วัด ศาลเจ้า และปราสาทที่สวยงามของคันโต (Kanto)

ศาลเจ้านิกโกโทโชกู (Nikko Toshogu Shrine), โทชิงิ (Tochigi)

ศาลเจ้านิกโกโทโชกู (Nikko Tosho-gu Shrine) เป็นศาลเจ้าเก่าแก่มีประวัติศาสตร์ยาวนานและได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก เอกลักษณ์ของศาลเจ้าแห่งนี้อยู่ที่สถาปัตยกรรมระดับสมบัติของชาติซึ่งใช้เทคนิคด้านฮวงจุ้ยประกอบการก่อสร้าง จนได้ชื่อว่าเป็นจุดเสริมดวงชะตาเรื่องโชคลาภเลยทีเดียว จุดเด่นของศาลเจ้าแห่งนี้ก็คือ ประตูโยเมมง (Yomei-mon Gate) แสนสวยที่เพิ่งเสร็จสิ้นการบูรณะปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่ไปในปีนี้ รูปแกะสลักหลากสีสันบนบานประตูนั้นสวยงามน่าชมเป็นอย่างมาก มี ระเบียงโทไซไคโร (Tozai-Kairo Corridor) ทางฝั่งซ้ายและขวาของประตู ซึ่งประดับด้วยรูปแกะสลักนกและดอกไม้มากมาย และยังจะได้เห็นรูปแกะสลักลิงสามตัวมิซะรุ (Mizaru) (The Three Wise Monkeys) ที่สื่อถึงการไม่ดู ไม่พูด และไม่ฟัง ในสิ่งที่ไม่ดี และรูปแมวนอนหลับเนะมุริเนะโกะ (Nemuri-neko) (Sleeping Cat) อีกด้วย สำหรับช่วงเวลาที่เหมาะแก่การมาชมใบไม้เปลี่ยนสีคือต้นเดือนถึงกลางเดือนพฤศจิกายน

ที่อยู่
Nikko Toshogu Shrine

2301, Yamauchi, Nikko-shi, Tochigi

แผนที่
การเดินทาง จากสถานี Tokyo โดยสารรถไฟ Tohoku Shinkansen ไปลงที่สถานี Utsunomiya ใช้เวลา 50 นาที  จากนั้นโดยสารรถไฟ JR Nikko Line ไปลงที่สถานี Nikko ใช้เวลา 45 นาที แล้วโดยสารรถบัสไปลงที่ป้าย Nishisando ใช้เวลา 6 นาที
ค่าใช้จ่าย มีค่าเข้าชม
เว็บไซต์ (ภาษาญี่ปุ่น) http://www.toshogu.jp
เว็บไซต์ (ภาษาอังกฤษ) http://www.toshogu.jp/english/
เว็บไซต์ (ภาษาไทย)

พระพุทธรูปอุชิคุไดบุทสึ (Ushiku Daibutsu), อิบะระกิ (Ibaraki)

พระพุทธรูปอุชิคุไดบุทสึ (Ushiku Daibutsu) ประดิษฐานอยู่แถบชานเมืองจังหวัดอิบะระกิ (Ibaraki) เป็นพระพุทธรูปที่มีขนาดมโหฬารด้วยส่วนสูงถึงราว 120 เมตร ถูกสร้างขึ้น ในปีค.ศ. 1992 บนพื้นที่บริสุทธิ์ของสุสาน และปีต่อมาก็ถูกทำให้เป็นสวนสาธารณะ กลุ่มนิกายที่พูดถึงนี้ ก่อตั้งโดยพระสงฆ์ชินรัน (ตั้งแต่ปีค.ศ.1173 – 1262) ที่เป็นกลุ่มนิกายมหายาน ในปีค.ศ. 1247 ด้วยเหตุที่พระสงฆ์ชินรันมีความประสงค์ จะตั้งแหล่งเผยแพร่ศาสนาในแถบคันโตที่จังหวัดอิบารากิ (Ibaraki) ทำให้ภายในตัวเมืองยังมีกลิ่นอายของวัดและเรื่องราวต่างๆเกี่ยวกับศาสนาหลงเหลืออยู่มาก และอุชิคุ ก็เป็นหนึ่งในหลายๆที่ที่ถูกยกตัวอย่างมาพูดถึง ภายในองค์พระแต่ละชั้นมีการจัดแสดงที่แตกต่างกันไป เช่น มีจุดชมวิว ห้องจัดแสดงพิพิธภัณฑ์ และห้องสำหรับทดลองคัดลอกบทสวดมนต์ เป็นต้น สามารถขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นที่เป็นจุดชมวิวได้ และหากวันไหนอากาศดีก็จะมองเห็นไปได้ไกลถึงโตเกียวสกายทรี (Tokyo Skytree) และภูเขาไฟฟูจิ (Mt. Fuji) เลยทีเดียว

