รายละเอียดการเช่ารถ

ประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีระบบคมนาคมที่ทันสมัย และครอบคลุมทุกภูมิภาคทั่วประเทศ แต่สำหรับนักเดินทางที่ชอบความอิสระ และอยากสนุกตามสไตล์ของตัวเอง ไม่ต้องกังวลเรื่องขีดกำจัดของเวลา "การเที่ยวแบบเช่ารถขับเอง" ก็เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจ โดยเฉพาะหากมากับครอบครัว หรือกลุ่มเพื่อนหลายคนก็จะยิ่งประหยัดค่าใช้จ่ายในส่วนของค่าเดินทางไปได้มาก
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะตัดสินใจใช้บริการเช่ารถยนต์ ควรศึกษากติกามารยาทการขับรถ การเติมน้ำมัน วิธีการจอดรถ ไปจนถึงระบบการใช้ทางด่วนประเทศญี่ปุ่นเอาไว้ล่วงหน้า

การเตรียมตัว

การเช่ารถขับที่ประเทศญี่ปุ่น สามารถเตรียมตัวได้ง่ายๆ แค่มีหลักฐานดังต่อไปนี้

  1. ใบอนุญาตขับขี่ระหว่างประเทศ สามารถขอใบอนุญาตขับขี่ระหว่างประเทศได้ที่สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-5 และสำนักงานขนส่งจังหวัดทุกจังหวัด เพียงเตรียมเอกสารดังนี้
    • สำเนาหนังสือเดินทาง (พร้อมฉบับจริง)
    • สำเนาประจำตัวประชาชน (พร้อมฉบับจริง)
    • ใบอนุญาตขับรถยนต์ส่วนบุคคล (ชนิด 5 ปี) หรือตลอดชีพ
    • รูปถ่ายหน้าตรงขนาด 2 นิ้ว 2 รูป (ถ่ายไม่เกิน 6 เดือน)
    • เงินค่าธรรมเนียม จำนวน 505 บาท
  2. พาสปอร์ตของผู้ที่เป็นคนขับ
  3. เอกสารยืนยันการจองรถที่ได้รับจากอีเมล
  4. บัตรเครดิต

บริษัทเช่ารถ

ปัจจุบันบริษัทเช่ารถยนต์ในประเทศญี่ปุ่น มีให้เลือกมากมายหลายบริษัท สามารถจองรถเช่าจากเมืองไทยผ่านทางเว็บไซต์ได้ทันที ซึ่งบริษัทเช่ารถยนต์บางแห่งยังมีเว็บไซต์ภาษาอังกฤษ และภาษาไทย ทำให้ง่ายต่อการเช่า
สิ่งที่จำเป็นต้องแจ้งเวลาเช่ารถ

  1. ชื่อสกุลภาษาอังกฤษ
  2. เบอร์โทรศัพท์ที่สามารถติดต่อได้
  3. วันที่ออกเดินทาง - สถานที่รับรถ
  4. วันที่คืนรถ - สถานที่คืนรถ
  5. ประเภทของรถที่ต้องการ
  6. จำนวนผู้โดยสาร
  7. บริการเสริมต่างๆ (อาทิ GPS, บัตรทางด่วน ETC, ที่นั่งเสริมสำหรับเด็ก, ยางสำหรับฤดูหนาว เป็นต้น)

ในวันรับรถ ให้แสดงเอกสารยืนยันการจอง พร้อมใบอนุญาตขับขี่ระหว่างประเทศ และพาสปอร์ตกับพนักงาน จากนั้นพนักงานจะให้เซ็นเอกสารต่างๆ และพาไปยังจุดรับรถ ขั้นตอนนี้พนักงานจะให้คู่มือ และใบตรวจเช็ครถยนต์ ข้อควรระวังคือ ควรเช็คสภาพ และตรวจรอยขีดข่วนรอบคันรถว่ามีหรือไม่ เพื่อที่จะได้ไม่ถูกเรียกเก็บค่าปรับภายหลัง

การเติมน้ำมัน

ที่ประเทศญี่ปุ่นมีสถานีเติมน้ำมันอยู่ 2 ประเภท คือแบบที่มีพนักงานคอยบริการ และ แบบบริการตัวเอง เมื่อคุณต้องเติมน้ำมันประเภทบริการตัวเองแล้ว ต้องระวัง และอย่าสับสนประเภทของน้ำมันเชื้อเพลิง ควรเช็คกับพนักงานเช่ารถยนต์อีกครั้งก่อนรับรถ
ตัวอย่างวิธีการเติมน้ำมันแบบบริการตัวเอง

