สัมผัสเมืองแห่งตำนานรัก เมือง Uji จังหวัด Kyoto

“บรรยายกาศแสนอบอุ่น
ท่ามกลางดอกซากุระที่บานสะพรั่ง”

เที่ยวในวันสบายๆ กับบรรยายกาศแสนอบอุ่น ท่ามกลางดอกซากุระที่บานสะพั่งที่เมืองอุจิ (Uji-shi) เมืองนี้อยู่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเมืองเกียวโต ห่างไปประมาณเพียง 12 กิโลเมตร

อุจิเป็นเมืองเล็กๆ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำอุจิที่ไหลมาจากทะเลสาบบิวะ ซึ่งเมืองเล็กๆ อันแสนสงบนี้มีสถานที่หลายแห่งที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ไม่ว่าจะเป็นวัด ศาลเจ้า เป็นต้น นอกจากนี้เมืองอุจิยังได้ชื่อว่าเป็นแหล่งผลิตชาเขียวที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วญี่ปุ่น

วัด Byodo-in Temple

ภาพวัด Byodo – In

เริ่มวันที่สดใสแสนสบายๆ โดยการเดินจากสถานี JR Uji ประมาณไม่ถึง 10 นาทีไปยังวัด Byodo-in Temple เพื่อขอพร วันนี้เป็นวัดที่ลงอยู่บนเหรียญ 10 เยนของญี่ปุ่น

วัด Byodo-in สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1052 เป็นที่ประดิษฐานพระอมิตาภพุทธะ (Amitabha) ที่มีความละเอียดเป็นเลิศ เป็นพระพุทธรูปไม้แกะสลัก ประทับนั่งอยู่บนดอกบัว กลีบบัวทำด้วยโลหะ และพระรัศมีแกะสลักเป็นกรอบอยู่หลังองค์พระมีความละเอียดงดงามมาก
ส่วนตัวอาคารตั้งใจสร้างให้เป็นลักษณะคล้ายหงส์ในตำนานแบบจีน โดยมีอาคารตรงกลางเป็นส่วนของลำตัวหงส์ และมีปีกของอาคารออกไปสองข้าง อาคารหลังที่สำคัญสุดคือ “Hoodo” ที่เก่าแก่และสวยงามจนได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลก

นอกจากนี้ หากคุณเดินทางไปช่วงปลายเดือนเมษายนจนถึงต้นเดือนพฤษภาคม คุณอาจจะได้เห็นดอก Wisteria (ภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า Fuji No Hana) เป็นช่อดอกไม้สีม่วง ห้อยเป็นพวงระย้าภายในบริเวณวัด Byodo-in Temple ซึ่งดอก Wisteria ดังกล่าวนี้มีอายุยาวนานมากกว่า 200 ปีเลยทีเดียว

เวลาทำการ
  • Byodoin Garden : เปิดเวลา 8:30 ถึง 17:30 (เข้าก่อนเวลา 17:15 )
  • Byodoin Museum Hoshokan : เปิดเวลา 9:00 ถึง 17:30 (เข้าก่อนเวลา 16:45 )
วันปิดทำการ : เปิดตลอดทั้งปี
ค่าเข้าชม : 600 เยน
ที่อยู่ : 116 Uji-renge Uji-shi Kyoto ลงรถไฟสถานี JR Uji แล้วเดินต่อประมาณ 3-5 นาทีถึงที่วัด
โทร : 0774-21-2861
เว็บไซต์ภาษาอังกฤษ http://www.byodoin.or.jp/en/index.html
เว็บไซต์ภาษาญี่ปุ่น http://www.byodoin.or.jp/ja/index.html
เว็บไซต์ของ JNTO : http://www.jnto.go.jp/eng/location/spot/shritemp/byodoin.html

ถนนชาเขียว

ภาพแสดงถนนชาเขียว อยู่ไกล้วัด Byodo-in

จากวัด Byodo-in เดินต่ออีกเพียง 5 นาทีจะถึง “ถนนชาเขียว” ที่นี่มีร้านขายผลิตภัณฑ์ที่ทำจากชาเขียวหลายแห่งทั้งสองฟากทาง มีหลายร้านมากจนคุณเลือกไม่ถูกกันที่เดียวว่าจะเดินเข้าไปซื้อผลิตภัณฑ์ที่ทำจากชาจากร้านไหนหรือว่าจะซื้อของฝากร้านที่ร้านไหนดี ลองแวะชิมซอฟท์ครีมชาเขียวหวานละมุนลิ้น และนั่งพักเอาแรงก่อนที่จะเดินทางสู่จุดหมายต่อไป

นอกจากสินค้ายอดนิยมได้แก่ซอฟท์ครีมรสชาเขียวแล้ว คุณยังสามารถเพลิดเพลินไปกับวัฒนธรรมชาเขียวในรูปแบบอื่นได้อีก เช่น ร้านอาหารส่วนใหญ่มีรายการเมนูที่นิยมได้แก่ บะหมี่ โซบะรสชาเขียว และขนมหวานรสชาเขียว รวมไปถึงได้ดื่มด่ำไปกับวัฒนธรรมการดื่มชาเขียวแท้ๆ แบบญี่ปุ่นอีกด้วย

ภาพถ่ายจากหลังที่อิ่มหน่ำสำราญไปกับชาเขียวแสนอร่อยแล้ว เดินออกมาตามทางริมแม่น้ำ ข้ามสะพานไปเกาะกลางจะพบกับงานเทศกาลชมดอกซากุระ โดยมีการจัดร้านอาหารข้างทางราคาไม่แพง แถมปริมาณยังจุใจอีกด้วย

ภาพถ่ายบริเวณเกาะกลางแม่น้ำ Uji ที่มีต้นซากุระรายล้อม และตรงกลางมีต้นซากะระเก่าแก่คาดว่าอายุหลายร้อยปี

ภาพถ่ายบริเวณแม่น้ำ Uji ที่มีการโชว์วิธีการจับปลาแบบโบราณโดยชาวประมงญี่ปุ่นใช้นกกาน้ำจับปลาอะยุ โดยวิธีนี้เป็นการจับแบบดั้งเดิมที่มีประวัติความเป็นมายาวนานถึง 1000 กว่าปี

ภาพถ่าย เรือที่ล่องแม่น้ำ Uji เพื่อชมความงามของธรรมชาติพร้อมกับบ้านเมืองโบราณ ใครสนใจลงเปลี่ยนบรรยายกาศ ก็สนุกไม่แพ้กัน

ภาพถ่ายสะพานข้ามแม่น้ำอันแสนสวย….แม่น้ำ Uji กับ สะพานแดง

วัด Hashidera Temple

ภาพถ่ายระหว่างทางที่กำลังเดินไปที่ Hashidera Temple อยู่ในช่วงที่ดอกซากุระบานเต็มที่ไม่ว่าจะดูมุมไหนๆก็เป็นสีชมพู สวยเกินคำบรรยาย หากกล่าวถึงถึงตัววัด Hashidera ชื่อวัดแปลตรงตัวเป็นภาษาไทยว่า วัดสะพาน ทำให้วัดนี้ได้รับตำแหน่งเป็นผู้พิทักษ์ดูแลรักษาสะพาน Uji ที่มีตำนานอันยาวนาน

ภาพถ่ายภายในตัววัด Hashidera Temple โดยมีซากุระแสนสวยเป็นพุ่มสีชมพูอ่อนๆ พร้อมกับองค์พระ Jizo Bosatsu

