สัมผัสธรรมชาติ ซึมซาบวัฒนธรรม ทั่วภูมิภาคโทโฮคุ : วันที่ 3 จังหวัดมิยะงิ (Miyagi)

สุสานซุยโฮเดน (Zuihoden)

สุสานซุยโฮเดน (Zuihoden) ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1636 เพื่อเป็นอนุสรณ์หลังการเสียชีวิตของท่านดะเตะ มะซะมุเนะ (Date Masamune) ผู้ก่อตั้งและปกครองเมืองเซนไดซึ่งเคยเป็นผู้ครองเมืองที่มีอำนาจมาก ต่อมาถูกเผาทำลายในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 จึงได้ถูกสร้างขึ้นใหม่ในปี ค.ศ. 1979 ปัจจุบันด้านในเป็นที่จัดแสดงสิ่งของล้ำค่าทางประวัติศาสตร์ และได้รับการยกย่องให้เป็นสมบัติแห่งชาติ อาคารสุสานเป็นแบบโมโมยามะ (Momoyama Period) ซึ่งมีจุดเด่นคืองานไม้สีดำ เน้นแกะสลักและสีสันสดใส

ซากปราสาทเซนได (Sendai Castle Ruins)

ซากปราสาทเซนได (Sendai Castle Ruins) หรืออีกชื่อหนึ่งว่าปราสาทอะโอบะ (Aoba Castle) สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1600 โดยท่านดะเตะ มะซะมุเนะ (Date Masamune) ปัจจุบันอาคารหลักของปราสาทได้ถูกทำลายไปแล้วในช่วงสงคราม หลงเหลือเพียงกำแพงหินที่ได้รับการบูรณะสร้างขึ้นใหม่ และรูปปั้นของท่านมะซะมุเนะ ในขณะที่ทรงม้าอยู่ รวมถึงมีพิพิธภัณฑ์ปราสาทซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกัน และเนื่องจากที่ตั้งของปราสาทนั้นอยู่บนเนินเขาจึงสามารถชมวิวเมืองในมุมสูงได้ด้วย

ศาลเจ้าชิโองะมะ (Shiogama Shrine)

ศาลเจ้าชิโองะมะ (Shiogama Shrine) มีประวัติยาวนานตั้งแต่ประมาณช่วงปี ค.ศ. 800 และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสินทรัพย์ทางวัฒนธรรมที่สำคัญของประเทศญี่ปุ่นด้วย เป็นศาลเจ้าชินโตขนาดใหญ่ใจกลางเมืองชิโองะมะ ทางเข้าของศาลเจ้าเป็นบันไดสูงชันกว่า 200 ขั้นขึ้นไปยังเนินเขา ซึ่งถือเป็นอดีตศาลเจ้าที่สำคัญที่สุดของภูมิภาค คุ้มครองชาวประมงและการให้กำเนิดเด็กอย่างปลอดภัย นอกจากนี้บริเวณศาลเจ้ายังเป็นจุดชมดอกซากุระที่มีต้นซากุระมากกว่า 300 ต้น รวม 20 สายพันธุ์

เกาะมัตสึชิมะ (Matsushima) เป็นเกาะทางชายฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของเซนได ถือเป็น 1 ใน 3 สถานที่ที่งดงามที่สุดในญี่ปุ่น มีเกาะน้อยใหญ่กว่า 260 เกาะ สามารถล่องเรือชมเกาะในอ่าวมัตสุชิมะได้ และมีสัญลักษณ์ประจำเกาะคือ วัดโกะไดโด (Godaido) ที่สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 807 เป็นจุดที่สามารถชมอ่าวมัตสึชิมะได้ทั้งหมด นอกจากนี้ยังสามารถชมพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ของท่านดะเตะ มะซะมุเนะได้ที่นี่ด้วย รวมถึงอย่าพลาดการแวะชิมหอยนางรมย่าง เมนูขึ้นชื่อของเกาะแห่งนี้

พักในเมืองเซ็นได (Sendai)

*แผนการเดินทางเสริม*

แม่น้ำชิโรอิชิ (Shiroishi River) ตั้งอยู่ห่างจากเมืองเซนไดไปทางทิศใต้ เส้นทางริมแม่น้ำมีความยาว 8 กิโลเมตร ตลอดทางมีต้นซากุระเกือบ 1,200 ต้น จุดชมวิวที่มีชื่อเสียงในท้องถิ่นคือ Hitome Senbonzakura ซึ่งเป็นจุดกึ่งกลางระหว่างสถานีรถไฟ Funagaoka และ Ogawara ในวันที่ท้องฟ้าโปร่ง จะสามารถมองเห็นต้นซากุระ 1,000 ต้นและภูเขาซะโอ (Mount Zao) ในระยะไกล

สวนซากปราสาทฟุนะโอกะ (Funaoka Castle Ruin Park) เป็น 1 ใน 100 จุดชมซากุระที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น บริเวณนี้เคยเป็นที่ตั้งของปราสาท แต่ได้ถูกทำลายลงในช่วงสงครามปี ค.ศ. 1671 ต่อมาจึงได้ถูกปรับปรุงให้กลายเป็นสวนที่ปลูกต้นซากุระกว่า 1,000 ต้นและดอกไม้อื่นๆ กิจกรรมที่ได้รับความนิยมในช่วงซากุระบานคือ การนั่งรถรางสโลปคาร์ (Slope car) ลอดผ่านอุโมงค์ซากุระระยะทางราว 300 เมตร

หุบเขานารุโกะ (Naruko Gorge) ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในสถานที่ชมใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยที่สุดในภูมิภาคโทโฮคุ ช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับการมาชมใบไม้เปลี่ยนสีจะอยู่ในช่วงประมาณปลายเดือนตุลาคมถึงประมาณต้นเดือนพฤศจิกายน โดยจะมีเส้นทางการเดินชมประมาณ 2.5 กิโลเมตร อีกทั้งที่นี่ยังมีพิพิธภัณฑ์จัดแสดงตุ๊กตาโคเคชิ (Kokeshi Musuem) ซึ่งสามารถหาซื้อหรือทดลองทำตุ๊กตาด้วยตัวเองได้ นอกจากนี้ยังเป็นที่ตั้งของเมืองน้ำพุร้อนนารุโกะอนเซ็น (Naruko Onsen) อีกด้วย