  1. จอดรถโดยหันรถฝั่งที่มีฝาเติมน้ำมันเข้าหาตู้เติมน้ำมัน แล้วดับเครื่องยนต์
  2. เลือกวิธีชำระเงินค่าน้ำมัน โดยสามารถจ่ายด้วยเงินสด หรือบัตรเครดิต (กรณีจ่ายด้วยเงินสด ให้ใส่เงินตามปริมาณที่ต้องการเติม หากมีเงินทอน เครื่องจะคำนวนให้โดยอัตโนมัติ)
  3. เลือกประเภทน้ำมันเชื้อเพลิง ถ้าต้องการที่จะเติมน้ํามันให้เต็มถัง ให้เลือกปุ่มที่เขียนว่า 満タン (มันตัง)
    *ประเภทของน้ำมันที่ประเทศญี่ปุ่น จะแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่
    • น้ำมันเบนซินธรรมดา (ภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า RE-GYU-RA-A) สีหัวจ่ายสีแดง
    • น้ำมันดีเซล (ภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า KE-I-YU) สีหัวจ่ายสีเขียว
    • น้ำมันเบนซินไร้สารตะกั่ว (ภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า HA-I-O-KU) สีหัวจ่ายสีเหลือง
  4. แตะแผ่นไล่ไฟฟ้าสถิตทุกครั้งก่อนเติมน้ำมัน เพื่อป้องกันอันตราย และห้ามใช้โทรศัพท์มือถือระหว่างการเติมน้ำมัน
  5. เติมน้ำมัน ให้เปิดฝาถังน้ำมันรถ จากนั้นสอดหัวจ่ายประเภทของน้ำมันเชื้อเพลิงที่เลือกไว้ลงไปในถังให้แน่น และบีบคันโยกตรงด้ามจับเพื่อเติมน้ำมัน ตู้น้ำมันจะหยุดจ่ายอัตโนมัติเมื่อเติมครบตามจำนวน หลังจากนั้นให้วางหัวจ่ายกลับเข้าที่
  6. รับเงินทอนที่ตู้เติมน้ำมัน หรือบางแห่งอาจจะต้องนำใบเสร็จไปสอดในตู้รับเงินทอนใกล้ๆ ตู้เติมน้ำมัน

**วิธีการเติมน้ำมันดังกล่าว อาจไม่เหมือนกันทุกที่ ขึ้นอยู่กับตู้เติมน้ำมันที่ใช้บริการ

การจอดรถในญี่ปุ่น

ที่ประเทศญี่ปุ่นจะมีที่จอดรถแบบหลายประเภทเช่น ที่จอดรถหยอดเหรียญ มิเตอร์ที่จอดรถ ที่จอดรถแบบเสียค่าบริการ เป็นต้น หากจอดรถในที่ห้ามจอดจะถูกล็อคล้อ และต้องเสียค่าปรับ วิธีการหาที่จอดรถนั้นไม่ยาก ให้สังเกตป้ายตัว P ไว้ ซึ่งแต่ละจุดจอดรถจะราคาไม่เท่ากัน
ตัวอย่างวิธีการจอดรถแบบหยอดเหรียญ

  1. ถอยรถเข้าไปจอดในช่องจอดรถที่ว่าง
  2. เมื่อจอดรถเรียบร้อยแล้ว ตัวล็อคที่ติดอยู่ที่พื้นจะยกขึ้น จากนั้นก็ดับเครื่องยนต์และทิ้งรถไว้ที่ลานจอด โดยยังไม่ต้องชำระค่าจอด
  3. ในการนำรถออก ให้ตรวจสอบหมายเลขช่องจอดที่อยู่ที่พื้น จากนั้นใส่หมายเลขลงในตู้จ่ายเงินอัตโนมัติ แล้วกดปุ่ม 精算 (แปลว่า คิดค่าจอดรถ)
  4. เครื่องจะคำนวนค่าจอดรถ และแสดงผลที่หน้าจอ สามารถชำระได้ทั้งธนบัตร และเหรียญ จากนั้นรอรับใบเสร็จ
  5. ตัวล็อคจะลดระดับลง ตรวจสอบให้แน่ใจว่าตัวล็อคได้ลดลงระนาบกับพื้นหรือไม่ จึงค่อยนำรถออก
  6. หลังจากชำระเงินแล้ว ควรนำรถออกทันที หากเลยระยะเวลาที่กำหนด ตัวล็อคจะยกขึ้นมาอีกครั้ง

