©︎ JNTO
©︎ JNTO
รู้จักเนื้อวัวสุดหรูของญี่ปุ่นที่เรียกว่า วะกิว (Wagyu Beef) กันหรือเปล่า?
วะกิว เป็นคำที่ใช้เรียกเนื้อวัวที่ผลิตในญี่ปุ่นและผ่านมาตรฐานด้านคุณภาพอันเข้มงวด ในปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศเดินทางมาถึงญี่ปุ่นเพื่อทานวะกิว เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และในครั้งนี้เราก็จะมาทำความรู้จักกับ 3 สุดยอดเนื้อวะกิวของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นเนื้อวัวแบรนด์คุณภาพสูงแม้เทียบกับเนื้อวะกิวด้วยกันเอง พร้อมกับแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจที่อยู่ในแหล่งผลิตเนื้อวัวแบรนด์ดังเหล่านี้กันด้วย
3 สุดยอดเนื้อวะกิวของญี่ปุ่น
©︎ Yamagata Prefectural Government
©︎ PhotoAC
วะกิว 3 แบรนด์ที่มีชื่อเสียงและได้รับความนิยมมากเป็นพิเศษ แต่บางทฤษฎีก็อ้างว่าไม่ได้มีการกำหนดจำเพาะเจาะจง อย่างเป็นทางการว่าหมายถึง 3 แบรนด์ใด โดยทั่วไปแล้วมักใช้เรียก
- เนื้อมัตสึซากะจากจังหวัดมิเอะ (Mie Matsusaka Beef)
- เนื้อโกเบจากจังหวัดเฮียวโงะ (Hyogo Kobe Beef)
- เนื้อโยะเนะซะวะจากจังหวัดยะมะงะตะ (Yamagata Yonezawa Beef) หรือ เนื้อโอมิจากจังหวัดชิงะ (Shiga Omi Beef)
วะกิว (Wagyu) คืออะไร?
วะ (Wa) หมายถึงญี่ปุ่น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเนื้อวัวที่ผลิตในญี่ปุ่นทั้งหมดจะเรียกได้ว่าเป็น “วะกิว”
คำว่า “วะกิว” หมายรวมเฉพาะวัว 4 สายพันธุ์ ซึ่งรวมถึง วัวพันธุ์ญี่ปุ่นขนดำ (Japanese Black) ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่กำหนดไว้สำหรับบริโภคเนื้อโดยเฉพาะ (สายพันธุ์ที่เลี้ยงไว้เพื่อผลิตเนื้อวัวเท่านั้น ไม่ใช่เพื่อการผลิตนมวัว) และหมายรวมถึงวัวที่เกิดจากการผสมข้ามระหว่าง 4 สายพันธุ์ ซึ่งสายพันธุ์ญี่ปุ่นขนดำเป็นสายพันธุ์ที่มีการเลี้ยงมากที่สุด และสุดยอดเนื้อวะกิวของญี่ปุ่นก็ล้วนแต่เป็นเนื้อวัวสายพันธุ์ญี่ปุ่นขนดำทั้งสิ้น
แหล่งผลิตสุดยอดเนื้อวะกิวของญี่ปุ่น
©︎ Yamagata Prefectural Government
©︎ JNTO
©︎ Yamagata Prefectural Government
เมืองโยะเนะซะวะ (Yonezawa City) แหล่งผลิตเนื้อโยะเนะซะวะ (Yonezawa Beef) คือดินแดนที่เป็นที่ตั้งของ ศาลเจ้าอุเอะสุงิ (Uesugi Shrine) ซึ่งเป็ยศาลเจ้าที่ใช้สักการบูชาแม่ทัพใหญ่แห่งยุคเซ็นโกะคุ (Sengoku Period) ท่านแม่ทัพเคนชิน อุเอะสุงิ ผู้เลื่องชื่อ นอกจากนั้นยังมี สวนสาธารณะมัตสึงะซะกิ (Matsugasaki Park) ซึ่งสร้างขึ้นจากซากปราสาทโยะเนะซะวะ (Yonezawa