี Matsuyama โดยสารรถไฟ JR Yosan Line ลงที่สถานี Ishizuchiyama ใช้เวลา 1ชั่วโมง 42 นาที จากนั้นเดินต่อ 15 นาที
ศาลเจ้าจูกุ โจจูฉะ (Chugu Joju-sha)
จากสถานี Matsuyama โดยสารรถไฟ LTD. EXP SHIOKAZE ลงที่สถานี Iyo-saijo ใช้เวลา 1 ชั่วโมง 2 นาที จากนั้นโดยสารรถบัส ลงที่ป้าย Ishizuchi Tozan Ropeway (Shimodani Station) ใช้เวลา 55 นาที
https://www.city.saijo.ehime.jp/soshiki/kanko/ishizuchiaccess.html
หอสักการะ ทสึจิโกะยะ โยไฮเด็น (Tsuchigoya-yohaiden)
จากสถานี Matsuyama โดยสารรถยนต์ ใช้เวลาประมาณ 2.30 – 3.30 ชั่วโมง

ศาลเจ้าโอคุโนะมิยะ โจจูฉะ (Okunomiya Chujo-sha)
มี 2 เส้นทางในการปีนเขาเพื่อขึ้นไปที่ศาลเจ้า

เวลาทำการ 08:00 – 16:00 น.
วันหยุด ไม่มี
ค่าใช้จ่าย กระเช้า ไป-กลับ ผู้ใหญ่ 2,000 เยน / เด็ก 1,000 เยน
เว็บไซต์ (ภาษาญี่ปุ่น) http://ishizuchisan.jp/
เว็บไซต์ (ภาษาอังกฤษ) https://www.japan.travel/en/spot/236/
https://www.ishizuchisankei.com/en/
https://ishizuchijourney.com/en/
https://www.visitehimejapan.com/en/see-and-do/127
https://www.ishizuchi.com/web/wp-content/uploads/2019/11/fcb5d17d3e5e0254f4cf3dcfd703748d.pdf
เว็บไซต์ (ภาษาไทย) https://www.japan.travel/th/spot/236/
https://www.japan.travel/th/spot/2192/

ศาลเจ้าคะมิชิคิมิ คุมะโนอิมะสุ (Kamishikimi Kumanoimasu Shrine), คุมะโมโตะ (Kumamoto)

ศาลเจ้าคะมิชิคิมิ คุมะโนอิมะสุ (Kamishikimi Kumanoimasu Shrine) , คุมะโมโตะ (Kumamoto)

บริเวณทางเข้าศาลเจ้าคะมิชิคิมิ คุมะโนอิมะสุ (Kamishikimi Kumanoimasu Shrine)
เรียงรายไปด้วยต้นสนซีดาร์ และมอสปกคลุม ดูน่าพิศวง

ศาลเจ้าคะมิชิคิมิ คุมะโนอิมะสุ (Kamishikimi Kumanoimasu Shrine) , คุมะโมโตะ (Kumamoto)

จุดเสริมพลังชีวิต (Power Spot)
ที่อุโมงค์ลมขนาดใหญ่ อุเกะโทอิวะ (Ugetoiwa)

ศาลเจ้าคะมิชิคิมิ คุมะโนอิมะสุ (Kamishikimi Kumanoimasu Shrine) ตั้งอยู่บริเวณเมืองทาคะโมริ (Takamori) จังหวัดคุมะโมโตะ (Kumamoto) เป็นศาลเจ้าที่บูชาเทพเจ้าอิซานากิ โนะ มิโคโตะ (Izanagi no Mikoto) และเทพเจ้าอิซานามิ โนะ มิโคโตะ (Izanami no Mikoto)

บริเวณโดยรอบของศาลเจ้า ถูกปกคลุมไปด้วยต้นสนซีดาร์ และแมกไม้อันร่มรื่น และมีตะเกียงหินมากมายถึง 97 ดวง ตั้งอยู่บนสองข้างทางระหว่างทางเดินไปยังศาลเจ้า ช่วยเสริมให้บรรยากาศมีความลึกลับ และมีเสน่ห์มนต์ขลังไปพร้อม ๆ กัน ทำให้ที่นี่เป็นจุดเช็คอินที่ต้องห้ามพลาดสำหรับคนชอบถ่ายรูปเลยทีเดียว

