อาหารท้องถิ่น ของอร่อยที่แถบคันโต (Kanto)

คันโต (Kanto) นับเป็นภูมิภาคศูนย์กลางของญี่ปุ่น เป็นที่ตั้งของเมืองใหญ่ๆ อย่างโตเกียว (Tokyo) และ โยโกฮามะ (Yokohama) คนจึงมักจะสนใจแต่เมืองใหญ่ๆ เหล่านี้ แต่อันที่จริงแล้วบริเวณรอบๆ เมืองใหญ่ก็มีอาหารท้องถิ่นน่าสนใจอยู่มากมาย ซึ่งหากไม่ไปถึงที่ ก็จะไม่ได้ลิ้มรสชาติต้นฉบับที่แท้จริง ในครั้งนี้เราได้คัดเลือกอาหารท้องถิ่น 8 ชนิดที่สามารถหาทานได้เฉพาะในแถบคันโตเท่านั้นมาแนะนำให้ได้รู้จักกัน

ข้าวอบหม้อดิน โทเงะโนะคะมะเมะชิ (Toge no Kamameshi), กุมมะ (Gunma)

kanto-local-food-01

©︎ JNTO

kanto-local-food-02

©︎ JNTO

โทเงะโนะคะมะเมะชิ (Toge no Kamameshi) คือเมนูข้าวกล่องชนิดหนึ่งสำหรับทานบนรถไฟ หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ “เอะคิเบ็น (Ekiben)” นั่นเอง โดยเมนูโทเงะโนะคะมะเมะชิ (Toge no Kamameshi) นี้มีวางขายอยู่ตามสถานีรถไฟหรือจุดจำหน่ายสินค้าแบบไดรฟ์อินบริเวณรอบๆ เมืองอันนะกะ (Annaka City) จังหวัดกุมมะ (Gunma) เป็นข้าวอบหม้อดินซึ่งมีลักษณะเด่นตรงบรรจุอยู่ในหม้อดินเผาที่สามารถนำกลับไปใช้ต่อได้เมื่อรับประทานเสร็จแล้ว รสชาติละมุน ด้านบนโปะด้วยไข่นกกระทา เกาลัด รากไม้ชนิดหนึ่งเรียกว่าโกะโบ (Gobo) เห็ดหอม หน่อไม้ และเนื้อไก่ เป็นต้น และหากโชคดีอาจได้กล่องที่เพิ่งทำเสร็จร้อนๆ ด้วย

อุทสึโนะมิยะเกี๊ยวซ่า (Utsunomiya Gyoza), โทชิงิ (Tochigi)

kanto-local-food-03

©︎ JNTO

kanto-local-food-04

©︎ JNTO

เกี๊ยวซ่า (Gyoza) ในประเทศจีนและประเทศเชื้อสายจีนอื่นๆ นั้น โดยทั่วไปจะเป็นเกี๊ยวซ่าต้มเสียส่วนมาก แต่ในญี่ปุ่นนิยมรับประทานเกี๊ยวซ่าแบบย่างมากกว่า เมืองอุทสึโนะมิยะ (Utsunomiya City) จังหวัดโทชิงิ (Tochigi) เป็นเมืองที่มีเกี๊ยวซ่าย่างสูตรอร่อยขึ้นชื่อ เรียกว่า “อุทสึโนะมิยะเกี๊ยวซ่า (Utsunomiya Gyoza)” หรือเกี๊ยวซ่าสไตล์อุทสึโนะมิยะนั่นเอง ถือเป็นเมนูเด่นประจำท้องถิ่น ซึ่งมีร้านที่ขายเกี๊ยวซ่าโดยเฉพาะอยู่มากกว่า 200 แห่งทั่วเมือง ลักษณะเด่นของเกี๊ยวซ่าสไตล์อุทสึโนะมิยะคือตัวไส้จะมีส่วนผสมของผักในท้องถิ่นอย่างผักกาดขาว กุยช่าย และกะหล่ำปลี

