อาหารเลิศรส ตามสไตล์ท้องถิ่นแห่งภูมิภาคชูโงะคุ (Chugoku)

chugoku-food-01

©︎ Okayama Prefectural Tourism Federation

chugoku-food-02

ภูมิภาคชูโงะคุ (Chugoku) คือพื้นที่ซึ่งอยู่ระหว่างภูมิภาคคันไซ (Kansai) กับภูมิภาคคิวชู (Kyushu) มีเมืองใหญ่หลักๆ คือจังหวัดฮิโรชิมะ (Hiroshima) ทิศเหนือติดทะเลญี่ปุ่น (Japan Sea) ทิศใต้โอบล้อมไปด้วยทะเลเซโตะ (Seto Inland Sea) จึงเป็นดินแดนที่มีอาหารการกินอุดมสมบูรณ์ นอกจากอาหารทะเลสดๆ จากท้องทะเลอันสวยงามแล้ว ภูมิภาคชูโงะคุยังมีอาหารพื้นเมืองอีกมากมายที่หาทานได้เฉพาะในท้องถิ่นนี้เท่านั้น และในครั้งนี้เราจะมาแนะนำอาหารท้องถิ่นรสเลิศ 7 ชนิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมนูแสนอร่อยที่ไม่ควรพลาดในช่วงฤดูใบไม้ร่วงนี้

หอยนางรม (Oysters), ฮิโรชิมะ (Hiroshima)

chugoku-food-03

©︎ JNTO

chugoku-food-04

©︎ JNTO

chugoku-food-05

©︎ JNTO

จังหวัดฮิโรชิมะ (Hiroshima) เป็นจังหวัดที่ผลิตหอยนางรมได้มากเป็นอันดับหนึ่งของญี่ปุ่น หอยนางรมที่จับได้ในฮิโระชิมะนั้นจะเป็นหอยตัวใหญ่ เนื้ออวบแน่น และให้รสชาติที่เข้มข้น ไม่ว่าจะนำไปย่าง นึ่ง ชุบแป้งทอด ทานสดๆ หรือจะนำไปอบพร้อมข้าวก็ล้วนเอร็ดอร่อยทุกเมนู โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงตั้งแต่ฤดูใบไม้ร่วงไปจนถึงฤดูหนาว ภายในเนื้อหอยจะมีไกลโคเจน (Glycogen) ซึ่งเรียกได้ว่าเป็น จุดกำเนิดของรสอร่อย อยู่เป็นจำนวนมาก จึงเป็นฤดูที่หอยนางรมจะมีรสชาติอร่อยที่สุด อีกทั้งใกล้ๆ กับท่าเรือประมง และในตัวเมืองฮิโรชิมะ จะมีร้านอาหารที่ขายเฉพาะเมนูจากหอยนางรมอยู่มากมายให้เราได้ย่างหอยทานกันเอร็ดอร่อยและสนุกสนานราวกับปิ้งบาร์บีคิวกันเลยทีเดียว ซึ่งชาวญี่ปุ่นเรียกร้านแบบนี้ว่า คะคิโกะยะ (Kakigoya) มีความหมายว่ากระท่อมหอยนางรมนั่นเอง

โอโคโนมิยากิ (Okonomiyaki), ฮิโรชิมะ (Hiroshima)

chugoku-food-06

©︎ JNTO

chugoku-food-07

©︎ JNTO

chugoku-food-08

©︎ JNTO

โอโคโนมิยากิ (Okonomiyaki) เป็นอาหารญี่ปุ่นชนิดหนึ่งที่นำแป้งสาลีละลายน้ำมาทอดบนแผ่นกระทะเหล็กพร้อมด้วยเครื่องต่างๆ เช่นเนื้อสัตว์ ผัก หรืออาหารทะเลนานาชนิด แล้วทานคู่กับซอสหรือมายองเนส โอโคโนมิยากิของทางแถบคันไซ (Kansai) นิยมนำเครื่องต่างๆ ลงไปผสมกับแป้งละลายน้ำก่อนจึงนำไปทอด แต่ของที่ฮิโรชิมะ (Hiroshima) จะเทแป้งลงบนกระทะเหล็กก่อน จากนั้นใส่กะหล่ำปลี ถั่วงอก เนื้อหมู ยากิโซบะ และไข่ลงไปด้านบนตามลำดับ แล้วจึงทอดโดยกดลงไปให้แนบกับกระทะเหล็ก จึงให้สัมผัสที่กรุบกรอบเป็นเอกลักษณ์ นอกจากนี้โอโคโนมิยากิหน้าหอยนางรมฮิโรชิมะก็เป็นอีกหนึ่งเมนูยอดนิยมเช่นกัน อยากให้ไปลิ้มลองโอโคโนมิยากิจานอร่อยในช่วงฤดูอากาศหนาวเย็นที่กำลังจะมาถึงนี้กัน

