เนื้อวะกิว (Wagyu Beef) คืออะไร?

วะกิว (Wagyu) เป็นชื่อที่ใช้เรียกเนื้อวัวที่ผลิตในญี่ปุ่นและผ่านมาตรฐานด้านคุณภาพอันเข้มงวด ซึ่งมาจากวัว 4 สายพันธุ์หลักที่เลี้ยงในญี่ปุ่นเพื่อไว้สำหรับบริโภคเนื้อโดยเฉพาะ ประกอบด้วย วัวพันธุ์ญี่ปุ่นขนดำ (Japanese Black) พันธุ์ญี่ปุ่นขนน้ำตาล (Japanese Brown) พันธุ์ญี่ปุ่นเขาสั้น (Japanese Shorthorn) และพันธุ์ญี่ปุ่นไม่มีเขา (Japanese Polled) โดยสายพันธุ์ที่มีการเลี้ยงมากที่สุดก็คือพันธุ์ญี่ปุ่นขนดำ

เนื้อวะกิวจะมีชื่อเรียกแยกย่อยที่มักจะได้ยินกันบ่อย ๆ เช่น เนื้อโกเบ เนื้อมัตสึซากะ ซึ่งเปรียบเหมือนแบรนด์ของเนื้อ ที่มีชื่อตามถิ่นกำเนิด รวมทั้งยังมีการแบ่งเกรดคุณภาพเนื้อตามเงื่อนไขจากองค์ประกอบต่าง ๆ อาทิ ปริมาณไขมันในเนื้อ ลายหินอ่อนของเนื้อ สีสันและความมันวาวของเนื้อ รสสัมผัสของเนื้อ เป็นต้น ซึ่งเป็นการกำหนดขึ้นโดยสมาคมการจัดเกรดเนื้อของประเทศญี่ปุ่น (JMGA: Japan Meat Grading Association) ด้วยการใช้ตัวอักษร A-C หมายถึง เกรดปริมาณเนื้อ และหมายเลข 1-5 หมายถึง เกรดระดับคุณภาพเนื้อ สำหรับเนื้อวะกิวนั้นก็จัดอยู่ในคุณภาพระดับ A ทั้งหมดอยู่แล้ว แต่จะตามด้วยหมายเลขใดก็ขึ้นอยู่กับคุณภาพของเนื้อ ดังนั้น เนื้อวะกิว A5 ก็คือเนื้อวะกิวคุณภาพดีที่สุดและราคาแพงที่สุดด้วย


รู้จักสุดยอดเนื้อวะกิวที่ดีที่สุดในญี่ปุ่น

・เนื้อมัตสึซากะ (Matsusaka Beef) จากจังหวัดมิเอะ (Mie)
เป็นเนื้อวัวสายพันธุ์ญี่ปุ่นขนสีดำที่เลี้ยงในเมืองมัตสึซากะ (Matsusaka) โดยเป็นการเลี้ยงในพื้นที่อันเงียบสงบ อากาศเย็นสบาย และได้รับการดูแลอย่างดี นอกจากวัวจะได้กินอาหารที่คัดสรรมาแล้ว ก็ยังได้ดื่มเบียร์ อีกทั้งมีการเปิดเพลงให้วัวฟังด้วย เนื้อวัวมัตสึซากะจึงมีความพิเศษตรงที่เนื้อมีเส้นใยที่ละเอียด มีความนุ่มเป็นพิเศษกับไขมันลวดลายสวยงามคล้ายกับลายหินอ่อน และมีรสหวาน หากนำเนื้อมัตสึซากะไปย่างจะส่งกลิ่นหอมชวนรับประทานเป็นอย่างมาก