หม้อไฟปลาอังโค (Anko Nabe), อิบะระกิ (Ibaraki)

kanto-local-food-05

©︎ JNTO

kanto-local-food-06

©︎ JNTO

ปลาอังโค (Anko) คือปลาที่จับได้ในทะเลแถบอิบะระกิ (Ibaraki) นับเป็นปลาที่หรูหราราคาแพงและเป็นที่นิยมมากพอๆ กับปลาปักเป้าหรือฟุกุ (Fugu) ในญี่ปุ่นฝั่งตะวันตก ปลาอังโคเป็นปลาทะเลน้ำลึก เนื้อมีไขมันน้อย แต่อุดมด้วยคอลลาเจน และทานได้ทุกส่วนยกเว้นก้าง จนว่ากันว่าแทบไม่มีส่วนไหนที่ทานไม่ได้เลยทีเดียว นิยมนำมาต้มทานในหม้อไฟรวมกับผักชนิดต่างๆ เรียกว่า “อังโคนาเบะ (Anko Nabe)” หรือหม้อไฟปลาอังโคนั่นเอง  ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนไปจนถึงกลางฤดูหนาวในเดือนกุมภาพันธ์จะเป็นช่วงที่ “ตับ” ของปลาอังโคจะพองโตและมีรสชาติอร่อยมากเป็นพิเศษ อีกทั้งยังเป็นปลาที่นิยมในหมู่สุภาพสตรีเช่นกันเพราะให้แคลอรี่ต่ำ

เส้นโฮโต (Hoto Noodles), ยะมะนะชิ (Yamanashi)

kanto-local-food-07

©︎ JNTO

kanto-local-food-08

©︎ JNTO

เส้นโฮโต (Hoto Noodles) คืออาหารพื้นบ้านของจังหวัดยะมะนะชิ (Yamanashi) มีลักษณะเด่นชัดเจนตรงที่เป็นเส้นแบนกว้างและรสสัมผัสเหนียวนุ่มคล้ายอุด้ง (Udon) แต่ไม่สู้ฟันเท่า เมื่อต้มไปนานๆ เส้นจะเปื่อยเหนียวนิ่มลง เวลาทานจะนำเส้นนี้มาต้มในหม้อไฟรวมกับวัตถุดิบอื่นๆ ทั้งเห็ดและผักชนิดต่างๆ ปรุงรสด้วยมิโซะ วัตถุดิบที่สำคัญเป็นพิเศษในการทำหม้อไฟโฮโตก็คือฟักทอง และเมื่อมีมิโซะ ผักต่างๆ และตัวเส้น ต้มรวมในซุปจนเข้ากันได้ที่ จะทำให้น้ำซุปหม้อไฟโฮโตมีรสหวานอันเป็นเอกลักษณ์ นับเป็นเมนูที่อยากแนะนำให้ลองหาชิมดูโดยเฉพาะในฤดูที่อากาศหนาวเย็น

ราเม็งเต้าหู้ (Tofu Ramen), ไซตะมะ (Saitama)

kanto-local-food-09

©︎ Saitama Tourism and International Relations Bureau

kanto-local-food-10

©︎ JNTO

ราเม็งเต้าหู้ (Tofu Ramen) คือเมนูราเม็งในซุปรสโชยุ ราดด้วยเต้าหู้ผัดกับหมูสับปรุงเป็นน้ำข้นหนืดคล้ายราดหน้า เป็นอาหารคลาสบี (B-class gourmet) แห่งเมืองไซตะมะ (Saitama) หน้าตาอาจดูคล้ายกับเมนูเต้าหู้ผัดพริกเสฉวน หรือที่เรียกว่า “มาโบโดฟุ (Mabodofu)” แต่ไม่เผ็ดเท่า ทานได้ทุกวัยตั้งแต่เด็กไปจนถึงผู้สูงอายุ ในตัวเมืองไซตะมะมีร้านขายราเม็งเต้าหู้ร้านดังอยู่หลายแห่ง หากได้ลองตระเวนชิมเปรียบเทียบรสชาติของแต่ละร้านดูคงน่าสนุกดีไม่น้อย

ฟุโตะมะกิซูชิ (Futomakizushi), ชิบะ (Chiba)