มะมะคะริซูชิ (Mamakari Sushi), โอคะยะมะ (Okayama)

chugoku-food-10

©︎ Okayama Prefectural Tourism Federation

chugoku-food-09

©︎ Okayama Prefectural Tourism Federation

มะมะคะริ (Mamakari) คือชื่อของปลาชนิดหนึ่ง มีขนาดเล็ก นิยมทานกันในจังหวัดโอคะยะมะ (Okayama) ชื่อเรียกจริงๆ ของปลาชนิดนี้ก็คือ ซัปปะ (Sappa) มีเรื่องเล่ากันว่า มะมะคะริ (Mamakari) นั้นก็คืออาหารที่ปรุงจากปลาซัปปะอย่างอร่อยเป็นที่สุด จนคนที่ได้ทานเข้าไปแล้วเติมข้าวสวยหลายๆ รอบ ทานจนข้าวที่หุงไว้หมดหม้อ จนถึงกับต้องไปขอข้าวสวยมาจากบ้านข้างๆ นั่นแล เมนูยอดนิยมจากปลาชนิดนี้ก็คือ “มะมะคะริซูชิ (Mamakari Sushi)” ทำโดยนำปลามาแล่ออกเป็น 2 ชิ้น ทาเกลือและดองในน้ำส้มสายชู จากนั้นจึงนำมาปั้นเป็นซูชิ ปลามะมะคะริจะอร่อยเป็นพิเศษในฤดูใบไม้ร่วงเนื่องจากมีไขมันสะสมอยู่มาก

โอคะยะมะ บะระซูชิ (Okayama Barasushi), โอคะยะมะ (Okayama)

chugoku-food-11

©︎ JNTO

chugoku-food-12

©︎ JNTO

chugoku-food-13

©︎ Okayama Prefectural Tourism Federation

โอคะยะมะ บะระซูชิ (Okayama Barasushi) เป็นซูชิพื้นเมืองเมนูหนึ่งที่นำปลาและอาหารทะเลชนิดต่างๆ ในฤดูกาลจากทะเลเซโตะ (Seto Inland Sea) และพืชผักนานาชนิดในจังหวัดโอคะยะมะ (Okayama) มาจัดเรียงเป็นซูชิที่มีสีสันสดใสน่ารับประทาน โดยจะนำเห็ดหอมและฟักดองหรือที่เรียกว่าคัมเปียว (kampyo) ซึ่งต้มและปรุงรสไว้ มาคลุกกับข้าวสวย จากนั้นจึงนำไข่เจียวหั่นฝอยมาจัดเรียงไว้ด้านบน พร้อมด้วยปลาท้องถิ่นโอคะยะมะ (Okayama) อย่าง มะมะคะริ (Mamakari) เป็นหลัก ตามด้วยอาหารทะเลอื่นๆ เช่น กุ้ง ปลาซะวะระ (Sawara) ปลาไหลย่าง และหอย จากนั้นจึงตกแต่งด้วยพืชผักนานาชนิด เช่น รากบัว ถั่วลันเตา และหน่อไม้ เป็นต้น เมนูเด็ดที่หาทานได้เฉพาะที่จังหวัดโอคะยะมะเมนูนี้จึงให้เราได้เอร็ดอร่อยกับเครื่องโรยหน้าซูชิที่มีรสชาติหลากหลายชนิดพร้อมกันในคำเดียว

ปูมัตสึบะ (Matsuba Crab), ทตโตริ (Tottori)

chugoku-food-14

©︎ JNTO

chugoku-food-15

©︎ JNTO

chugoku-food-16

©︎ JNTO

ปูมัตสึบะ (Matsuba Crab) คือชื่อเรียกของปูซุไว (Suwai Crab / Snow Crab) ที่จับได้ในแถบซันโย (Sanyo) และเป็นผลิตภัณฑ์อาหารทะเลหลักในฤดูหนาวของจังหวัดทตโตริ (Tottori) ฤดูจับปูมัตสึบะ (Matsuba Crab) จะเริ่มขึ้นในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนของทุกปีไปจนถึงเดือนมีนาคมปีถัดไป ในฤดูหนาวของทะเลญี่ปุ่น (Japan Sea) คลื่นลมจะแรง เนื้อปูที่อัดแน่นอยู่ภายใต้กระดองขนาดใหญ่นั้นจะให้สัมผัสนุ่มแน่นสู้ฟัน ไม่ว่าจะทานดิบๆ ต้ม หรือย่างก็เอร็ดอร่อยไปเสียหมด นอกจากนี้มันปูในฝากระดองก็เหมาะสำหรับจะรับประทานกับข้าวสวยหรือทานกับเหล้าเป็นกับแกล้มเป็นที่สุด