Castle Ruins) และไม่เพียงแค่นักท่องเที่ยวเท่านั้นที่นี่ยังเป็นสถานที่ยอดนิยมที่ผู้คนในท้องถิ่นต่างก็ชอบมาผ่อนคลายกันอีกด้วย นอกจากนี้หากได้มาเยือนเมืองโยะเนะซะวะแล้วก็ต้องขอแนะนำให้เที่ยวอนเซ็นด้วยเช่นกัน ทั้ง ชิระบุอนเซ็น (Shirabu Onsen) ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานราว 700 ปี และโอะโนะงะวะอนเซ็น (Onogawa Onsen) ที่จะมีการจัดงานเทศกาลหิ่งห้อยกันในช่วงปลายเดือนมิถุนายน – ปลายเดือนกรกฎาคมของทุกปี อีกทั้งยังมีอนเซ็นอีกหลายแห่งที่ค่อนข้างหายากและอยู่ในที่ลับตาคนให้ได้เลือกผ่อนคลายกับการแช่น้ำร้อนกลางแจ้งท่ามกลางอ้อมกอดของธรรมชาติ
รายละเอียดสถานที่เพิ่มเติม
ที่อยู่ |
เมืองโยะเนะซะวะ (Yonezawa City)Yonezawa-shi, Yamagata |
---|---|
แผนที่ | |
การเดินทาง | จากสถานี Tokyo โดยสารรถไฟ JR Yamagata Shinkansen ไปลงที่สถานี Yonezawa ใช้เวลา 2 ชั่วโมง 10 นาที |
เว็บไซต์ (ภาษาญี่ปุ่น) | http://www.yonezawa-naoe.com/connection/uesugijinja.html |
เว็บไซต์ (ภาษาอังกฤษ) | http://data.yamagatakanko.com/english/sightseeing/yonezawa.html http://yamagatakanko.com.e.db.hp.transer.com/food/?yc=19 |
เว็บไซต์ (ภาษาไทย) | https://www.tohokukanko.jp/zh_th/itineraries/detail_22.html |
©︎ Biwako Visitors Bureau
©︎ Biwako Visitors Bureau
©︎ PhotoAC
หากพูดถึงเมืองโอมิฮะชิมัง (Omihachiman City) ซึ่งเป็นแหล่งผลิตเนื้อวัวโอมิ (Omi Beef) แล้ว ก็ต้องพูดถึง คลองฮะชิมังโบะริ (Hachiman-bori Canal) เส้นทางสัญจรทางน้ำที่ขุดขึ้นโดยฝีมือมนุษย์เมื่อ 400 ปีก่อน และได้รับเลือกให้เป็นภูมิทัศน์วัฒนธรรมที่สำคัญของชาติ ดังนั้นโปรแกรมที่จะขาดไม่ได้เลยหากได้มาเที่ยวที่เมืองโอมิฮะชิมังคือการล่องเรือไปตามสายน้ำเพื่อชมเมือง หรือที่เรียกว่า “ซุยโกเมะกุริ (Suigo Meguri)” และสิ่งที่ช่วยให้ภูมิทัศน์ของที่นี่ดูสวยงามมากยิ่งขึ้นไปอีกก็คือบรรยากาศเมืองที่เรียงรายไปด้วยบ้านเรือนสไตล์ดั้งเดิมของเหล่าพ่อค้าวาณิชย์ซึ่งรัฐบาลกำหนดให้เป็นเขตพื้นที่อนุรักษ์นั่นเอง เพราะที่นี่ยังคงไว้ซึ่งภูมิทัศน์และบรรยากาศแบบโบราณไว้อย่างมากขนาดที่ถูกใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์และละครย้อนยุคอยู่บ่อยๆ และแน่นอนที่สุดว่าจะต้องมีร้านอาหารให้ได้ลิ้มลองรสชาติของเนื้อโอมิแสนอร่อยอยู่มากมาย หลังจากตระเวนเที่ยวชมเมืองแล้วก็อย่าลืมแวะชิมกันดู
รายละเอียดสถานที่เพิ่มเติม
ที่อยู่ |
เมืองโอมิฮะชิมัง (Omihachiman City)Omihachiman-shi, Shiga |
