วัด ศาลเจ้า และปราสาทที่สวยงามของคิวชู (Kyushu)

ศาลเจ้าดะไซฟุเทมมังกู (Dazaifu-Tenmagu Shrine), ฟุคุโอกะ (Fukuoka)

ศาลเจ้าดาไซฟุเทนมังกุ (Dazaifu-Tenmangu) เชื่อกันว่าศาลเจ้าแห่งนี้ให้โชคในเรื่องของการเรียนการศึกษาและปัดเป่าเคราะห์โศก ทำให้ทุกปีจะมีผู้คนรวมถึงนักเรียนนักศึกษาที่ต้องเตรียมสอบมาเยือนมากถึง 7 ล้านคนเลยทีเดียว ตัวศาลหลักสร้างขึ้นอยู่เหนือหลุมฝังศพของซุกะวะระ มิจิซะเนะ (Sugawara Michizane) นักวิชาการและนักการเมืองชาวญี่ปุ่นผู้มีบทบาทสำคัญในอดีตเมื่อราว 1,000 ปีก่อน ซึ่งหลังจากเสียชีวิตลงเขาได้กลายเป็นที่สักการะบูชาของชาวญี่ปุ่นในฐานะเทพเจ้าแห่งการศึกษา

 

สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวแนะนำ ได้แก่

ซุ้มประตูทางเข้าหรือโรมง (Romon Gate) ที่จะมองเห็นรูปทรงด้านหน้าและด้านหลังแตกต่างกัน
สะพานแดงข้าม 3 ช่วงที่แบ่งเป็น อดีต ปัจจุบัน และอนาคต

โกะชิงกิว (Goshingyu) รูปปั้นวัวที่เชื่อกันว่าหากได้ลูบที่หัวแล้วจะทำให้มีสติปัญญาดี
อาคารศาลหลักสีสันสดสวย
มีต้นบ๊วยชื่อว่าโทบิอุเมะ(Tobiume)ที่ตำนานเล่าว่า เกิดจากกลีบดอกบ๊วยที่ปลิวมาไกลจากเมืองเกียวโตด้วยความคิดถึงเจ้านาย เพื่อมาพบมิจิซะเนะที่เมืองดาไซฟุ
พื้นที่กว้างขวางภายในเขตศาลเจ้าเต็มไปด้วยต้นไม้มากมาย เช่น การบูร บ๊วย และไอริส ในฤดูดอกไม้บานจะส่งกลิ่นหอมหวานไปทั่วบริเวณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตั้งแต่ปลายเดือนมกราคมไปจนถึงต้นเดือนมีนาคมนับเป็นฤดูที่ดีที่สุด เพราะต้นบ๊วยหลายพันต้นจะทยอยกันผลิดอกบานสะพรั่งงดงาม
ถนนสู่ศาลเจ้านั้นก็เต็มไปด้วยร้านขายของที่ระลึกและร้านน้ำชาเรียงรายอยู่มากมายให้ได้ช้อปปิ้งกันอย่างเพลิดเพลิน ตั้งแต่โมจิย่าง ขนมที่ทำจากถั่ว ไปจนถึงเครื่องรางและสิ่งนำโชคทั้งหลายเลยทีเดียว

ที่อยู่
Dazaifu-Tenmangu

4-7-1 Saifu, Dazaifu-shi, Fukuoka

แผนที่
การเดินทาง จากสถานี Hakata โดยสารรถไฟสาย Fukuoka Municipal Subway Airport Line ไปลงที่สถานี Tenjin ใช้เวลา 6 นาที จากนั้นเดินไปถึงสถานี Nishitetsu Fukuoka (Tenjin)  แล้วโดยสารรถไฟ Nishitetsu Omuta Line Limited Express ไปลงที่สถานี Nishitetsu Futsukaichi ใช้ 16 นาที จากนั้นโดยสารรถไฟสาย Nishitetsu Dazaifu Line ไปลงที่สถานี Nishitetsu Dazaifu ใช้เวลา 8 นาที แล้วเดินต่ออีก 5 นาที
ค่าใช้จ่าย ฟรี *มีค่าเข้าชมหอสมบัติ
เว็บไซต์ (ภาษาญี่ปุ่น) http://www.dazaifutenmangu.or.jp/
เว็บไซต์ (ภาษาอังกฤษ) http://www.dazaifutenmangu.or.jp/en
เว็บไซต์ (ภาษาไทย)