หากได้มาเยือนเมืองมัตสึซากะ นอกจากจะได้ลิ้มรสเนื้อมัตสึซากะแสนอร่อยในแบบต้นตำรับแล้ว ก็ยังมีแหล่งท่องเที่ยวน่าสนใจมากมาย ซึ่งเป็นบรรยากาศแบบเมืองเก่าเหมือนได้ย้อนยุคกลับไปในสมัยญี่ปุ่นโบราณ เพราะแวดล้อมไปด้วยอาคารบ้านเรือนดั้งเดิมที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ อาทิ “โกะโจบัง ยะชิคิ (Gojoban Yashiki)” คฤหาสน์ของเหล่าซามูไรที่ทำหน้าที่ปกป้องปราสาทมัตสึซากะ (Matsusaka Castle) เมื่อครั้งอดีต แม้ในปัจจุบันจะไม่มีตัวปราสาทหลงเหลืออยู่ให้เห็นแล้ว แต่ก็ยังคงหลงเหลือซากปราสาทกับกำแพงหินให้ได้ชมความยิ่งใหญ่ในอดีต สามารถเช่าชุดกิโมโนเดินเล่นถ่ายรูปไปรอบเมืองได้ด้วย นอกจากนี้ ยังมีร้านอาหารที่มีเมนูเนื้อมัตสึซากะแสนอร่อยให้เลือกรับประทานอยู่ทั่วเมือง

การเดินทางไปเมืองมัตสึซากะ
จากสถานีนาโกย่า (Nagoya) ให้ขึ้นรถไฟ JR Limited Express Nanki ไปลงที่สถานีมัตสึซากะ (Matsusaka Station) ใช้เวลาประมาณ 1ชั่วโมง 20 นาที

・เนื้อทาจิมะกุโระ (Tajimaguro Beef) และเนื้อโกเบ (Kobe Beef) จากจังหวัดเฮียวโกะ (Hyogo)
เป็นวัวสายพันธุ์ญี่ปุ่นขนสีดำที่มีถิ่นกำเนิดในทาจิมะ (Tajima) เมืองทางตอนเหนือของจังหวัดเฮียวโกะ ซึ่งเป็นแหล่งธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ แหล่งน้ำมีความสะอาดบริสุทธิ์ รวมทั้งสภาพอากาศที่เย็นสบาย จึงมีการทำฟาร์มเลี้ยงวัวอย่างแพร่หลาย เนื้อวัวที่ได้มีจุดเด่นคือ ลายหินอ่อนที่มีไขมันแทรกเป็นสีชมพูอ่อนปนขาวกับฟองไขมันเม็ดละเอียดแทรกซึมอยู่ในอณูเนื้อแดงที่เรียกว่า “Shimo Furi” และได้รับการพัฒนาคุณภาพของเนื้ออยู่เสมอ อีกทั้งยังเป็นเนื้อที่สามารถละลายในอุณหภูมิต่ำจึงทำให้มีรสสัมผัสนุ่มมาก ๆ เรียกว่าแทบละลายในปาก นิยมรับประทานด้วยการนำไปแล่เป็นชิ้นบาง ๆ แล้วย่างบนกระทะร้อนแบบยาคินิคุ (Yakiniku)

เมืองโกเบ (Kobe) ไม่เพียงแต่มีชื่อเสียงในเรื่องความอร่อยของเนื้อวัวคุณภาพเยี่ยม แต่ยังมีแหล่งท่องเที่ยวโดดเด่นหลายแห่ง เช่น หอคอยโกเบ (Kobe Tower) และ สวนเมริเคน (Meriken Park) ที่ตั้งอยู่ริมอ่าวโกเบ ซึ่งเปรียบเหมือนแลนด์มาร์คของเมือง มีการเปิดไฟประดับอย่างสวยงามในยามค่ำคืน และใกล้ ๆ กันก็เป็นที่ตั้งของ “โกเบ ฮาเบอร์แลนด์ อุมิเอะ” (Kobe Harborland UMIE) แหล่งช้อปปิ้งที่สามารถมองเห็นวิวทะเลสวย ๆ ไปได้พร้อมกัน นอกจากนี้ ยังมีย่านเมืองเก่าสไตล์ตะวันตก “คิตะโนะ อิจินคัง” (Kitano Ijinkan) ให้แวะเดินเล่นถ่ายรูปด้วย