เกี่ยวกับการจ่ายค่าทางด่วน

สำหรับการใช้ทางด่วนที่ญี่ปุ่น สามารถจ่ายเงินผ่านตู้อัตโนมัติ หรือเลือกใช้บัตรทางด่วน โดยหลักๆ จะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ ETC (Electronic Toll Collection) บัตรเก็บข้อมูลการใช้ทางด่วน และ Expressway Pass บัตรทางด่วนเหมาจ่ายสำหรับภูมิภาค
ซึ่งบัตร ETC จะเหมาะกับผู้ที่ใช้ทางด่วนบ่อย อำนวยความสะดวกโดยไม่ต้องเตรียมเงินสดค่าทางด่วน ให้เสียเวลา สามารถขับผ่านช่อง ETC ได้เลย เมื่อคืนรถ บริษัทเช่ารถจะนำบัตร ETC ไปตรวจสอบค่าทางด่วน และคิดเงินตามจริง
สำหรับใครที่ต้องการใช้บัตร ETC สามารถระบุขอเช่าอุปกรณ์เสริมตอนที่จองรถได้เลย แต่สำหรับใครที่ขับรถระยะทางสั้นๆ ไม่ต้องใช้ทางด่วน ก็ไม่จำเป็นต้องเช่า ETC หรือ Expressway Pass เพิ่ม

ประโยชน์ของบัตรเหมาจ่ายทางด่วนที่ญี่ปุ่น

การใช้บัตรเหมาจ่ายทางด่วนจะช่วยให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทาง อีกทั้งยังช่วยอำนวยความสะดวกเนื่องจากสามารถขับรถผ่านช่อง ETC (Electronic Toll Collection) ได้เลย โดยไม่ต้องหยุดรถเพื่อคอยจ่ายเงินสดทุกๆ ด่าน

ข้อมูลบัตรเหมาจ่ายทางด่วน

・ Hokkaido Expressway Pass (HEP)

บัตรเฉพาะสำหรับนักท่องเที่ยว ใช้กับทุกทางด่วนในฮอกไกโดได้อย่างไม่จำกัด โดยต้องแสดงหลักฐานหนังสือเดินทางต่างประเทศเท่านั้น บัตร Hokkaido Expressway Pass แบบเหมาจ่ายนี้ เริ่มต้นที่ 2 วัน (3,700 เยน) ไปจนถึง 14 วัน (11,500 เยน) โดยมีเงื่อนไขคือต้องใช้ติดต่อกันเท่านั้น

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://www.driveplaza.com/trip/drawari/hokkaido_expass/th.html

・ Tohoku Expressway Pass (TEP)

บัตรเหมาจ่ายทางด่วนในภูมิภาคโทโฮคุที่สามารถใช้ขึ้นทางด่วนได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง เพื่อย่นเวลาการเดินทางได้มากขึ้น จำกัดเฉพาะนักท่องเที่ยวที่ถือหนังสือเดินทางต่างประเทศเท่านั้น บัตร Tohoku Expressway Pass สามารถเริ่มต้นใช้ได้ตั้งแต่ 2 วัน (4,100 เยน) ไปจนถึง 14 วัน (12,200 เยน)

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://www.driveplaza.com/trip/drawari/tep2015/th.html

・ Central Japan Expressway Pass (CEP)

สามารถใช้ได้ไม่จำกัดเฉพาะในพื้นที่ภาคกลางของประเทศหรือภูมิภาคชุบุ ซึ่งเต็มไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ บัตรใบนี้จะช่วยทำให้การเดินทางไปยังเมืองต่างๆของคุณ สะดวกและประหยัดมากขึ้น โดยมีระยะเวลาในการให้บริการ เริ่มต้นตั้งแต่ 2 วัน (5,100 เยน) ไปจนถึง 14 วัน (16,300 เยน)

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://hayatabi.c-nexco.co.jp/cep/en/service.html#anc_store

・ Kyushu Expressway Pass (KEP)

บัตรเหมาจ่ายสามารถใช้ขึ้นทางด่วนของคิวชูได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง จำกัดเฉพาะนักท่องเที่ยวที่ถือหนังสือเดินทางต่างประเทศเท่านั้น บัตร Kyushu Expressway Pass สามารถเริ่มต้นใช้ได้ตั้งแต่ 2 วัน (3,600 เยน) ไปจนถึง 10 วัน (11,700 เยน)

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://global.w-nexco.co.jp/en/kep/

・ San'in-Setouchi-Shikoku Expressway Pass (SEP)

บัตรเหมาจ่ายสามารถใช้ขึ้นทางด่วนของซันอิน/เซโตะอุจิ/ชิโกกุได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง จำกัดเฉพาะนักท่องเที่ยวที่ถือหนังสือเดินทางต่างประเทศเท่านั้น บัตร San'in-Setouchi-Shikoku Expressway Pass สามารถเริ่มต้นใช้ได้ตั้งแต่ 3 วัน (6,100 เยน) ไปจนถึง 10 วัน (13,200 เยน)

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://global.w-nexco.co.jp/en/sep/

ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

คู่มือการจองรถเช่าล่วงหน้า:
https://www.jnto.or.th/wp-content/uploads/2016/03/JNTO_Hokkaido_Self-Drive_Manual_Part2.pdf