ศาลเจ้ายูโทะคุอินาริ (Yutoku Inari Shrine), ซะกะ (Saga)

ศาลเจ้ายูโทะคุอินะริ (Yutoku Inari Shrine) ตั้งอยู่ที่เมืองคะชิมะ จังหวัดซะกะ (Saga) เป็นหนึ่งในศาลเจ้าอินะริที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่ง สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1687 เป็นที่สถิตย์ของเทพอินะริผู้บันดาลให้เกิดความมั่งคั่งและความเจริญรุ่งเรืองในเรื่องของธุรกิจ ปกปักษ์รักษาผลผลิตในการเพาะปลูก รวมไปถึงช่วยป้องกันอุบัติเหตุในการขับขี่ นอกจากนี้ยังเป็นที่นิยมของคู่รักชาวญี่ปุ่นในฐานะสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับพิธีแต่งงาน โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมอันงดงามตระการตาทั้ง ฮนเด็น (Honden) อาคารหลักของศาลเจ้า และ โรมง (Romon) ประตูทางเข้าสีแดงชาด  หรือจะเป็นเครื่องรางยอดนิยมอย่าง อุมะคุอิคุ โอะมะโมะริ (Umaku-iku Omamori) ที่ผู้เดินทางมาสักการะศาลเจ้าแห่งนี้เชื่อว่าช่วยให้สิ่งที่หวังเป็นจริงได้

ภายในสวนของวัดเป็นที่ชมความงามของดอกซากุระและใบไม้เปลี่ยนสี นอกจากนี้ยังมีดอกวิสทีเรียสีม่วงอีกด้วย ฝั่งตรงข้ามของศาลเจ้าเป็นพิพิธภัณฑ์ Yulsao Museumและในเดือนธันวาคมของทุกปีก็จะมีการจัดงานเทศกาลใหญ่แห่งฤดูใบไม้ร่วงชูกิไทไซ (Shuki Taisai Autumn Grand Festival) ซึ่งจะมีการจุดไฟกองใหญ่ และครึกครื้นไปด้วยผู้คนมากมาย

ที่อยู่
Yutoku Inari Shrine

1855, Otsu, Furueda, Kashima-shi, Saga

แผนที่
การเดินทาง จากสถานีรถไฟ  Hakata โดยสารรถไฟสาย JR Nagasaki Main Line ไปลงที่สถานี Hizenkashima ใช้เวลา 1 ชั่วโมง จากนั้นโดยสาร Taxi ใช้เวลา 10 นาที
ค่าใช้จ่าย ฟรี
เว็บไซต์ (ภาษาญี่ปุ่น) https://www.yutokusan.jp/
เว็บไซต์ (ภาษาอังกฤษ) https://www.yutokusan.jp/en/
http://www.saga-tripgenius.com/tourism_search/yutoku-inari-shrine.html
เว็บไซต์ (ภาษาไทย)

ปราสาทชิมาบาระ (Shimabara Castle), นางาซากิ (Nagasaki)