ตะเกียงหินเหล่านี้ ได้รับการบริจาคจากนักธุรกิจในท้องถิ่น เมื่อกลางปี ค.ศ. 1960 โดยที่ด้านหลังของตะเกียงแต่ละดวงจะมีการจารึกวันที่ และโอกาสเอาไว้ แม้ว่าตะเกียงหินเหล่านี้จะไม่เคยส่องแสงสว่าง แต่กลับเป็นทัศนียภาพที่งดงาม ดูแฝงไปด้วยมนต์ขลัง ซึ่งสร้างแรงบันดาลใจในการสร้างฉากภาพยนตร์อนิเมชั่นยอดนิยมชื่อ สู่ป่าแห่งแสงหิ่งห้อย (Hotarubi no Mori e)

ด้านหลังของศาลเจ้ามีจุดเสริมพลังชีวิต (Power Spot) ที่เป็นอุโมงค์ลมขนาดใหญ่ เรียกว่า อุเกะโทอิวะ (Ugetoiwa) ขนาด 10 เมตร ว่ากันว่าอุโมงค์แห่งนี้เกิดขึ้นจากคิฮะจิ โบชิ (Kihachi Boshi) ผู้ติดตามของเทพเจ้า ทะเคอิวาตะทสึโนะมิโกโตะ (Takeiwatatsu no Mikoto) มีอภินิหารเตะสันภูเขาจนกลายเป็นช่องอุโมงค์ลม มีชื่อเสียงโด่งดังในเรื่องของ “ความสำเร็จ” และ “ชัยชนะ” จึงได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของการบรรลุเป้าหมายไปโดยปริยาย นอกจากนี้ศาลเจ้า ยังเป็นที่โด่งดังในเรื่องของการขอพรให้ทำมาค้าขายรุ่งเรือง รวมไปถึงขอให้มีโชคลาภ เงินทองไหลมาเทมาด้วย

นอกจากนี้แล้ว ยังมีจุดชมต้นซีดาร์ที่ทรงพลัง และยิ่งใหญ่คือ ทาเคะโมริดน โนะ ซุกิ (Takamori Don No Sugi) หรือต้นสนซีดาร์ทาเคะโมริดน (Takamoridon Cedars) เป็นต้นสนซีดาร์ขนาดใหญ่สองต้นที่มีอายุมากกว่า 400 ปี ลำต้นมีเส้นรอบวงมากกว่า 10 เมตร และมีลักษณะแปลกตาด้วยกิ่งก้านจำนวนมากที่บิดไปมา ต้นสนซีดาร์ 2 ต้นนี้ เป็นตัวแทนของผู้ชาย และผู้หญิง ซึ่งตั้งอยู่คู่กันราวกับเป็นสัญลักษณ์ของการเติมพลัง และการให้เกียรติซึ่งกันและกัน ว่ากันว่าเคยมีหญิงสาวผู้หนึ่งได้เดินทางมาชื่นชม โอบกอดต้นสนซีดาร์แห่งนี้ และเมื่อหลังจากที่ได้กลับไป ก็ได้แต่งงานทันที ทำให้ที่นี่กลายเป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงในเรื่องของความรัก โชคดีสำหรับบุคคลที่จะแต่งงาน

รายละเอียดสถานที่เพิ่มเติม

ที่อยู่ Kamishikimi Kumanoimasu Shrine
2619 Kamishikimi, Takamori, Aso District, Kumamoto
แผนที่
การเดินทาง จากสถานี Kumamoto โดยสารรถไฟ LTD. EXP ASO ลงที่สถานี Tateno ใช้เวลา 47 นาที จากนั้นโดยแท็กซี่ใช้เวลา 30 นาที
หรือ จากสถานี Kumamoto โดยสารรถยนต์ 1 ชั่วโมง 30 นาที
เวลาทำการ ไม่มี
วันหยุด ไม่มี
ค่าใช้จ่าย ไม่มี
เว็บไซต์ (ภาษาญี่ปุ่น) http://www.town.takamori.kumamoto.jp/kanko/kankomap/kanko/kamisikimikumanoimasujinja.html
http://takaramori.com/jp/spot/kanko_detail.cgi?up_spofo1=1013
http://www.kyushu-jinja.com/kumamoto/kamishikimi_kumanoza-jinja/index.php
เว็บไซต์ (ภาษาอังกฤษ) https://kumamoto.guide/en/season/detail/13
http://takaramori.com/en/spot/kanko_detail.cgi?up_spofo1=1013
เว็บไซต์ (ภาษาไทย) https://www.kyushuandtokyo.org/spot_163/
จดหมายข่าวอื่นๆ