---|---|
แผนที่ | |
การเดินทาง | จากสถานี Shin-Osaka โดยสารรถไฟ JR Tokaido Main Line Special Rapid ไปลงที่สถานี Omi-Hachiman ใช้เวลา 1 ชั่วโมง |
เว็บไซต์ (ภาษาญี่ปุ่น) | https://www.omi8.com/stay/ |
เว็บไซต์ (ภาษาอังกฤษ) | https://en.biwako-visitors.jp/spot/detail/175?active=enjoy http://www.city.omihachiman.shiga.jp/cmsfiles/contents/ 0000009/9296/VisitingOmihachiman.pdf https://en.biwako-visitors.jp/spot/eat/38 |
เว็บไซต์ (ภาษาไทย) | https://www.jnto.or.th/newsletter/omihachiman/ http://www.oumiushi.com/th/index.html |
©︎ Matsusaka City / © JNTO
©︎ Matsusaka City / © JNTO
©︎ Matsusaka City
เมืองมัตสึซากะ (Matsusaka City) ซึ่งเป็นแหล่งผลิตเนื้อมัตสึซากะ (Matsusaka Beef) เคยเจริญรุ่งเรืองในด้านการค้าเมื่อราว 400 ปีก่อน และในปัจจุบันก็ยังคงไว้ซึ่งบรรยากาศบ้านเมืองที่งดงามเรียงรายด้วยอาคารสถาปัตยกรรมดั้งเดิม อย่างเช่น โกะโจบังยะชิกิ (Gojoban Yashiki) ซึ่งเป็นคฤหาสน์ของเหล่าซามูไรที่ทำหน้าที่ปกป้องปราสาทนั้น ปัจจุบันก็ยังมีผู้สืบเชื้อสายซามูไรเหล่านี้อาศัยอยู่ให้เราได้เห็นถึงสภาพชีวิตความเป็นอยู่ในยุคนั้นได้เป็นอย่างดี ส่วนปราสาทมัตสึซากะ (Matsusaka Castle Ruins) นั้น แม้ในปัจจุบันจะไม่มีตัวปราสาทหลงเหลืออยู่ให้เห็นแล้ว แต่กำแพงหินรอบปราสาท (กำแพงหินที่สร้างขึ้นเพื่อป้องกันข้าศึกศัตรูบุกรุก) ที่ได้รับการยอมรับจากรัฐบาลในแง่คุณค่าทางประวัติศาสตร์ก็ยิ่งใหญ่ตระการตาควรค่าแก่การชมเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ที่นี่ยังเป็นแหล่งผลิตผ้าฝ้ายย้อมครามที่เรียกกันว่า มัตสึซากะโมเม็น (Matsusaka Momen) ที่มีจุดเด่นอยู่ที่ลายทางและสีครามซึ่งเป็นที่นิยมมากในยุคนั้น สามารถหาเช่าได้ตามร้านเช่ากิโมโนและมีจำหน่ายตามร้านต่างๆ อีกมากมาย อย่าลืมลองแวะไปดูเพื่อจะได้เป็นความทรงจำที่ดีในการมาเยือนเมืองมัตสึซากะ สำหรับร้านอาหารที่เสิร์ฟเนื้อมัตสึซากะโดยเฉพาะนั้นก็มีอยู่หลายร้านในตัวเมือง อย่าลืมแวะไปชิมกันให้ได้
รายละเอียดสถานที่เพิ่มเติม
ที่อยู่ |
เมืองมัตสึซากะ (Matsusaka City)Matsusaka-shi, Mie |
---|---|
แผนที่ | |
การเดินทาง | จากสถานี Nagoya โดยสารรถไฟ JR Limited Express Nanki ไปลงที่สถานี Matsusaka ใช้เวลา 1 ชั่วโมง 15 นาที |
เว็บไซต์ (ภาษาญี่ปุ่น) | https://www.matsusaka-kanko.com/ |
เว็บไซต์ (ภาษาอังกฤษ) | https://www.matsusaka-kanko.com/language/en/index/ |