ปราสาทชิมาบาระ (Shimabara Castle)  ตั้งอยู่ในจังหวัดนางาซากิ (Nagasaki) ภูมิภาคคิวชู (Kyushu) เป็นเมืองท่องเที่ยวที่ยังคงมีกลิ่นอายของเมืองในสมัยโบราณอยู่ นอกจากนี้ยังอุดมไปด้วยแหล่งน้ำใต้ดิน (spring water) ใสสะอาด จนได้ชื่อว่าเป็น “เมืองแห่งน้ำ (City of water) สร้างขึ้นในช่วงครึ่งแรกของคริสต์วรรษที่ 17 เป็นที่อาศัยของผู้ทรงอำนาจถึง 19 คนตลอดระยะเวลาราว 250 ปี จากจุดชมวิวบนหอคอยยอดปราสาทสามารถมองลงมาเห็นวิวเมืองและอ่าวชิมาบาระ (Shimabara Bay) ได้ทั้งหมด ในวันที่อากาศแจ่มใสจะสามารถมองเห็นไปได้ไกลถึงภูเขาอะโซะ (Mt. Aso) เป็นภาพทิวทัศน์ที่สวยงามจับตา นอกจากนี้ยังมีบริการให้ยืมชุดนินจาและซามูไร ให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูปกันอย่างสนุกสนานได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ อีกด้วย

ที่อยู่
Shimabara Castle

1-1183-1 Jonai, Shimabara-shi, Nagasaki

แผนที่
การเดินทาง จากสถานี Hakata โดยสารรถไฟ JR Limited Express Kamome ไปลงที่สถานี Isahayaใช้เวลา 1 ชั่วโมง 40 นาที จากนั้นโดยสารรถไฟ Shimabara Railway ไปลงที่สถานี Shimabara ใช้เวลา 1 ชั่วโมง 20 นาที แล้วเดิน 5 นาที
ค่าใช้จ่าย มีค่าเข้าชม
เว็บไซต์ (ภาษาญี่ปุ่น) http://shimabarajou.com/
เว็บไซต์ (ภาษาอังกฤษ) http://shimabarajou.chicappa.jp/english/
เว็บไซต์ (ภาษาไทย) https://www.jnto.or.th/newsletter/shimabara/

เส้นทางศักดิ์สิทธิ์แห่งคุนิซะกิโระคุโกมันซัง (Kunisaki Rokugo Manzan Temples), โออิตะ (Oita)

คาบสมุทรคุนิซะกิ (Kunisaki Peninsula) ทางฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของจังหวัดโออิตะ (Oita) ถูกโอบล้อมไว้ด้วยทะเลถึงสามด้านและมีเสน่ห์งดงามด้วยความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ ในบริเวณนี้ยังมีวัดและพระพุทธรูปประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 1,000 ปีหลงเหลือให้เห็นอยู่จำนวนมาก ปัจจุบันเส้นทางเดินเพื่อนมัสการวัดกว่า 30 แห่งได้กลายเป็น เส้นทางศักดิ์สิทธิ์แห่งคุนิซะกิโระคุโกมันซัง (Kunisaki Rokugo Manzan Temples)

คุนิซะกิโระคุโกมันซัง (Kunisaki Rokugo Manzan )คือชื่อที่ใช้เรียกพื้นที่ 6 เขตตามวัดและศาลเจ้าต่างๆที่กระจายตัวกันอยู่บริเวณยอดเขาฟุตะโกะ (Futago) ในแหลมคุนิซะกิ (Kunisaki Hanto) ซึ่งจะมีศาสนาและพิธีกรรมต่างๆ ที่แตกต่างจากที่อื่นๆ โดยจะเป็นส่วนผสมของศาสนาพุทธ นิกายชินโต และการบูชาภูเขาและเทพเจ้า ที่จะเน้นสถาปัตยกรรมที่เป็นหินเช่นพระพุทธรูปหินและรูปปั้นเทพเจ้าต่างๆ ที่เป็นหิน

เส้นทางศักดิ์สิทธิ์คุนิซะกิโระคุโกมันซัง (Kunisaki Rokugo Manzan Temples) วัดที่มีชื่อเสียงเป็นที่นิยมมีอยู่ด้วยกัน 4 แห่ง

1. วัดฟุตะโกะจิ (Futago-ji Temple), โออิตะ (Oita)