อิซุโมะโซบะ (Izumo Soba), ชิมะเนะ (Shimane)

chugoku-food-17

©︎ JNTO

chugoku-food-18

©︎ Shimane Prefecture

chugoku-food-19

©︎ JNTO

อิซุโมะโซบะ (Izumo Soba) คือเส้นโซบะของดังของดีในท้องถิ่นอิซุโมะ (Izumo) จังหวัดชิมะเนะ (Shimane) เอกลักษณ์ที่โดดเด่นที่สุดของเส้นโซบะชนิดนี้ก็คือสีที่ออกเข้มกว่าเมื่อเทียบกับเส้นโซบะจากท้องถิ่นอื่นๆ และเนื่องจากแป้งโซบะที่ใช้นั้นได้มาจากการนำเมล็ดโซบะมาบดเป็นแป้งทั้งเปลือก จึงทำให้แป้งที่ได้มีสีดำคล้ำแต่มีกลิ่นหอมและมีรสชาติอร่อยไม่เหมือนใคร

ในฤดูใบไม้ร่วงซึ่งเป็นช่วงเสร็จสิ้นฤดูเก็บเกี่ยวโซบะนี้ ขอแนะนำให้ลองลิ้มรสและกลิ่นอันหอมหวลของ “อิซุโมะโซบะ (Izumo Soba)” ดูกันสักครั้ง

การรับประทานอิซุโมะโซบะ (Izumo Soba) มีอยู่ 2 วิธี
  1. วะริโกะโซบะ (Warigo Soba) คือนำเส้นโซบะไปใส่ในภาชนะทรงกลมซ้อนเป็นชั้นๆ พร้อมด้วยเครื่องต่างๆ เพื่อปรุงรส จากนั้นจึงราดน้ำซอสหรือทสึยุ (tsuyu) ลงไปเส้นโซบะแล้วรับประทานโดยเริ่มจากชั้นบนสุดก่อนลงไปตามลำดับ
  2. คะมะอะเงะโซบะ (Kamaage Soba) คือนำเอาเส้นโซบะที่เพิ่งลวกจากในหม้อมาใส่ในภาชนะและมีเครื่องปรุงแยกมาตั้งหาก โดยลำดับเริ่มแรกคือการราดด้วยน้ำลวกโซบะข้นๆ ลงไป แล้วจึงเทน้ำซอสหรือทสึยุ (tsuyu) และโรยเครื่องต่างๆ เพื่อปรุงรสลงไปด้านบน

หม้อไฟส้มซุโอ โอชิมะ (Suo-Oshima Tangerine Hot Pot), ยะมะงุชิ (Yamaguchi)

©︎ Yamaguchi Prefectural Tourism Federation

หม้อไฟส้ม คืออาหารประเภทหม้อไฟ (hot pot) ที่นำผลส้มซึ่งเก็บเกี่ยวได้ที่เกาะซุโอโอชิมะ (Suo Oshima Island) จังหวัดยะมะงุชิ (Yamaguchi) มาย่างทั้งเปลือกแล้วใส่ลงในหม้อไฟ เป็นเมนูที่หาทานได้เฉพาะที่เกาะแห่งนี้เท่านั้น

  1. ใส่ผลส้มย่างทั้งเปลือก
  2. ใส่ทสึมิเระ (Tsumire) หรือปลาในท้องถิ่นที่จับได้จากทะเลเซโตะ (Seto Inland Sea) นำมาขูดเนื้อคลุกเคล้ากับผิวส้ม
  3. โรยพริกไทยส้มซึ่งทำจากพริกเขียวและผิวส้ม
  4. ขั้นตอนสุดท้ายในการรับประทาน จะต้องเทไข่ขาวที่ตีจนขึ้นฟูลงไปในหม้อที่ใส่ข้าวสวยเตรียมไว้ จากนั้นจึงราดไข่แดงลงไปให้ทั่ว แล้วโรยต้นหอมหรือผักมิซุนะ (Mizuna) ลงไปตรงกลางแล้วทานเป็น ข้าวต้มส้ม หากไม่ได้ทานด้วยองค์ประกอบครบทั้ง 4 อย่างนี้ ก็จะเรียกว่าเป็นหม้อไฟส้มไม่ได้

ในส่วนของรสชาตินั้นต้องนับว่าสุดยอด ด้วยกลิ่นหอมสดชื่นอันเป็นเอกลักษณ์ของผลไม้ตระกูลซิตรัส (Citrus) ที่ช่วยกระตุ้นให้เจริญอาหาร และเข้ากันได้ดีกับน้ำซุปหวานกลมกล่อมจากอาหารทะเลหลากชนิด เป็นอาหารที่จะหาทานได้เฉพาะช่วงตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนจนถึงมีนาคม ซึ่งเป็นฤดูอร่อยของส้มนั่นเอง

ข้อมูล ณ เดือนตุลาคม 2017

จดหมายข่าวอื่นๆ