เว็บไซต์ (ภาษาไทย) | https://www.jnto.or.th/activities/all-around-japan/9-popular-food-area/okageyokocho/ |
©︎ KOBE TOURISM BUREAU
©︎ JNTO
©︎ KOBE TOURISM BUREAU
เมืองโกเบ (Kobe City) แหล่งผลิตเนื้อโกเบแห่งนี้เป็นเมืองที่พัฒนาขึ้นในฐานะเมืองท่า จึงมีความโดดเด่นตรงบรรยากาศบ้านเมืองที่ไม่ได้มีเพียงอาคารสถาปัตยกรรมแบบญี่ปุ่นเท่านั้น หากแต่ยังมีกลิ่นอายของวัฒนธรรมตะวันตกที่เปิดรับเข้ามาด้วย บริเวณท่าเรือคือที่ตั้งของสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอย่าง หอคอยท่าเรือโกเบ (Kobe Port Tower) ที่เรียกได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ของเมืองและโกเบฮาเบอร์แลนด์ อุมิเอะ (Kobe Harborland UMIE) ที่ให้คุณได้เพลิดเพลินกับการช้อปปิ้งและทิวทัศน์ท้องทะเลสวยๆ ไปได้พร้อมๆ กัน นอกจากนี้ทางฝั่งภูเขาก็มีภูเขารคโค (Mt. Rokko) ซึ่งเป็นที่นิยมในหมู่นักปีนเขาและฟาร์มรคโคซัง (Rokkosan Pasture) ให้ได้สัมผัสกับเหล่าสัตว์แสนน่ารัก และจุดชมวิวยอดนิยมอันเลื่องลือในเรื่องของทิวทัศน์ยามค่ำคืนงดงามระดับแถวหน้าของญี่ปุ่นอย่างเช่น จุดชมวิวคิคุเซไดบนภูเขามายะ (Mt. Maya Kikuseidai Observatory) เป็นต้น อีกทั้งเมืองโกเบยังมีแหล่งอนเซ็นชื่อดังอย่างอะริมะ (Arima) ซึ่งเต็มไปด้วยอนเซ็นทั้งแบบไม่ต้องพักค้างแรม และอนเซ็นสำหรับแช่เท้า เหมาะที่สุดสำหรับการแวะไปคลายความเหนื่อยล้าในระหว่างการเดินทาง
รายละเอียดสถานที่เพิ่มเติม
ที่อยู่ |
เมืองโกเบ (Kobe City)Kobe-shi, Hyogo |
---|---|
แผนที่ | |
การเดินทาง | จากสถานี Shin-Osaka โดยสารรถไฟ JR Special Rapid Service ไปลงที่สถานี Sannomiya ใช้เวลา 30 นาที |
เว็บไซต์ (ภาษาญี่ปุ่น) | https://www.feel-kobe.jp/ |
เว็บไซต์ (ภาษาอังกฤษ) | http://plus.feel-kobe.jp/ http://www.kobe-niku.jp/en/top.html |
เว็บไซต์ (ภาษาไทย) | http://plus.feel-kobe.jp/th/ |
[ เพจที่เกี่ยวข้อง ]
- ชื่อวะกิว
- เมนูวัววะกิวที่แนะนำ
- ร้านอาหารขึ้นชื่อในกินซ่าที่เสิร์ฟความอร่อยของวะกิว
- อาหารท้องถิ่นของฮอกไกโด (Hokkaido)
- อาหารท้องถิ่นของโทโฮคุ (Tohoku)
- อาหารท้องถิ่นของคันโต (Kanto)
- อาหารท้องถิ่นของโฮคุริคุ/ชินเอ็ทสุ (Hokuriku/Shinetsu)
- อาหารท้องถิ่นของชูบุ (Chubu)
- อาหารท้องถิ่นของคันไซ (Kansai) หรือคิงกิ (Kinki)
- อาหารท้องถิ่นของชูโงะคุ (Chugoku)
- อาหารท้องถิ่นของชิโกะคุ (Shikoku)
- อาหารท้องถิ่นของคิวชู (Kyushu)
- อาหารท้องถิ่นของโอกินาวะ (Okinawa)
ข้อมูล ณ เดือนเมษายน 2019