ในพื้นที่ทาจิมะเองก็มีแหล่งท่องเที่ยวน่าสนใจอย่าง “คิโนซากิ อนเซ็น” (Kinosaki Onsen) เมืองน้ำพุร้อนอันเก่าแก่ในบรรยากาศแบบญี่ปุ่นโบราณที่ให้ความรู้สึกเหมือนได้ย้อนเวลากลับไปในสมัยเอโดะ และยังมีอนเซ็นสาธารณะอยู่ถึง 7 แห่ง ซึ่งแต่ละที่ก็มีลักษณะพิเศษแตกต่างกันไป ให้ได้ตระเวนแช่กันอย่างเพลิดเพลิน

และร้านที่อยากนำเสนอสำหรับเมนูเนื้อวะกิวก็คือร้าน “อิโรริ ไดนิ่ง มิคุนิ” (Irori Dining Mikuni) ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองคิโนซากิ อนเซ็น นั่นเอง โดยคุณจะได้ลิ้มรสเนื้อทาจิมะกุโระ (Tajimaguro Beef) เนื้อวะกิวเกรดพรีเมียมระดับตำนานของจังหวัดเฮียวโกะ ติดอันดับต้น ๆ ของเนื้อวัวที่ดีที่สุดในญี่ปุ่น เนื้อทาจิมะกุโระลายหินอ่อนฉ่ำวาวชวนน่ารับประทาน ให้รสชาติที่หอมหวานและนุ่มลิ้นละลายในปาก จะทำให้คุณประทับใจไม่รู้ลืม และหลังทานอาหารก็สามารถไปแช่อนเซ็นผ่อนคลายได้อีกด้วย นับเป็นทริปการท่องเที่ยวที่พิเศษเหนือระดับให้ได้พักผ่อนอย่างเต็มอิ่ม

การเดินทางไปเมืองโกเบ
จากสถานีโอซาก้า (Osaka Station) ขึ้นรถไฟ JR Special Rapid Service For Himeji ประมาณ 30 นาที ไปลงที่สถานีซันโนะมิยะ (Sannomiya Station) ซึ่งเป็นสถานีศูนย์กลางในเมืองโกเบ

การเดินทางไปเมืองคิโนซากิ อนเซ็น
จากสถานีโอซาก้า (Osaka Station) ขึ้นรถไฟ JR Special Rapid Service ประมาณ 30 นาที ไปลงที่สถานีเกียวโต (Kyoto Station) จากนั้นต่อรถไฟ JR Limited Express Kinosaki ไปยังสถานีคิโนซากิ อนเซ็น (Kinosaki Onsen Station) ซึ่งใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง 30 นาที

・เนื้อโยะเนะซะวะ (Yonezawa Beef) จากจังหวัดยามากาตะ (Yamagata)
เมืองโยะเนะซะวะ (Yonezawa) มีลักษณะพิเศษที่เหมาะกับการเลี้ยงวัวเพราะมีภูเขาสูงอยู่ล้อมรอบ ซึ่งส่งผลให้อุณหภูมิตอนกลางวันกับกลางคืนและช่วงฤดูร้อนกับฤดูหนาวแตกต่างกันมาก และความต่างของอุณหภูมินี้เองที่ทำให้เกิดลักษณะเฉพาะของเนื้อโยะเนะซะวะนั่นก็คือ ไขมันที่แทรกในเนื้อเป็นลวดลายหินอ่อนละเอียด และรสสัมผัสเนียนนุ่มละลายในปาก เหมาะกับการนำไปทำสเต๊กเนื้อ ซึ่งว่ากันว่าจะได้ดื่มด่ำกับรสชาติของเนื้ออย่างแท้จริง