ที่อยู่
Ushiku Daibutsu

2083 Kuno-cho, Ushiku-shi, Ibaraki

แผนที่
การเดินทาง จากสถานี Tokyo โดยสารรถไฟสาย JR Joban Line ไปลงที่สถานี Ushiku ใช้เวลา 1 ชั่วโมง จากนั้นโดยสารรถบัส Kanto Tetsudo Bus ไปลงที่ป้าย Ushiku Daibutsuใช้เวลา 25 นาที แล้วเดินอีก10 นาที
ค่าใช้จ่าย มีค่าเข้าชม
เว็บไซต์ (ภาษาญี่ปุ่น) https://daibutu.net/
เว็บไซต์ (ภาษาอังกฤษ) http://www.japanvisitor.com/japan-temples-shrines/ushiku-daibutsu
เว็บไซต์ (ภาษาไทย) http://thai.ibarakiguide.jp/db-kanko/ushiku_daibutsu.html

วัดนาริตะซังชินโชจิ (Narita-san Shinshoji Temple), ชิบะ (Chiba)

วัดนาริตะซังชินโชจิ (Narita-san Shinshoji Temple) สร้างขึ้นเมื่อปีค.ศ.940 เป็นวัดพุทธนิกายชินงอน (Shingon) ตั้งอยู่ในเมืองนาริตะ วัดนี้เป็นหนึ่งในวัดที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดในภูมิภาคคันโตผู้ที่มาสักการะที่วัดมักจะอธิษฐานขอพรให้ครอบครัวแคล้วคลาดปลอดภัย ค้าขายเจริญรุ่งเรือง และขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง เป็นต้น ในช่วงเทศกาลปีใหม่จะมีจำนวนผู้มาเยี่ยมชมและขอพรอย่างมากมาย และมีสวนนาริตะ (Narita Park) อีกหนึ่งจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยงาม ระหว่างทางเดินไปวัดมีถนนสายโอโมเตะซันโด (Omotesando) ที่เต็มไปด้วยร้านค้าท่ามกลางบรรยากาศในสมัยโบราณ และเมนูที่โดดเด่นของที่นี่ คือ ข้าวหน้าปลาไหล

ที่อยู่
Narita-san Shinshoji Temple

1 Narita, Narita-shi, Chiba

แผนที่
การเดินทาง

จากสถานี Tokyo โดยสารรถไฟ Sobu Line Rapid Serviceไปลงที่สถานี Narita ใช้เวลา 70 นาที จากนั้นเดิน 15 นาที

ค่าใช้จ่าย ฟรี
เว็บไซต์ (ภาษาญี่ปุ่น) http://www.naritasan.or.jp/
เว็บไซต์ (ภาษาอังกฤษ) http://www.naritasan.or.jp/english/
เว็บไซต์ (ภาษาไทย) http://www.naritasan.or.jp/thailand/

วัดเซนโซจิ (Sensoji Temple), โตเกียว (Tokyo)

วัดเซนโซจิ (Sensoji Temple) ที่โดดเด่นด้วยโคมขนาดยักษ์สีแดงสดของประตูคะมินะริมง (Kaminari-mon Gate) เป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุดในโตเกียว (Tokyo) สร้างขึ้นเมื่อปีค.ศ.645 และเป็นที่ประดิษฐานรูปปั้นพระโพธิสัตว์กวนอิม กระถางธูปของที่นี่อัดแน่นไปด้วยธูปจำนวนนับไม่ถ้วน และเชื่อกันว่าหากได้ปัดควันธูปเข้าหาร่างกายส่วนที่เจ็บป่วยก็จะหายเป็นปลิดทิ้งเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมีถนนนาคะมิเซะ (Nakamise Street) ที่เรียงรายไปด้วยร้านขนมและร้านขายของที่ระลึกมากมาย ให้ได้เที่ยวเดินช้อปชิมขนมญี่ปุ่นหลากชนิดอย่างเช่น นิงเงียวยากิ (Ningyoyaki) เค้กฟองน้ำไส้ถั่วแดงทำเป็นรูปหน้าตุ๊กตาต่างๆ และคะมินะริโอะโคะชิ (Kaminari Okoshi) คือขนมกรุบกรอบทำจากข้าวนึ่งนำไปย่างจนพองแล้วผสมน้ำเชื่อมให้เป็นก้อน

ที่อยู่
Sensoji Temple

2-3-1 Asakusa, Taito-ku, Tokyo

แผนที่
การเดินทาง จากสถานี Ueno โดยสารรถไฟ Tokyo Metro Ginza Line ไปลงที่สถานี Asakusa ใช้เวลา 5 นาที จากนั้นเดินอีก 5 นาที
ค่าใช้จ่าย ฟรี
เว็บไซต์ (ภาษาญี่ปุ่น) http://www.senso-ji.jp/
เว็บไซต์ (ภาษาอังกฤษ) http://www.jnto.go.jp/eng/regional/tokyo/asakusa.html
เว็บไซต์ (ภาษาไทย) http://www.gotokyo.org/th/kanko/taito/spot/40714.html

ศาลเจ้าเมจิ (Meiji Shrine), โตเกียว (Tokyo)

ศาลเจ้าเมจิ (Meiji Shrine) ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง เป็นศาลเจ้าในศาสนาชินโต สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1920 ถูกสร้างเพื่ออุทิศให้กับจักรพรรดิเมจิและพระมเหสี ศาลเจ้านี้ตั้งอยู่ใกล้กับสถานีฮาราจูกุ (Harajuku Station) อยู่ติดกับสวนโยโยกิ (Yoyogi Park)  แม้จะตั้งอยู่ใจกลางเมืองใหญ่ แต่เมื่อได้ก้าวเท้าเข้ามาภายในจะได้สัมผัสกับบรรยากาศเงียบสงบท่ามกลางสีเขียวสดชื่นของต้นไม้น้อยใหญ่จนแทบไม่น่าเชื่อว่าอยู่ในโตเกียวเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังเป็นศาลเจ้าที่มีชื่อเสียงเรื่องให้โชคในด้านความรักและยังเป็นศาลเจ้าที่มีผู้คนมาสักการะในวันขึ้นปีใหม่มากที่สุดในญี่ปุ่นอีกด้วย

ที่อยู่
Meiji Shrine

1-1, Kamizono-cho, Yoyogi, Shibuya-ku, Tokyo

แผนที่
การเดินทาง

จากสถานี Tokyo โดยสารรถไฟ JR Yamanote Line ไปลงที่สถานี Harujuku ใช้เวลา15 นาที จากนั้นเดิน 10 นาที

ค่าใช้จ่าย ฟรี
เว็บไซต์ (ภาษาญี่ปุ่น) http://www.meijijingu.or.jp/
เว็บไซต์ (ภาษาอังกฤษ) http://www.meijijingu.or.jp/english
เว็บไซต์ (ภาษาไทย) http://www.gotokyo.org/th/kanko/shibuya/spot/1956.html

เจดีย์แดงห้าชั้นจูเรอิโตะ (Chureito Pagoda), ยะมะนะชิ (Yamanashi)