บริเวณภายในวัดอาจไม่กว้างนัก แต่ที่น่าสนใจคือต้นซากุระแสนสวยเป็นพุ่มสีชมพูอ่อนๆหลายต้นอยู่ในบริเวณวัด (ชมซากุระได้เฉพาะช่วงต้นเดือนเมษายนของทุกปี) รวมถึงองค์พระ Jizo Bosatsu ที่เป็นที่พึ่งทางใจของบรรดาแม่บ้านทั้งหลาย โดยที่คำว่า JI หมายถึง โลก ในขณะที่ ZO หมายความ ครรภ์ หรือ ความถูกต้อง ความหมายและความเชื่อโดยรวมคือคนญี่ปุ่นจะบูชาองค์พระ Jizo Bosatsu ในฐานะ ผู้ปกครองของเด็กทารกในครรภ์ หรือเรียกอีกอย่างว่านักบุญอุปถัมภ์ของสตรีมีครรภ์ และวิญญาณของเด็กที่แท้ง ในปัจจุบันที่ญี่ปุ่นโดยทั่วไปมักจะเห็น หมวกแดง เอี๊ยม และของเล่นพร้อมกับตุ๊กตา อยู่กับองค์พระ Jizo Bosatsu ซึ่งเป็นของขวัญคำขอบคุณของผู้ปกครองที่ได้มาอธิฐานขอพรในเรื่องที่เกี่ยวกับเด็ก ไม่ว่าจะรักษาให้หายได้จากการเจ็บป่วย คุ้มครองบุตรในครรภ์ จนกระทั่งเป็นของขวัญเพื่อช่วยเด็กตอนชีวิตหลังความตาย นอกจากนี้ Jizo Bosatsu ยังได้ชื่อว่าเป็นเทพผู้ปกปักรักษานักเดินทางด้วย
บริเวณข้างๆ องค์พระ Jizo Bosatsu นั้น มี ศาลาที่มีองค์พระประจำปีเกิดแบบญี่ปุ่น เรียกว่า Ento คุณสามารถไหว้ขอพรก่อนออกจากวัดได้

ภาพถ่ายพระประจำปีเกิดแบบญี่ปุ่น เรียกว่า Ento

เวลาทำการ
  • 15 มีนาคม ถึง 31 ตุลาคม เปิดเวลา 09:30 ถึง 17:00
  • 1 พฤศจิกายน ถึง 14 มีนาคม เปิดเวลา 09:00 ถึง 16:00
วันปิดทำการ : ปิดช่วงปีใหม่
ค่าเข้าชม : 300 เยน
ที่อยู่ : 11 Uji-Higashiuchi Uji City Kyoto จากสถานี JR Uji เดิน 10 นาที
โทร : 0774-21-2662
เว็บไซต์ภาษาอังกฤษ http://www.insidekyoto.com/a-trip-to-uji

หลังจากที่แวะสักการะและชื่นชมวัดอันเก่าแก่ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นมรดกโลกแล้ว หากเราเดินตามทางมาเรื่อยๆจะเห็นว่าเมืองนี้เต็มไปด้วยรูปปั้น ภาพวาดและสัญลักษณ์ที่เกี่ยวกับเจ้าชายและเจ้าหญิงแต่งกายในชุดย้อนยุค เจ้าชายและเจ้าหญิงดังกล่าวเป็นตัวละครจากตำนานรักเกนจิ (The Tales of Genji : Genji Monogatari) ซึ่งเป็นวรรณคดีอันโด่งดังในสมัยเฮอัน ประพันธ์โดยนางสนองพระโอษฐ์นาม Murasaki Shikibu
ไม่ว่าจะเป็นป้ายสถานีรถไฟ ศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยว นาฬิกาบอกเวลาประจำเมืองจะมีหุ่นชายหญิง รวมไปถึงป้ายบอกทางบนถนน และฝาท่อน้ำ ซึ่งทำให้เมืองอุจิแห่งนี้คุกรุ่นไปด้วยไอรักของตัวละครจากนวนิยาย

วรรณคดีเก่าแก่นี้เริ่มต้นเมื่อศตวรรษที่ 11 ซึ่งถือได้ว่าเป็นนวนิยายที่เก่าแก่ที่สุดเรื่องหนึ่งในโลกก็ว่าได้ ซึ่งญี่ปุ่นได้อนุรักษ์และส่งเสริมให้ทุกคนได้รู้จักจนถึงปัจจุบันโดยการหยิบยกตำนานเกนจิขึ้นมาเป็นหัวข้อต่างๆอย่างเช่น นิยาย ภาพยนตร์ การ์ตูน และละครโทรทัศน์อยู่เสมอ

ตำนานรักเกนจิ เป็นวรรณคดีเก่าแก่ของญี่ปุ่นสุดแสนจะคลาสสิค ที่บอกเล่าเรื่องราวความรักของชายหญิงในสมัยเฮอัน ตัวเอกคือ Genji เป็นเพลย์บอย มีความรักกับหญิงสาวมากมาย แต่รูปปั้นที่เมืองอุจินี้ เป็นรูปปั้นของ Kaoru ลูกชายของ Genji และรูปปั้นผู้หญิงคือ Ukifune ซึ่งเป็นหญิงที่ Kaoru หลงรักและตามจีบ ทว่าระหว่างที่จีบกัน Ukifune ปันใจให้ชายอื่น เมื่อ Kaoru ทราบเรื่องจึงต่อว่า Ukifune ทาง Ukifune เสียใจฆ่าตัวตาย

อย่างไรก็ตามเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดในวรรณคดีเรื่องนี้พยายามสื่อให้เห็นผลบุญกรรมที่เคยทำมาในอดีตทั้งสิ้น ความรักของชายหญิงทั้งสองอาจจบไม่สวย แต่อย่างไร ความรักก็เป็นสิ่งที่งดงามเสมอ

หากใครอยากจะสัมผัสถึงความรักในตำนานสามารถเข้าไปเยี่ยมชมในส่วนของศูนย์จัดแสดงเกี่ยวกับวรรณคดีนี้ได้ที่ The tale of Genji Museum จากสถานี วัด Hashidera Temple เดินประมาณไม่ถึง 3 นาที ก็จะถึง The tale of Genji Museum

The tale of Genji Museum
เวลาทำการ : เปิดเวลา 9:00 ถึง 17:00 (เข้าก่อนเวลา 16:35 )
วันปิดทำการ : วันจันทร์ และ 28 ธันวาคม – 3 มกราคมของทุกปี
ค่าเข้าชม : 500 เยน
ที่อยู่ : 45-26 Uji-Higashiuchi Uji City Kyoto 611-0021 จากสถานี JR Uji เดิน 15 นาที
โทร : 0774-39-9300
เว็บไซต์ภาษาอังกฤษ http://www.uji-genji.jp/en/
เว็บไซต์ภาษาญี่ปุ่น http://www.uji-genji.jp/
การเดินทางมาที่เมือง Uji
จากเมือง วิธีการเดินทาง
Tokyo จากสถานี Tokyo ถึง สถานี Kyoto โดยรถไฟ JR Tokaido Shinkansen Line (Nozomi) ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง 15 นาที

ต่อจากสถานี Kyoto ถึง สถานี Uji โดยรถไฟ JR Nara Line (Miyakoji rapid service) ใช้เวลาประมาณ 18 นาที

Osaka 28 min to Kyoto Station by JR Tokaido Line (new rapid service).
Kyoto จากสถานี Kyoto ถึง สถานี Uji โดยรถไฟ JR Nara Line ใช้เวลาประมาณ 18 นาที

จากสถานี Kyoto ถึง สถานี Uji โดยรถไฟเอกชน ใช้เวลาประมาณ 40 นาที

หาเส้นทางเพิ่มเติม http://www.hyperdia.com/
เว็บไซต์ของ JNTO https://www.jnto.go.jp/eng/location/regional/kyoto/uji.html
จดหมายข่าวอื่นๆ