2. วัดฟุคิจิ (Fukiji Temple), โออิตะ (Oita)

3. พระพุทธรูปหินสลักคุมาโนะ (Kumano Magaibutsu Stone Buddha), โออิตะ (Oita)

4. ศาลเจ้าอุสะ (Usa Jingu), โออิตะ (Oita)

ที่อยู่
Futago-ji Temple

1548 Akimachi-futago, Kunisaki-shi, Oita

แผนที่
การเดินทาง จากสถานี Hakata  โดยสารรถไฟ JR Limited Express Sonic ไปลงที่สถานี Kitsuki ใช้เวลา 2 ชั่วโมง จากนั้นโดยสารรถ Oita Kotsu Bus สายที่วิ่งผ่าน Aki ไปลงที่ป้าย Futago-ji ใช้เวลา 1 ชั่วโมง แล้วเดินถึงทันที
ค่าใช้จ่าย ฟรี
เว็บไซต์ (ภาษาญี่ปุ่น) http://www.e-kunisaki.com/site/kanko/rokugo.html
http://www.city.kunisaki.oita.jp/soshiki/kanko/rokugoumanzan.html
เว็บไซต์ (ภาษาอังกฤษ) http://www.gokunisaki.com/kunisaki-futago-temple/
เว็บไซต์ (ภาษาไทย) https://www.jnto.or.th/newsletter/power-spot-kyushu

ปราสาทคิทสึกิ (Kitsuki Castle), โออิตะ (Oita)

เมืองคิทสึกิ (Kitsuki City) ตั้งอยู่ใกล้กับสนามบินโออิตะ (Oita Airport) เป็นเมืองรอบปราสาทที่กรุ่นด้วยกลิ่นอายเก่าแก่แห่งอดีตและมักถูกใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำละคร เลียบฝั่งแม่น้ำเป็นที่ตั้งของ ปราสาทคิทสึกิ (Kitsuki Castle) ปราสาทที่เล็กที่สุดในญี่ปุ่น นับตั้งแต่ก่อสร้างมาจนถึงปัจจุบันเป็นเวลากว่า 600 ปี ปราสาทคิทซึกิ (Kitsuki Castle) ก็อยู่คู่เมืองแห่งนี้มาโดยตลอด โดยจากหอคอยยอดปราสาทจะสามารถมองเห็นไปได้ไกลถึงชิโกะคุ (Shikoku) ภายในปราสาทเป็นพิพิธภัณฑ์ซึ่งมีบริการให้ทดลองสวมเสื้อเกราะและหมวกซามูไรได้ อีกทั้งในเมืองก็มีร้านที่ให้บริการลองสวมชุดกิโมโนด้วย ขอแนะนำให้ลองไปเดินเล่นตามถนนพื้นหินในเมืองรอบปราสาทที่เชื่อมระหว่างบ้านเรือนของเหล่าพ่อค้าวาณิชย์และคฤหาสน์ซามูไรในชุดกิโมโนดูจะได้บรรยากาศดีทีเดียว

ที่อยู่
Kitsuki Castle

Kitsuki Castle 16-1, Kitsuki, Kitsuki-shi, Oita

แผนที่
การเดินทาง จากสถานี Hakata โดยสารรถไฟ JR Limited Express Sonic Nichirin ไปลงที่สถานี Kitsuki ใช้เวลา 2 ชั่วโมง จากนั้นโดยสารรถ Kunisaki Sightseeing Bus ไปลงที่ป้าย Kitsuki Bus Terminal ใช้เวลา 10 นาที แล้วเดิน 10 นาที
ค่าใช้จ่าย มีค่าเข้าชม
เว็บไซต์ (ภาษาญี่ปุ่น) http://www.kit-suki.com/tourism/index.php?action=story&sub_cat_id=1
เว็บไซต์ (ภาษาอังกฤษ) https://www.jnto.go.jp/eng/spot/castles/kitsuki.html
เว็บไซต์ (ภาษาไทย) https://www.jnto.or.th/newsletter/kitsuki-city/
http://th.visit-oita.jp/course/halfday03.html