เจดีย์จูเรอิโตะ (Chureito Pagoda) ตั้งอยู่บนใจกลางภูเขาอาราคุระ (Mt. Arakurayama)  มีเจดีย์สีแดง 5 ชั้น แห่งวัดอาราคุระเซ็นเง็น (Arakura sengen shrine) ที่สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1963 ต้องเดินขึ้นบันได 400 ขั้นไปยังจุดชมวิวที่จะสามารถเห็นวิวเจดีย์สีแดงมีฉากหลังเป็นภูเขาฟูจิอันสวยงามและยังสามารถมองเห็นภูมิทัศน์ของเมืองฟูจิโยะชิดะ (Fujiyoshida City) อย่างทั่วถึง โดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ประมาณเดือนเมษายน ต้นซากุระกว่า 300 ต้นจะพากันออกดอกเบ่งบานอวดความสวย ยิ่งเพิ่มความงามให้มากขึ้นอีกหลายเท่าตัว

ที่อยู่
Chureito Pagoda

3353-1 Arakura, Fujiyoshida-shi, Yamanashi

แผนที่
การเดินทาง จากสถานี Shinjuku โดยสารรถไฟ JR Chuo Line ไปลงที่สถานี Otsuki ใช้เวลา 1 ชั่วโมง จากนั้นโดยสารรถไฟ Fuji Kyuko Line ไปลงที่สถานี Shimoyoshida ใช้เวลา 45 นาที แล้วเดินอีก 10นาที
ค่าใช้จ่าย ฟรี
เว็บไซต์ (ภาษาญี่ปุ่น) https://www.city.fujiyoshida.yamanashi.jp/forms/info/info.aspx?info_id=575
http://www.arakurasengen.com/
เว็บไซต์ (ภาษาอังกฤษ) http://www.yamanashi-kankou.jp/foreign/english/spot/p1_4861.html
เว็บไซต์ (ภาษาไทย)

วัดโคโตคุอิน (Kotokuin), คะนะงะวะ (Kanagawa)

วัดโคโตคุอิน (Kotokuin)เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปไดบุทสึ (Daibutsu) ซึ่งเป็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่หล่อจากทองแดง มีความสูง 13.35 เมตร น้ำหนักประมาณ 93 ตัน สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1252 ถือเป็นสัญลักษณ์ที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองคะมะคุระ แต่เดิมองค์พระเคยประดิษฐานอยู่ภายในห้องโถงขนาดใหญ่ แต่ตัวอาคารได้ถูกทำลายลงหลายต่อหลายครั้งในช่วงศตวรรษที่ 14 และ 15 เนื่องจากพายุไต้ฝุ่น ศึกสงคราม รวมทั้งคลื่นยักษ์ ครั้งสุดท้ายตัวอาคารถูกทำลายลงในปี ค.ศ. 1495 แต่ด้วยปาฎิหารย์พระพุทธรูปไดบุทสึกลับไม่ถูกทำลายและตั้งตระหง่านอยู่ที่เดิม ชาวบ้านจึงเลื่อมใสในความศักดิ์สิทธิ์และต่างเคารพนับถือกันนับตั้งแต่นั้นมา

ที่อยู่
Kotokuin

4-2-28, Hase, Kamakura-shi, Kanagawa

แผนที่
การเดินทาง จากสถานี Shinjuku โดยสารรถไฟ JR Shonan Shinjuku Line ไปลงที่สถานี Kamakura ใช้เวลา 1 ชั่วโมง จากนั้นโดยสารรถไฟ Enoshima Dentetsu Line (Enoden) ไปลงที่สถานี Hase ใช้เวลา 5 นาที แล้วเดินอีกประมาณ 7 นาที
ค่าใช้จ่าย มีค่าเข้าชม
เว็บไซต์ (ภาษาญี่ปุ่น) http://www.kotoku-in.jp/
เว็บไซต์ (ภาษาอังกฤษ) http://www.kotoku-in.jp/en/
http://www.city.kamakura.kanagawa.jp/kamakura-kankou/en/
เว็บไซต์ (ภาษาไทย)