kanto-local-food-11

©︎ Minamiboso City

kanto-local-food-12

©︎ PhotoAC

kanto-local-food-13

©︎ Minamiboso City

ฟุโตะมะกิซูชิ (Futomakizushi) เมนูพื้นบ้านที่สืบทอดกันมาของแถบคาบสมุทรโบโซ (Boso Peninsula) ในจังหวัดชิบะ (Chiba) เป็นเมนูซูชิแบบม้วน หรือที่เรียกกันว่า “มะกิซูชิ (Makizushi)” ที่นิยมทำทานกันในช่วงเทศกาลสำคัญประจำปีและในโอกาสหรือพิธีสำคัญต่างๆ โดยนอกจากข้าวคลุกน้ำส้มสายชูหรือที่เรียกกันว่า “ซุเมะชิ (Sumeshi)” สีขาวแบบปกติแล้ว ก็จะมีการใช้ข้าวซุเมะชิที่ย้อมเป็นสีต่างๆ เช่นชมพูและเขียวด้วย และสำหรับไส้ก็จะใช้วัตถุดิบหลากชนิด เช่นไข่ทอดแผ่นบาง ผักอะโอะนะ (Aona) สาหร่ายอบแห้ง (Nori) ผักดองคัมเปียว (Kanpyo) และโกะโบภูเขา (Yama-gobo) เป็นต้น เมื่อม้วนเสร็จแล้วตัดตามขวาง ก็จะเห็นเป็นรูปหรือลวดลายต่างๆ ดูสวยงาม ปกติแล้วนิยมทำเป็นรูปดอกไม้ แต่ปัจจุบันก็มีการทำเป็นรูปอื่นๆ เช่น ผีเสื้อ แพนด้า และคาแรคเตอร์ยอดนิยมต่างๆ ด้วยเช่นกัน

มงจะยากิ (Monjayaki), โตเกียว (Tokyo)

kanto-local-food-14

©︎ JNTO

kanto-local-food-15

©︎ JTA / © JNTO

มงจะยากิ (Monjayaki) เป็นเมนูท้องถิ่นที่สืบทอดกันมาในย่านดาวน์ทาวน์หรือชิตะมะจิ (Shitamachi) ของโตเกียว (Tokyo) ทำโดยการนำแป้งสาลีมาละลายน้ำในปริมาณค่อนข้างมาก ปรุงรสด้วยซอสหรือโชยุให้เข้ากับวัตถุดิบเครื่องเคราที่ใส่ลงไป แล้วจึงนำไปย่างบนแผ่นกระทะเหล็กโดยใช้ “เฮะระ (Hera)” หรือตะหลิวขนาดจิ๋วค่อยๆ แซะทาน เครื่องเคราหลักๆ ที่ใช้ได้แก่ กะหล่ำปลีและขิงดองหั่นฝอยสีแดง สาหร่ายป่นและกุ้งแห้งซากุระเอบิ (Sakura-ebi) เนื้อสับและไข่ปลาค้อดดองเผ็ดเมนไทโกะ (Mentaiko)  โมจิ (Mochi) ชีส และเส้นบะหมี่อบกรอบ เป็นต้น อาหารประเภทใกล้เคียงกันกับมงจะยากิ ก็คือ โอะโคะโนะมิยากิ (Okonomiyaki) แต่ มงจะยากิจะเหลวกว่าและโดยทั่วไปจะไม่ใส่ไข่ หาทานได้ตามร้านที่ขายมงจะยากิโดยเฉพาะในย่านอะซะกุสะ (Asakusa) และย่านทสึกิชิมะ (Tsukishima)

ข้าวหน้าปลาชิระซุ (Shirasu-don), คะนะงะวะ (Kanagawa)

kanto-local-food-16

©︎ PhotoAC

kanto-local-food-17

©︎ JNTO

ข้าวหน้าปลาชิระซุ (Shirasu-don) เป็นเมนูที่นำปลาชิระซุ (Shirasu) (ลูกของปลาอิวาชิ (Iwashi) ตัวเล็กๆ และปลาชนิดอื่นๆ) จำนวนมากมาโปะลงบนข้าวสวย แล้วเสริมด้วยเครื่องเคียงอื่นๆ เช่น ไข่แดง ต้นหอม ใบชิโสะ (Shiso) และสาหร่ายอบแห้งหั่นฝอย แล้วราดด้วยน้ำจิ้มหรือโชยุ  ส่วนใหญ่แล้วข้าวหน้าปลาชิระซุมักจะใช้ปลาชิระซุต้มเกลือ หรือที่เรียกว่า “คะมะอาเงะชิระซุ (Kamaage Shirasu)” หรือปลาชิระซุแห้งที่เรียกว่า “ชิริเม็งจะโกะ (Chirimenjako)” เป็นหลัก แต่ในแถบคามาคุระและเอโนะชิมะซึ่งอยู่ติดทะเลนั้น บางครั้งจะใช้เป็นปลาชิระซุดิบๆ แทน เรียกเมนูข้าวหน้าปลาชิระซุดิบนี้ว่า “นะมะชิระซุด้ง (Namashirasu-don)” ให้รสสัมผัสลื่นลิ้นและได้กลิ่นหอมจากทะเลไปพร้อมๆ กัน

จดหมายข่าวอื่นๆ