ศาลเจ้าอุโดะจิงกู (Udo-jingu Shrine), มิยะซะกิ (Miyazaki)

หากพูดถึงแหล่งเสริมพลังชีวิต (Power Spot) ในจังหวัดมิยะซะกิ (Miyazaki) สถานที่ในตำนานเทพปกรณัมญี่ปุ่นอย่างแถบ ทะคะชิโฮะ (Takachiho) อันโด่งดังคงเป็นชื่อแรกที่หลายคนนึกถึง แต่อันที่จริงแล้วทางตอนใต้ของชายฝั่งทะเลญี่ปุ่นหรือชายฝั่งนิชินัน (Nichinan Coast) ก็เป็นอีกหนึ่งจุดเสริมพลังชีวิตยอดนิยมเช่นกัน

ศาลเจ้าอุโดะจิงกู (Udo-jingu Shrine) ถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่ปีค.ศ. 1711 เพื่ออุทิศให้กับบิดาของจักรพรรดิองค์แรกตามตำนานของญี่ปุ่น และศาลเจ้าแห่งนี้ที่ค่อนข้างแปลกเนื่องจากตั้งอยู่ในถ้ำที่เกิดจากการที่คลื่นซัดสาดเข้ากระทบและกัดเซาะหน้าผาเลียบชายฝั่ง จากถนนสู่ศาลเจ้าบนหน้าผาตัดสูงชันมองไปเบื้องขวาจะเห็นสีฟ้าของเส้นขอบฟ้า สีแดงสดของรั้วและประตูศาลเจ้า และสีเขียวของพืชพรรณไม้ทางใต้น้อยใหญ่ที่ปลูกอยู่โดยรอบ ตัดกันสวยงามจับตา

ศาลเจ้าแห่งนี้เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่เทพีโทะโยะทะมะฮิเมะ (Toyotamahime) ในเทพปกรณัมญี่ปุ่นได้ให้กำเนิดบุตรชายไว้ที่นี่ หลังจากเข้าสักการะศาลเจ้าหลักที่ให้โชคในเรื่องการครองคู่และการคลอดบุตรโดยปลอดภัยแล้ว แนะนำให้ลองทำนายดวงดูว่าพรที่อธิษฐานไว้จะสัมฤทธิ์ผลหรือไม่ โดยการโยนลูกบอลขนาดจิ๋วหรือที่เรียกว่า “อุงทะมะนะเงะ (Untama-nage)” วิธีการคือจะต้องอธิษฐานแล้วโยนหรือขว้างลูกบอลเล็กๆ นี้ให้ลงหลุมบนหลังหินรูปเต่าที่ตั้งอยู่ตรงหน้าผา ผู้ชายโยนด้วยมือซ้ายและผู้หญิงโยนด้วยมือขวา เชื่อกันว่าหากโยนลงหลุมได้สำเร็จคำอธิษฐานนั้นก็จะสำเร็จผลเป็นจริงได้

ที่อยู่
Udo-jingu Shrine

3232 Miyaura, Nichinan-shi, Miyazaki

แผนที่
การเดินทาง จากสถานีรถบัส Miyazaki โดยสารรถบัส Miyazaki Kotsu Bus ไปลงที่ป้าย Udo Jinguใช้เวลา 1 ชั่วโมง 30 นาที แล้วเดินต่ออีก 15 นาที
ค่าใช้จ่าย ฟรี
เว็บไซต์ (ภาษาญี่ปุ่น) http://www.udojingu.com/
http://www.miyazaki-city.tourism.or.jp/tourism/spot/37.html
เว็บไซต์ (ภาษาอังกฤษ) https://www.kankou-nichinan.jp/english/spot/udo-jingu
http://www.miyazaki-city.tourism.or.jp/en/index.html
เว็บไซต์ (ภาษาไทย)