เปิดประตูสู่ฮอกไกโดตะวันออก สัมผัสความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติ : วันที่ 3 อะบะชิริ (Abashiri)

พิพิธภัณฑ์เรือนจำอะบะชิริ (Abashiri Prison Museum)

พิพิธภัณฑ์เรือนจำอะบะชิริ (Abashiri Prison Museum) เรือนจำเก่าที่เคยจองจำนักโทษในคดีใหญ่ๆ นับพันคน เพราะเป็นคุกที่แน่นหนาและหลบหนีได้ยากจากสภาพอากาศอันหนาวเหน็บของเมืองอะบะชิริ ในปัจจุบันแปรเปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑ์ขนาดใหญ่ ที่เปิดให้เด็กๆ และผู้คนทั่วไปได้เข้าชมสภาพแวดล้อมของเรือนจำ รวมถึงมีหุ่นนักโทษ เพื่อจำลองความเป็นอยู่และการใช้ชีวิตภายในเรือนจำแห่งนี้ ทั้งในห้องขัง โรงอาหาร ห้องอาบน้ำ หรือห้องลงโทษผู้กระทำความผิด นอกจะให้ความรู้แล้วยังเป็นเครื่องเตือนใจให้เด็กรุ่นใหม่มุ่งมั่นทำความดีอยู่เสมอ

พิพิธภัณฑ์น้ำแข็งขั้วโลก (Okhotsk Ryuhyo Museum)

พิพิธภัณฑ์น้ำแข็งขั้วโลก (Okhotsk Ryuhyo Museum) พิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมเรื่องราวอันน่าทึ่งของน้ำแข็งขั้วโลกเหนือในทะเลโอคอทสก์ โดยจะพาเราลงลึกไปถึงความเป็นมาของก้อนน้ำแข็งขนาดยักษ์ในห้องจำลองที่มีอุณหภูมิ -15 องศา ก่อนพาไปชมหนังจอใหญ่เกี่ยวกับเรือตัดน้ำแข็ง และนิทรรศการเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตตัวน้อยที่อาศัยในทะเลแห่งนี้ โดยเฉพาะคลิโอเนะ ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นนางฟ้าแห่งท้องทะเล สิ่งมีชีวิตจำพวกหอยที่มีลำตัวใสๆ ยาวเพียง 1 เซนติเมตร และมีครีบแหวกว่ายไปในน้ำงดงามราวผีเสื้อ นอกจากนี้ยังมีปลาหลากสีสันหน้าตาแปลกประหลาดที่หาชมได้ยาก ส่วนชั้นบนสุดเป็นจุดชมวิวแบบพาโนรามาซึ่งสามารถมองเห็นเมืองอะบะชิริ และทะเลโอคอทสก์ได้อย่างตระการตา

พิพิธภัณฑ์ชาวเหนือแห่งฮอกไกโด (Hokkaido Museum of Northern Peoples)

พิพิธภัณฑ์ชาวเหนือแห่งฮอกไกโด (Hokkaido Museum of Northern Peoples) บอกเล่าเรื่องราวทางประวัติศาสตร์อันน่าสนใจของชนเผ่าชาวเหนือ ผู้ที่อาศัยอยู่ในดินแดนนี้มาช้านาน ไม่ว่าจะเป็นชาวไอนุ ประชากรกลุ่มแรกที่มาจากแคนาดาตอนเหนือ ชาวเอสกิโม ชาวซามิ และชาวไซบีเรีย โดยจัดแสดงเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายของแต่ละชนเผ่า ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ที่แสดงถึงภูมิปัญญาชาวบ้าน เครื่องปั้นดินเผา ถ้วยชาม อาวุธชนิดต่างๆ พิธีกรรมความเชื่อ รวมถึงจำลองบ้านเรือนและสภาพความเป็นอยู่ของผู้คนในสมัยนั้น

พักในเมืองอะบะชิริ (Abashiri)

*แผนการเดินทางเสริม*

สวนทาคิโนะอุเอะ (Takinoue Park)

สวนทาคิโนะอุเอะ (Takinoue Park) ตั้งอยู่ที่เมืองทาคิโนะอุเอะ (Takinoue) ซึ่งอยู่ทางใต้ของเมืองมอนเบ็ทสึ โดยสวนแห่งนี้จะแปรเปลี่ยนเป็นสีชมพูสดใสในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงปลายมิถุนายน เพราะเต็มไปด้วยพิงค์มอส หรือดอกชิบะซากุระที่บานสะพรั่งไปในทั่วทุกพื้นที่กว่า 100,000 ตารางเมตร นักท่องเที่ยวญี่ปุ่นและจากทุกมุมโลกต่างแห่มาชื่นชมและถ่ายรูปเนินเขาสีชมพูกันอย่างเนืองแน่น จนได้ชื่อว่าเป็นแหล่งชมดอกพิงค์มอสที่โด่งดังที่สุดในญี่ปุ่น ในช่วงที่ดอกบานเต็มที่จะมีการจัดเทศกาลออกร้าน ขายอาหารและของที่ระลึกสร้างความคึกคักให้ทั้งเมือง

สวนคามิยุเบ็ทสึ (Kamiyubetsu Park)

สวนคามิยุเบ็ทสึ (Kamiyubetsu Park) ตระการตากับความงดงามของดอกทิวลิปกว่า 1 ล้านต้น ในช่วงเทศกาล Kamiyubetsu Tulip Fair ตั้งแต่ต้นเดือนพฤษภาคมถึงต้นมิถุนายน โดยจะเป็นช่วงเวลาที่ดอกทิวลิปหลากสีสันกว่า 120 สายพันธุ์เบ่งบานสะพรั่งเต็มพื้นที่กว่า 70,000 ตารางเมตร โดยมีกังกันลมขนาดใหญ่ตั้งอยู่กลางสวน ให้บรรยากาศคล้ายสวนดอกไม้ในแดนยุโรป ภายในยังมีพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับดอกทิวลิป ร้านขายของที่ระลึกและผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับทิวลิป รวมถึงร้านอาหารที่เปิดโอกาสให้ลิ้มลองอาหารรสเลิศไปพร้อมกับนั่งชมทิวทัศน์ของทุ่งดอกทิวลิปเพิ่มความรื่นรมย์ให้กับมื้ออาหาร

เรือตัดน้ำแข็งออโรร่า (Abashiri Drift Ice Ryuhyo Aurora)

เรือตัดน้ำแข็งออโรร่า (Abashiri Drift Ice Ryuhyo Aurora) เปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ด้วยการล่องเรือตัดน้ำแข็งลำยักษ์ไปในทะเลโอคอทสก์ซึ่งเต็มไปด้วยก้อนน้ำแข็งขนาดมหึมาที่ลอยล่องมาไกลมาจากรัสเซีย  โดยเรือจะค่อยๆ แล่นไปช้าๆ แหวกตัดผ่านก้อนน้ำแข็งรูปทรงแปลกตาเต็มท้องทะเล รวมถึงอาจมีโอกาสเห็นนกนางนวล นกอินทรีย์ คลิโอเนะ หรือแม้กระทั่งเจ้าแมวน้ำตัวน้อยน่ารักที่ลอยติดมากับแผ่นน้ำแข็ง โดยกิจกรรมนี้จะมีเฉพาะช่วงฤดูหนาวคือประมาณกลางเดือนมกราคมถึงสิ้นเดือนมีนาคมเท่านั้น