ภายในเมืองโยะเนะซะวะ ก็เต็มไปด้วยร้านอาหารให้เลือกรับประทานเนื้อโยะเนะซะวะแสนอร่อยในหลากหลายเมนู เช่น สุกี้ยากี้ สเต๊ก ข้าวหน้าเนื้อวัวสูตรท้องถิ่น รวมทั้งยังเป็นเมืองที่มีแหล่งท่องเที่ยวน่าสนใจหลายแห่ง อาทิ “ศาลเจ้าอุเอะสุงิ (Uesugi Shrine)” ที่ใช้สักการะบูชา ท่านแม่ทัพเคนชิน อุเอะสุงิ ผู้เลื่องชื่อ รวมทั้งมี “สวนสาธารณะมัตสึงะซะกิ (Matsugasaki Park)” ซึ่งสร้างขึ้นในพื้นที่ตั้งของซากปราสาทโยะเนะซะวะ (Yonezawa Castle Ruins) อันเป็นจุดชมซากุระที่งดงาม

การเดินทางไปเมืองโยะเนะซะวะ
จากสถานีโตเกียว (Tokyo Station) ขึ้นรถไฟยามากาตะชินคันเซน (Yamagata Shinkansen) ไปลงที่สถานีโยะเนะซะวะ (Yonezawa Station) ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง 10 นาที

・เนื้อโอมิ (Omi Beef) จากจังหวัดชิกะ (Shiga)
มีถิ่นกำเนิดในเมืองโอมิฮะชิมัง (Omihachiman) เป็นเนื้อวัวสายพันธุ์ดั้งเดิมของญี่ปุ่นที่เลี้ยงสืบต่อกันมากว่า 400 ปี ได้รับการดูแลอย่างดีในสภาพแวดล้อมที่อุดมสมบูรณ์ โดยมีแหล่งน้ำมาจากทะเลสาบบิวะ (Lake Biwa) ทะเลสาบน้ำจืดขนาดใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น และเลี้ยงแบบให้วัวอยู่คอกละตัว เพื่อให้มีพื้นที่ออกกำลังกาย รวมทั้งเปิดเพลงให้วัวฟังอย่างผ่อนคลายด้วย

ลักษณะเด่นของเนื้อโอมิก็คือ เนื้อจะมีสีแดงสดสลับกับไขมันสีขาว มีลวดลายคล้ายกับหินอ่อนที่ดูสมบูรณ์แบบ ไขมันมีความเหนียวแทรกอยู่ในเนื้อที่มีรสชาติหอมหวาน เมื่อนำไปประกอบอาหารจะให้รสสัมผัสนุ่มละมุนลิ้น เมนูที่นิยมรับประทาน เช่น สุกี้ยากี้ ชาบู สเต๊กเนื้อ โดยสามารถหารับประทานได้ตามร้านอาหารทั่วเมืองโอมิฮะชิมัง

ในเมืองโอมิฮะชิมัง ยังโดดเด่นด้วยบรรยากาศย่านเมืองเก่าแสนสวยงาม โดยมีคลองฮะชิมังโบะริ (Hachiman-bori Canal) ไหลผ่านโดยรอบเมือง ซึ่งเป็นเส้นทางสัญจรทางน้ำที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยอดีต ปัจจุบันกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวกับกิจกรรมล่องเรือชมวิวธรรมชาติและทิวทัศน์ย่านเมืองเก่าตลอดสองฝั่งคลอง ซึ่งรัฐบาลได้กำหนดเป็นเขตพื้นที่อนุรักษ์ที่สำคัญแห่งหนึ่งของประเทศ

การเดินทางไปเมืองโอมิฮะชิมัง
จากสถานีชินโอซาก้า (Shin-Osaka Station) ขึ้นรถไฟ JR Special Rapid for Nagahama ไปลงที่สถานีโอมิฮะชิมัง (Omi-Hachiman Station) ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง